ท่ามกลางกระแสเรียกร้อง #นิรโทษกรรม เพื่อยุติการดำเนินคดีทางการเมือง โดยมีร่างพ.ร.บ.ที่เสนอจากทั้งพรรค #รวมไทยสร้างชาติ พรรค #ก้าวไกล พรรคอื่นๆ และข้อเสนอ #นิรโทษกรรมประชาชน จากการเข้าชื่อของประชาชน 35,905 คน คณะรัฐมนตรีกลับยังไม่เสนอร่างของรัฐบาล
เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2567 #พรรคเพื่อไทย แสดงความตั้งใจที่จะทำเรื่องนิรโทษกรรมโดยการเสนอให้สภาผู้แทนราษฎรตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการตราพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม (กมธ.นิรโทษกรรม) ขึ้นมาศึกษาแนวทาง ระหว่างที่ยังมีคนอยู่ในเรือนจำและมีคดีเดินหน้าสู่การพิพากษาอีกมากมาย โดยประเด็นสำคัญที่ทุกคนจับตา ท่ามกลางควาทเห็นต่างกันสุดขั้ว คือกานิรโทษกรรมนั้นจะรวมความผิดฐานหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ฯ ตาม #มาตรา112 ด้วยหรือไม่
หลังทำงานไป 6 เดือนเต็ม เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2567 นิกร จำนง เลขานุการของกมธ.นิรโทษกรรม แถลงสรุปผลการทำงานว่า สำหรับคดีมาตรา 112 นั้น ”เป็นประเด็นที่มีความอ่อนไหว“
ก่อนหน้านี้ ชูศักดิ์ ศิรินิล ประธานกมธ.นิรโทษกรรม เคยให้สัมภาษณ์ว่า ความผิดที่เกี่ยวกับ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 110 และมาตรา 112 คณะกรรมาธิการเห็นว่า เป็นความผิดที่มีความอ่อนไหวทางการเมือง และการทำงานของกรรมการเป็นการศึกษาหาแนวทางตรากฎหมาย จึงมีมติว่า ไม่โหวตว่าชนะ-แพ้ แต่จะส่งความเห็นทั้งสามประเภท ได้แก่ ประเภทแรกเห็นว่าไม่ควรนิรโทษกรรม ประเภทที่สอง ให้นิรโทษกรรมโดยไม่มีเงื่อนไข และประเภทที่สาม ให้นิรโทษกรรมแบบมีมาตรการเงื่อนไข เช่น ให้มีคณะกรรมการขึ้นมาพิจารณาให้กำหนดเงื่อนไขต่างๆ และมาตรการป้องกันกระทำความผิดซ้ำ ซึ่งหมายความว่า หลังการทำงานของกมธ.ชุดนี้ ก็ยังไม่ได้มีข้อสรุปเรื่องคดีความตามมาตรา 112 เป็นอย่างใด
แม้ว่าวันนี้รายงานของกมธ. จะยังไม่ได้นำขึ้นเว็บไซต์ของสภาผู้แทนราษฎรเพื่อให้ประชาชนเข้าถึงได้ แต่นิกร ก็คาดหมายว่า สภาจะนำรายงานไปพิจารณา คาดว่าเร็วที่สุดคือ วันที่ 15 สิงหาคม หรือช้าสุดวันที่ 22 สิงหาคม 2567