หนึ่งในประเด็นที่ที่ถูกตั้งคำถามมากที่สุดในช่วงการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. เมื่อปี 2565 คือ บทบาทของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ต่อการอำนวยความสะดวกและดูแลการจัดการชุมนุมสาธารณะในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ซึ่งนโยบายการเปิดพื้นที่สาธารณะของกรุงเทพฯ ให้เป็นพื้นที่ชุมนุม เป็นนโยบายที่มีร่วมกันของผู้สมัครรับเลือกตั้งหลายคน ทั้งชัชชาติ สิทธิพันธุ์, วิโรจน์ ลักขณาอดิศร และสกลธี ภัททิยกุลท่ามกลางบรรยากาศความพยายามปิดกั้นการแสดงออกด้วยกฎหมายต่างๆ ในสมัยรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ปฏิเสธไม่ได้ว่าการจัดการของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร คนก่อนหน้าอย่าง พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ซึ่งถูกแต่งตั้งโดยคำสั่งหัวหน้า คสช. ตาม “มาตรา 44” ไม่ได้มีท่าทีที่ “เป็นมิตร” ต่อการชุมนุมของผู้ชุมนุมฝั่งต่อต้านรัฐบาลสักเท่าไร ทั้งในเรื่องของการอำนวยความสะดวกและการให้ความร่วมมือในด้านสถานที่ เมื่อมีการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครคนใหม่เป็นชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ที่ชนะมาด้วยคะแนนอันท่วมท้น พร้อมตามมาด้วยรัฐบาลใหม่ในปี 2566 ที่นำโดยพรรคเพื่อไทย ประเด็นการอำนวยความสะดวกให้การชุมนุมมีความผ่อนคลายลงบ้าง ส่วนหนึ่งอาจจะมาจากจำนวนการชุมนุมที่ลดน้อยลง ความตึงเครียดทางการเมืองที่ลดลง
ประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจคือ การออกประกาศใหม่กำหนดสถานที่ “ให้ชุมนุมได้” ภายใต้ผู้ว่าฯ ชัชชาติ
กำหนดพื้นที่ 7 แห่งทั่วกรุงเทพฯ เป็นสถานที่ชุมนุมได้ ระบุฯ ขอใช้สถานที่ไม่น้อยกว่า 24 ชม.
ไม่นานหลังจากชัชชาติ สิทธิพันธุ์ได้เข้าสู่ตำแหน่งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เขาได้ออกประกาศกรุงเทพมหานคร เรื่อง จัดให้มีสถานที่เพื่อใช้สำหรับการชุมนุมสาธารณะ ลงวันที่ 23 มิถุนายน 2565 โดยอาศัยอำนาจตามมาตรา 9 แห่งพระราชบัญญัติชุมนุมสาธารณะ พ.ศ. 2558 และมาตรา 49 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2528 โดยกำหนดให้สถานที่ทั้งหมด 7 แห่งให้เป็นสถานที่สำหรับการชุมนุมสาธารณะ ได้แก่
(1) ลานคนเมือง
(2) ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย-ญี่ปุ่น)
(3) ที่สาธารณะใต้สะพานรัชวิภา (ใกล้ซอยภิวาสดีรังสิต 36)
(4) ลานจอดรถหน้าสำนักงานเขตพระโขนง
(5) ศูนย์กีฬาเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา
(6) ศูนย์กีฬาเฉลิมพระเกียรติบางมด
(7) สวนมณฑลภิรมณ์
ตามประกาศฯ กำหนดให้ผู้จัดการชุมนุมที่มีความต้องการจะจัดการชุมนุมตามสถานที่ 7 แห่ง จะต้องแจ้งการใช้สถานที่ต่อสำนักงานเขตพื้นที่ ตามแบบหนังสือแจ้งการชุมนุมและเอกสารที่เกี่ยวข้องก่อนจัดการชุมนุมไม่น้อยกว่า 24 ชั่วโมง เพื่อให้สำนักงานเขตพื้นที่ได้แจ้งให้เจ้าหน้าพนักงานดูแลการชุมนุมสาธารณะทราบ การส่งหนังสือสามารถทำได้โดยการแจ้งโดยตรงต่อสำนักงานเขต, การแจ้งทางโทรสาร (Fax) และ การแจ้งทางอีเมล์

แกนนำผู้ชุมนุมชี้ ประกาศฯ เหมือนดาบสองคม หนุน กทม. รับรองสิทธิชุมนุมบนท้องถนนแทน
ภายหลังประกาศฯ ถูกเผยแพร่และมีผลบังคับใช้ เกิดข้อวิพากษ์วิจารณ์ถึงความเหมาะสมต่อการใช้พื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ชุมนุม สำนักข่าวบีบีซีไทย เผยแพร่ความเห็นของ “ชลธิชา แจ้งเร็ว” แกนนำผู้ชุมนุมที่เคยจัดการชุมนุมมาแล้วหลายครั้งว่า พื้นที่ทั้ง 7 แห่งที่ผู้ว่าฯ จัดไว้ให้ไม่ได้เอื้อต่อการชุมนุม เพราะเวลาที่จัดการชุมนุม ผู้ชุมนุมย่อมต้องการให้ข้อเรียกร้อง ความคิดเห็น หรือประเด็นของการชุมนุมขยายไปสู่พื้นที่สาธารณะ แต่พื้นที่ส่วนมากที่จัดให้เป็นพื้นที่ที่เข้าถึงได้ยาก จากสถานที่ทั้งหมด อาจจะมีเพียงสถานที่แห่งเดียวใช้งานในการจัดการชุมนุมได้จริง คือ ลานคนเมือง
ชลธิชายังอธิบายเพิ่มเติมอีกว่า การจัดเตรียมพื้นที่สาธารณะให้ อาจจะเป็นเหมือนกับดาบสองคม เพราะถ้าผู้ชุมนุมไม่ไปตามสถานที่ที่กำหนดเอาไว้ ก็ดูจะเป็นการสร้างความปั่นป่วนในเกิดขึ้นในบ้านเมือง กทม. ควรต้องออกมารับรองการใช้เสรีภาพในการชุมนุมบนท้องถนนด้วย เพราะเป็นการจัดการชุมนุมตามมาตรฐานสากล และ พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ ของประเทศไทย ก็รับรองเรื่องการชุมนุมบนท้องถนนด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ การประกาศให้ใช้พื้นที่ในการชุมนุมฯ ยังเป็นการประกาศโดยใช้อำนาจตาม มาตรา 9 แห่ง พ.ร.บ.ชุมนุมฯ โดยระบุรายละเอียดว่าต้องแจ้งการใช้สถานที่ต่อสำนักงานเขตต่างๆ จึงเกิดคำถามว่าต้องแจ้งใครบ้างระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจท้องที่หรือสำนักงานเขต หรือต้องแจ้งทั้งสอง เพราะที่ผ่านมาเคยแจ้งแต่เพียงเจ้าหน้าที่ตำรวจในท้องที่เท่านั้น
ชลธิชายังทิ้งท้ายว่า กทม. ไม่จำเป็นต้องออกมาประกาศเรื่องพื้นที่สาธารณะในการจัดการชุมนุม แต่ กทม. ควรมีนโยบายไปยังสำนักงานเขตในแต่ละพื้นที่ว่าทาง กทม. ยินดีจะให้ประชาชนใช้พื้นที่ของ กทม. ในการแสดงความคิดเห็นการชุมนุมก็เพียงพอแล้ว
คำพูดของ “ชลธิชา” สอดคล้องกับความคิดของภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล หรือมายด์ อีกหนึ่งแกนนำผู้ชุมนุม ที่ให้ความเห็นว่า พื้นที่สาธารณะเป็นทรัพย์สินของประชาชนและชาติ เพราะฉะนั้นประชาชนที่อยากจะออกมาใช้สิทธิ์ในการเรียกร้องต้องสามารถทำได้ทุกที่ การไปจำกัดกรอบว่าสถานที่ไหนเป็นที่ที่ถูกต้องหรือใช้ในการชุมนุมได้ เห็นว่ายังไม่ถูกต้องตามหลักประชาธิปไตยเต็มใบเสียเท่าไร
อย่างไรก็ตาม ชัชชาติ เคยกล่าวไว้ก่อนจะออกประกาศดังกล่าวว่า พื้นที่ที่กำหนดขึ้นถือเป็นจุดทดลอง 1 เดือน เนื่องจาก กทม. ยังไม่เคยประกาศให้มีพื้นที่ชุมนุมสาธารณะ จากนี้จะพิจารณาว่าเป็นประโยชน์ตามวัตถุประสงค์ของการประกาศพื้นที่และประชาชนส่วนใหญ่ได้ประโยชน์หรือไม่ รวมทั้งสามารถดูแลการจัดการชุมนุมให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของ พ.ร.บ.ชุมนุมฯ ได้หรือไม่
แต่จนผ่านมาเกือบสามปีเต็มหลังประกาศฉบับดังกล่าวออกมาใช้บังคับ ยังคงไม่มีแนวโน้มว่า จะมีการศึกษาหรือถอดบทเรียน เพื่อแก้ไขปรับปรุงรายละเอียดในประกาศให้เหมาะสมสอดคล้องกับสภาพการชุมนุมมากขึ้นหรือไม่ และสถานที่เจ็ดแห่งตามประกาศก็แทบไม่ถูกใช้ในการชุมนุมสาธารณะเลย จะถูกใช้เพื่อจัดกิจกรรมหาเสียงทางการเมืองบ้าง แต่การชุมนุมของประชาชนที่เกิดขึ้นเพื่อส่งเสียงเรียกร้องจริงๆ ก็มักจะเกิดขึ้นตามสถานที่ที่ใกล้กับอำนาจการตัดสินใจ เช่น ข้างทำเนียบรัฐบาล ข้างอาคารรัฐสภา หน้าศาล หรือหน้าที่ทำการกระทรวงต่างๆ นอกจากลานคนเมืองหน้าศาลาว่าการกรุงเทพมหานครแล้ว สถานที่อื่นแทบไม่ถูกใช้เพื่อจัดการชุมนุมสาธารณะของประชาชนเลย
7 พื้นที่ชุมนุมอยู่ตรงไหน เหมาะกับการชุมนุมมากน้อยแค่ไหน?
พื้นที่ทั้งเจ็ดแห่งที่ออกประกาศให้เป็นสถานที่ชุมนุมนั้น กระจายอยู่ทั่วพื้นที่ของกรุงเทพมหานครฯ โดยมีพื้นที่ที่อยู่ “สุดขอบ” ทั้งสี่ทิศของกรุงเทพฯ ตั้งแต่ฝั่งทิศเหนือ ในเขตจตุจักร คือสวนใต้สะพานรัชวิภา ฝั่งทิศตะวันตกขยับออกไปเกือบถึงพื้นที่ของจังหวัดนครปฐมในเขตตลิ่งชัน คือ สวมมณฑลภิรมณ์ ลากลงทิศใต้ไปจนถึงแถวย่านพระรามสองขนานไปกับพื้นที่ของจังหวัดสมุทรปราการ ในเขตทุ่งครุ คือ ศูนย์กีฬาเฉลิมพระเกียรติบางมด และออกไปทางด้านตะวันออก ลึกเข้าไปในพื้นที่ย่านลาดกระบังเหนือ แนวเส้นชายแดนระหว่างกรุงเทพฯ กับจังหวัดฉะเชิงเทรา คือ ศูนย์กีฬาเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา
ส่วนด้านพื้นที่กรุงเทพมหานครชั้นใน มีทั้งหมด 3 แห่งคือ ลานคนเมือง สำนักงานเขตพระโขนง และศูนย์เยาวชน (ไทย-ญี่ปุ่น) เป็นพื้นที่รองรับตั้งผู้ชุมนุมแต่ย่านเขตพระราชวัง อนุสาวรีย์ชัยฯ จวบจรดถนนสุขุมวิท อันเป็นพื้นที่ตัวเมืองชั้นในที่มีประชากรอยู่อย่างหนาแน่น

(1) ลานคนเมือง
ลานคนเมือง ลานกิจกรรมหน้าศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร ตั้งอยู่ตรงข้ามกับเสาชิงช้าในเขตพระนคร สถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่เพียงแห่งเดียวจากพื้นที่ทั้งหมดที่ประกาศฯ กำหนดให้เป็นพื้นที่ชุมนุม ที่เคยผ่านจัดการกิจกรรมการชุมนุมมาแล้วจริงๆ ในช่วงเวลาที่ผ่านมาไม่นานนี้ ไม่ว่าจะเป็นการชุมนุม “เคาท์ดาวน์ 6 ปีประยุทธ์”, “DEMO EXPO”, “6 ตุลาหวังว่าเสียงลมจะพาล่องไป” หรือการชุมนุมราษฎรหยุด APEC เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2565
ลานคนเมืองมีจุดเด่นที่อยู่ใกล้กับสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์และพื้นที่ชุมนุมยอดนิยมอย่างอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย สนามหลวง และมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ อยู่ด้านหน้าศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร เหมาะสมสำหรับการชุมนุมที่มีข้อเรียกร้องไปยังกรุงเทพมหานคร อีกทั้งถ้าจะเริ่มต้นชุมนุมเพื่อเดินขบวนไปทำเนียบรัฐบาล นี่ก็คือสถานที่ใกล้ที่สุด
ตามประกาศของกรุงเทพฯ มีการประเมินจำนวนผู้ชุมนุมที่รองรับได้อยู่ที่ราว 1,000 คน แต่ในความเป็นจริง จากการชุมนุมที่ผ่านมา สามารถรองรับได้หลายพันคน โดยมีห้องน้ำให้บริการอยู่ที่ลานจอดรถชั้นใต้ดินของลานคนเมือง ทั้งหมด 2 ฝั่ง ฝั่งละ 2 ห้อง ซึ่งหากผู้ชุมนุมมีจำนวนมากก็ยังจำเป็นต้องพึ่งพารถสุขาเคลื่อนที่จากภายนอกอยู่ แสงไฟในตอนกลางคืนถือว่าสว่างเพียงพอ แต่พื้นที่ตรงบริเวณกลางลานจะค่อนข้างมืด หากต้องการทำชุมนุมในช่วงกลางคืน จำเป็นต้องมีการติดตั้งแสงไฟจากแหล่งภายนอกเพื่อช่วยส่องสว่าง
ลานคนเมืองมีลักษณะพื้นที่ เป็นลานกว้างสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดใหญ่ ไม่มีสิ่งก่อสร้าง เปิดโล่ง อากาศถ่ายเทได้สะดวก สามารถจัดกิจกรรมได้หลากหลายรูปแบบ มีข้อเสีย คือ เวลากลางวันอากาศค่อนข้างร้อน พื้นที่เป็นลานโล่งกว้างไม่ค่อยมีต้นไม้หรือร่มเงาอื่น ยากต่อการปักหลักในเวลากลางวัน
ลานคนเมืองตั้งอยู่บริเวณเส้นทางสัญจรหลักของกรุงเทพฯ ใกล้กับแหล่งท่องเที่ยว ที่อยู่อาศัย และสถานที่ราชการ บริเวณโดยรอบมีร้านค้า ร้านอาหาร และป้ายรถเมล์ เป็นสถานที่ที่เหมาะสมกับการจัดการชุมนุมที่สุดในบรรดาพื้นที่ตามประกาศฉบับนี้ การเดินทางมาค่อนข้างสะดวก สามารถนั่งรถเมล์มาลงที่ป้ายอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยแล้วเดินมาที่ลานคนเมืองได้ โดยสายรถเมล์ที่ผ่านมี 203, 32, 35, 556 (ปอ.), 59 หรือสามารถนั่งสาย 12 19 ลงที่ลานคนเมืองได้เลย หากไม่สะดวกก็มีสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินสามยอดห่างออกไป 750 หรือจะนั่งเรือด่วนฯ มาลงที่ท่าเตียนหรือท่าพระจันทร์และต่อรถมาก็ได้
สำนักงานเขตผู้รับผิดชอบ: สำนักงานเขตพระนคร
สถานีตำรวจท้องที่: สน.สำราญราษฎร์
พิกัด: https://goo.gl/maps/wt267dTcGwtgbstq7
ความเหมาะสมสำหรับการจัดชุมนุม : 4 / 5


(2) ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย-ญี่ปุ่น)
ขยับออกมาถึงจุดที่ตั้งอยู่ใกล้กับศูนย์กลางการเดินทางอย่าง อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ กับ ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย-ญี่ปุ่น) ศูนย์เยาวชนฯ แห่งนี้เป็นศูนย์กีฬาที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกหลากหลาย มีสนามฟุตบอลพร้อมอัฒจรรย์ตั้งอยู่ตรงกลางของศูนย์เยาวชน โดยมีอาคารยิมเนเซียม สนามเทนนิส สระว่ายน้ำและหอพักนักกีฬาตั้งรายล้อม ในเวลาทำการ ศูนย์เยาวชนฯ จะเปิดพื้นที่ให้ประชาชนทั่วไปได้มาใช้บริการ บางวันอาจมีการแข่งขันฟุตบอลหรือการจัดแสดงคอนเสิร์ต และมีอาคารกีฬาในร่มให้ใช้ทั้งสำหรับการแข่งกีฬารวมทั้งกิจกรรมอื่นๆ ด้วย
สถานที่แห่งนี้เคยถูกใช้เป็นพื้นที่รับสมัครผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เป็นที่เปิดตัวพรรคการเมืองต่างๆ ที่หัวหน้าพรรคและบุคคลสำคัญทางการเมืองจะต้องมาจับสลากหมายเลขในวันแรกของการสมัครรับเลือกตั้ง ทำให้ถูกจดจำเป็นสถานที่ที่ใช้ในงานกิจกรรมทางการเมืองด้วย แต่ถนนด้านหน้าที่เป็นถนนหลักเพื่อจะเข้าสู่ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานครแห่งนี้ เป็นถนนขนาดเล็กที่ไม่ได้เป็นเส้นทางสัญจรหลักของผู้คน เป็นถนนสำหรับเดินทางเข้ามายังศูนย์กีฬาโดยเฉพาะ
พื้นที่ที่สามารถใช้จัดการชุมนุมได้ คือบริเวณลานด้านหน้าของศูนย์เยาวชนฯ ซึ่งเป็นทางเข้าด้านหน้าของอาคารสนามฟุตบอล โดยมีลักษณะเว้าเป็นครึ่งวงกลมเข้าหาอาคาร ลานกว้างด้านหน้าสามารถรองรับผู้ชุมนุมได้อย่างน้อย 5,000 คนแบบแบบไม่อึดอัด หากมีผู้ชุมนุมยืนหรือนั่งโดยเว้นระยะห่างลงมาใกล้ชิดกันอีกก็สามารถรองรับได้ในจำนวนที่มากขึ้น ข้อดีของสถานที่นี้ คือ ลานขนาดกว้างที่เหมาะสม แต่ข้อเสียของสถานที่นี้ คือ เมื่อจัดชุมนุมเพื่อแสดงออกซึ่งข้อเรียกร้องแล้วก็ไม่มีใครผ่านมาเห็น ไม่สามาระใช้เพื่อสื่อสารกับประชาชนทั่วไปได้
ด้านห้องน้ำมีให้ใช้บริการอย่างน้อย 5 แห่ง แบ่งเป็นห้องน้ำในอาคารสนามฟุตบอลจำนวน 4 แห่ง และบริเวณลู่วิ่งสำหรับออกกำลังกายภายนอกอาคารฟุตบอลอีก 1 แห่ง แต่ทั้งนี้ผู้ชุมนุมสามารถใช้ห้องน้ำที่อยู่ในอาคารยิมเนเซียมเพิ่มอีกต่างหากได้ ขึ้นอยู่กับการจัดการดูแลของผู้รับผิดชอบสถานที่ ไฟส่องสว่างพอมีติดตั้งตามอาคารและตามทางลู่วิ่งออกกำลังกายภายนอกอาคาร แต่ไม่เพียงพอต่อการรองรับผู้ชุมนุมส่วนใหญ่ที่อยู่บริเวณลานทางเข้า โดยเฉพาะบริเวณที่ขยับเข้าไปในพื้นที่สนามหญ้าหรือใต้ร่มไม้ จำเป็นต้องพึ่งพาไฟจากภายนอกเพื่อส่องสว่าง
ส่วนทางเข้าออกของศูนย์เยาวชนฯ มีทั้งหมดสองฝั่ง แบ่งเป็น ฝั่งถนนมิตรไมตรี 3 ประตู และฝั่งซอยมิตรไมตรี 1 อีก 3 ประตู พื้นที่โดยรอบเป็นแฟลต ที่อยู่อาศัยและอาคารศาลาว่าการกรุงเทพมหานครแห่งที่สอง
สำหรับการเดินทาง สามารถนั่งรถเมล์มาลงได้ 2 ป้าย คือ ป้ายหน้าโรงเรียนพิบูลประชาสรรค์ (ปอ.171, ปอ.172, ปอ.514, ปอ.529, ปอพ.4, ปอพ.25, ปอพ.34, 204, 514, 12, 13, 36, 36ก, 54, 73, 73ก, 157, 163, 168 และป้ายสะพานลอย ตรงข้ามโรงพยาบาลทหารผ่านศึก (ปอ.24, 69, 92, 538, 504, 24, 69, 92) สถานีรถไฟฟ้าที่ใกล้ที่สุดคือ สถานี BTS อนุสาวรีย์ชัยฯ ห่างออกไป 2 กิโลเมตร หรือสถานี MRT พระราม 9 ซ่งห่างออกไป 3 กิโลเมตร
สำนักงานเขตผู้รับผิดชอบ: สำนักงานเขตดินแดง
สถานีตำรวจท้องที่: สน.ดินแดง
พิกัด:https://goo.gl/maps/xjnLRQi929Knjgmc9
ความเหมาะสมสำหรับการจัดชุมนุม : 2 / 5


(3) สวนสาธารณะใต้สะพานรัชวิภา
สวนแห่งนี้ อาจเรียกได้ว่าเป็นสถานที่ที่ “แย่” เป็นอันดับต้นๆ สำหรับจัดการชุมนุม เมื่อเปรียบเทียบกับพื้นที่ตามประกาศฯ ทั้งหมด เนื่องจากที่สวนแห่งนี้ตั้งอยู่ “ใต้สะพาน” รัชวิภา ซึ่งเป็นสะพานต่างระดับสำหรับใช้ข้ามถนนวิภาวดีรังสิตของผู้ที่สัญจรบนถนนรัชดาภิเษกไปทางประชาชื่น จึงมีขนาดค่อนข้างเล็ก พื้นเพเดิมเป็นที่ตั้งของ “แก้มลิง” ใต้ดินสำหรับใช้ในการระบายน้ำของกรุงเทพฯ ต่อมาจึงปรับปรุงเป็นสวนสาธารณะสำหรับให้ประชาชนใช้ออกกำลังกายหรือทำกิจกรรม เรียกว่า “สวนสาธารณะใต้สะพานรัชวิภา”
ด้านฝั่งตรงข้ามของสวน มีพื้นที่กว้างโล่งตั้งอยู่กลางวงเวียนสำหรับเลี้ยวรถเข้าออกถนนวิภาวดีรังสิต หากใช้พื้นที่ทั้งสองฝั่งก็สามารถรองรับผู้ชุมนุมได้ในระดับประมาณ 1,000 คน แต่จุดน่ากังวล คือพื้นที่ทั้งสองฝั่งถูกคั่นกลางด้วยถนนวงเวียนสำหรับเข้าออกถนนวิภาวดีรังสิต ซึ่งอาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุกับผู้ชุมนุมได้ แต่หากใช้เพียงฝั่งใดฝั่งหนึ่งก็จะส่งผลให้จำนวนผู้ชุมนุมที่รองรับได้ลดลง อยู่ที่ประมาณ 500 คนเท่านั้น
สวนแห่งนี้ในเวลาปกติใช้เป็นสถานที่ออกกำลังกาย แต่ก็มีประชาชนมาใช้บริการไม่มากนักเนื่องจากพื้นที่ไม่กว้างขวางมาก และอยู่ติดกับถนน การออกกำลังกายก็ยังไม่เหมาะสมเพราะมีควันรถจากถนนเข้ามาในสวนจากทุกด้าน ห้องน้ำและไฟส่องสว่างนั้นมีจำกัด เพราะมีให้บริการเพียงฝั่งสวนเพียงฝั่งเดียวสำหรับรองรับคนมาออกกำลังกายเท่านั้น น่าจะเหมาะรองรับคนที่มาได้วันละประมาณ 100-200 คน หากใช้พื้นที่ฝั่งตรงข้ามสวนก็จะไม่มีแสงไฟส่องสว่างและห้องน้ำ โดยไม่มีจุดเหมาะสมที่สามารถใช้ตั้งเวทีและเครื่องขยายเสียงที่เห็นและได้ยินชัดเจนจากทั้งสองฝั่ง ต้องเลือกเพียงฝั่งใดฝั่งหนึ่งเท่านั้น
ด้านการเดินทางก็เป็นข้อพิจารณาอีกข้อหนึ่ง เพราะสวนตั้งอยู่ใต้สะพานข้ามแยกที่อยู่ติดกับถนนขนาดใหญ่พิเศษ ทำให้การเดินข้ามไปข้ามมาระหว่างสองฝั่งถนนวิภาวดีรังสิตค่อนข้างลำบาก รถเมล์ที่ผ่านทางมาก็มีค่อนข้างจำกัด จุดที่ใกล้กับสวนฯ มีแค่ 2 ป้ายเท่านั้น คือป้ายหน้าอาคารเอสซีบี พาร์ค (สาย 179, 543ก) และป้ายตรงข้ามอาคารเอสซีบี พาร์ค (สาย 179, 206, ปอ.206, 543ก) ส่วนสถานีรถไฟฟ้าที่อยู่ใกล้ที่สุด คือ สถานี MRTพหลโยธิน ห่างออกไป 2.8 กิโลเมตร
แม้จะเป็นสวนที่อยู่บริเวณถนนวิภาวดี แต่ไม่มีทางที่จะเดินเข้าได้จากถนนวิภาวดี หากนั่งรถเมล์มาลงถนนวิภาวดีก็ต้องเดินตามทางรถเข้ามายังถนนรัชดาก่อน หากขับรถมาก็ต้องกลับรถใต้สะพานข้ามแยก ซึ่งจุดที่ตั้งของสวนนี้ไม่สามารถมองเห็นได้ทั้งจากบนถนนวิภาวดี และถนนรัชดาภิเษก
แม้จะตั้งอยู่ไม่ไกลจากสถานที่ที่ประชาชนคุ้นเคย เช่น เซ็นทรัลลาดพร้าว เมเจอร์รัชโยธิน หรือศาลอาญา แต่ยังไม่เคยเห็นว่ามีกิจกรรมสาธารณะใดๆ มาใช้สวนแห่งนี้เป็นสถานที่จัดงาน
สำนักงานเขตผู้รับผิดชอบ: สำนักงานเขตจตุจักร
สถานีตำรวจท้องที่: สน.พหลโยธิน
พิกัด: https://goo.gl/maps/4XyVsSULrzgppcHW6
ความเหมาะสมสำหรับการจัดชุมนุม : 1 / 5


(4) ลานจอดรถของสำนักงานเขตพระโขนง
การไปชุมนุมในสำนักงานเขต อาจให้ความรู้สึกเหมือนกับการไป “ปิดสถานที่ราชการ” เพื่อเรียกร้องต่อสำนักงานเขตแห่งนั้น มากกว่าขอใช้สถานที่ราชการเพื่อการชุมนุมสาธารณะ ส่งข้อเรียกร้องไปยังหน่วยงานอื่นหรือยังรัฐบาลส่วนกลาง
ขนาดพื้นที่ของ ลานจอดรถ สำนักงานเขตพระโขนง จัดว่าเล็กมากอยู่แล้ว (เล็กกว่าที่สาธารณะใต้สะพานรัชวิภา) เมื่อต้องรองรับผู้ชุมนุม อาจรองรับได้เพียงแค่ 100-200 คน หากต้องใช้พื้นที่สำหรับติดตั้งเวทีและเครื่องขยายเสียงในการชุมนุม และลานจอดรถยังอยู่ภายในเขตรั้วของสำนักงานเขตที่ไม่ได้เชื่อมต่อกับถนนภายนอก คนที่จะเข้าร่วมการชุมนุมก็ต้องเดินเข้าไปในประตูรั้วก่อนเท่านั้น สิ่งอำนวยความสะดวกอย่างห้องน้ำ ก็มีพอให้ใช้ซึ่งเป็นห้องน้ำภายในอาคารของสำนักงานเขต แต่ขนาดของห้องไม่กว้างมาก และก็ต้องอาศัยการเข้าไปใช้ภายในตึกอาคาร
สถานที่นี้ไม่เหมาะสมสำหรับใช้การจัดการชุมนุมโดยสิ้นเชิง แม้ว่าจะเป็นที่ตั้งที่เดินทางได้สะดวก เพราะตั้งอยู่บนถนนสุขุมวิทและใกล้กับสถานีรถไฟฟ้า BTS อ่อนนุชที่ห่างออกไป 350 เมตรก็ตาม
สำนักงานเขตผู้รับผิดชอบ: สำนักงานเขตพระโขนง
สถานีตำรวจท้องที่: สน.พระโขนง
พิกัด:https://goo.gl/maps/dGAEEryA9bxKywNh9
ความเหมาะสมสำหรับการจัดชุมนุม : 0 / 5


(5) สวนมณฑลภิรมณ์
เช่นเดียวกับลานจอดรถของสำนักงานเขตพระโขนง สวนมณฑลภิรมณ์ มีปัญหาและข้อจำกัดแทบทุกอย่างคล้ายกันลานจอดรถของสำนักงานเขตมาใช้ในสวนแห่งนี้ จากสภาพพื้นที่แล้ว ไม่น่าจะสามารถเรียกได้ว่าเป็นสวน ทั้งขนาดและปริมาณพืชพรรณที่มี สถานที่แห่งนี้ดูเหมือนเป็นสนามฟุตซอลพื้นปูนขนาดย่อมที่เปิดให้นักเรียนโรงเรียนโพธิสารพิทยากรมาออกกำลังกายหลังเลิกเรียนกันมากกว่า พื้
พื้นที่ขนาดเล็กที่รองรับผู้ชุมนุมได้ไม่ถึง 100 คน ไม่มีห้องน้ำ มีเพียงเสาไฟขนาดเล็กที่ตั้งอยู่ทั้งสี่มุมของสวน ต้นไม้ไม่ร่มรื่น สวนมณฑลภิรมณ์แห่งนี้ตั้งอยู่บนถนนพุทธมณฑลสาย 1 ในส่วนที่ไม่ใช่ย่านชุมชน ผู้คนที่สัญจรไปมาจึงมีจำนวนน้อย โดยทั่วไปจะมีก็เพียงแต่ครู ผู้ปกครองและนักเรียนโรงเรียนโพธิสารพิทยากรที่สัญจรไปมาในบริเวณดังกล่าว ซึ่งจะคึกคักแค่เพียงช่วงเช้าก่อนเข้าเรียนและเย็นหลังเลิกเรียนเท่านั้น หากใช้สถานที่นี้จัดการชุมนุมสาธารณะก็ไม่สะดวกสำหรับการเดินทางมาเข้าร่วม และไม่สามารถสื่อสารข้อเรียกร้องไปถึงสาธารณะได้
ด้านการเดินทางจัดว่าอยู่ในระดับยากลำบาก แม้จะติดถนนใหญ่ แต่สวนมณฑลภิรมณ์ไม่มีป้ายรถเมล์ที่มีรถสาธารณะผ่าน มีแค่รถสองแถวประจำทางที่คอยรับส่งนักเรียน และไม่อยู่ใกล้จุดสำคัญใดๆ สถานีรถไฟฟ้าที่ใกล้ที่สุด คือ สถานี MRT บางแค ห่างออกไป 7 กิโลเมตร
สำนักงานเขตผู้รับผิดชอบ: สำนักงานเขตตลิ่งชัน
สถานีตำรวจท้องที่: สน.ตลิ่งชัน
พิกัด:https://goo.gl/maps/xXxG9JF3xx25AEBKA
ความเหมาะสมสำหรับการจัดชุมนุม : 0 / 5


(6) ศูนย์กีฬาเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา
อาจกล่าวได้ว่า ศูนย์กีฬาเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา เปรียบเทียบได้กับลานพญานาคของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ในขนาดที่เล็กลงมาเล็กน้อย ไม่ว่าจะด้วยลักษณะของพื้นผิวและฉากหลังที่เป็นสนามฟุตบอลขนาดใหญ่ ศูนย์กีฬาเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา ตั้งอยู่บนถนนร่มเกล้า ชายขอบของกรุงเทพฯ ใกล้กับเขตแดนของจังหวัดฉะเชิงเทรา ศูนย์กีฬาแห่งนี้ ถูกใช้ในจัดการแข่งขันทั้งกีฬาฟุตบอลและฟุตซอล รวมถึงเปิดพื้นที่บางส่วนให้ประชาชนทั่วไปเข้ามาใช้บริการสำหรับออกกำลังกายและทำกิจกรรม
สำหรับพื้นที่ที่สามารถใช้จัดการชุมนุมสาธารณะได้ คือ บริเวณลานทางเข้าสนามฟุตบอล มีลักษณะเป็นลานเปิดกว้าง มุมสองฝั่งด้านล่างล้อมด้วยสระน้ำ ทำให้พื้นที่มีขนาดเล็กลงมาเล็กน้อย เวทีและเครื่องขยายเสียงสามารถตั้งเรียงบริเวณบันไดทางขึ้นสนามฟุตบอล ซึ่งยกระดับขึ้นมาจากลานกว้างอีกชั้นหนึ่ง ทำให้ผู้ชุมนุมสามารถเห็นเวทีและได้ยินเสียงเครื่องขยายเสียงได้ชัดเจน สามารถรองรับผู้ชุมนุมได้ประมาณ 3,000 คน แบบไม่อึดอัด หากมีผู้ชุมนุมยืนหรือนั่งโดยเว้นระยะห่างลงมาใกล้ชิดกันอีกก็สามารถรองรับได้ในจำนวนที่มากขึ้น
ห้องน้ำมีให้ใช้อย่างน้อย 5 แห่ง แบ่งเป็นห้องน้ำในอาคารของสนามฟุตบอลจำนวน 4 แห่ง และอาคารยิมเนเซียมอีก 1 แห่ง ไฟส่องสว่างมีแค่ตามอาคารและทางเดินรถ แต่บริเวณลานกว้างสำหรับใช้จัดชุมนุมนั้นไม่มีติดตั้ง จำเป็นต้องพึ่งพาการติดตั้งแสงไฟจากอุปกรณ์ภายนอก ทางเข้าออกมีเพียงประตูด้านหน้า ซึ่งเข้าออกจากทางถนนร่มเกล้า พื้นที่โดยรอบไม่ใช่พื้นที่ชุมชน ไม่มีตึกรามบ้านช่อง เป็นพื้นที่รกร้างและไร่นา จึงมีคนสัญจรไปมาน้อย นอกจากผู้ที่ต้องการเดินทางมาใช้บริการศูนย์กีฬาโดยตรง มีข้อสังเกตเช่นเดียวกับกรณีของศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานครว่า ความสันโดษของสถานที่อาจทำให้การนำเสนอประเด็นของการชุมนุมไม่ถูกรับรู้มากนัก
ในส่วนของการเดินทาง ศูนย์กีฬาแห่งนี้เป็นสถานที่ที่เดินทางลำบากที่สุดในบรรดาพื้นที่ตามประกาศฯ ทั้งหมดนับจากสถานที่ใจกลางการตัดสินใจอย่างทำเนียบรัฐบาล เนื่องจากไม่สามารถเดินทางได้ด้วยระบบขนส่งสาธารณะ หากแต่ต้องเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวหรือรถแท็กซี่เท่านั้น และสถานีรถไฟฟ้าที่ใกล้ที่สุด คือสถานี Airport Link ลาดกระบัง ซึ่งห่างออกไป 13 กิโลเมตร นอกจากนี้ ที่ตั้งของศูนย์กีฬาฯ ยังค่อนข้างเปลี่ยว เป็นที่น่ากังวลในเรื่องการดูแลความปลอดภัย โดยเฉพาะการชุมนุมในช่วงเวลาเย็นถึงกลางคืน
สำนักงานเขตผู้รับผิดชอบ: สำนักงานเขตมีนบุรี
สถานีตำรวจท้องที่: สน.ฉลองกรุง
พิกัด: https://goo.gl/maps/XwB8ufP3GhBdcgq27
ความเหมาะสมสำหรับการจัดชุมนุม : 1 / 5


(7) ศูนย์กีฬาเฉลิมพระเกียรติบางมด
ศูนย์กีฬาเฉลิมพระเกียรติบางมด ตั้งอยู่ตรงข้ามกับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ซึ่งเป็นย่านย่านชุมชนขนาดใหญ่ที่มีประชากรอาศัยอยู่จำนวนมาก จึงทำให้ศูนย์กีฬาฯ มีทำเลที่ได้เปรียบและเหมาะสมกับการเป็นพื้นที่กลางสำหรับใช้จัดกิจกรรมสำหรับผู้ที่อาศัยอยู่ในบริเวณโดยรอบ ศูนย์กีฬาเฉลิมพระเกียรติบางมดมีลักษณะพื้นที่คล้ายกับศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร คือมีสนามฟุตบอลขนาดใหญ่ตั้งอยู่ตรงกลางและล้อมรอบด้วยอาคารยิมเนเซียม หอพักนักกีฬาและอาคารอื่นๆ รวมถึงเปิดให้ประชาชนทั่วไปสามารถเข้ามาใช้บริการเพื่อออกกำลังกายและทำกิจกรรมต่างๆ ได้
แต่ศูนย์กีฬาเฉลิมพระเกียรติบางมดกลับขาดปัจจัยสำคัญที่สุดของการเป็นพื้นที่ชุมนุม คือ ไม่มีลานขนาดกว้างใหญ่ที่เหมาะสมและเพียงพอต่อการจัดการชุมนุมให้เป็นพื้นที่รวมคน เพราะพื้นที่ส่วนใหญ่ถูกตัดแบ่งออกเป็นลานจอดรถสี่เหลี่ยมขนาดเล็ก ตั้งแยกอยู่ระหว่างหอพักนักกีฬาและยิมเนเซียมต่างๆ พื้นที่ขนาดใหญ่ที่สุดที่มี เป็นเพียงลานจอดรถหลักของศูนย์กีฬา ซึ่งลานจอดรถนี้อาจรองรับผู้ชุมนุมได้เพียงประมาณ 1,000 – 2,000 คนเท่านั้น
ข้อพิจารณาสำคัญอีกหนึ่งประการ คือการเป็นสถานที่ปิดของศูนย์กีฬาฯ แม้ตั้งอยู่ในย่านชุมชน แต่ศูนย์กีฬาฯ มีโครงสร้างอาคารที่ปิดล้อม ไม่สามารถมองเห็นกิจกรรมที่เกิดขึ้นจากผู้คนที่สัญจรผ่านภายนอกได้ เมื่ออยู่ในศูนย์กีฬาฯ แล้ว กิจกรรมภายในที่ดำเนินอยู่นั้นจะมีบรรยากาศที่ค่อนข้างตัดขาดตัวเองจากภายนอก จึงอาจส่งผลต่อความสามารถในการขยายประเด็นและข้อเรียกร้องของการชุมนุมต่อที่สาธารณะ เช่นเดียวกับที่ประสบปัญหาในศูนย์กีฬาอื่น
ข้อดีของศูนย์กีฬาเฉลิมพระเกียรติบางมด คือ จำนวนห้องน้ำที่มีรองรับมากถึง 20 แห่ง ประกอบกับแสงไฟจากเสาไฟที่ติดตั้งไว้แทบจะทุกๆ 10 เมตร ทำให้ศูนย์กีฬาฯ แห่งนี้ไม่มีปัญหาเรื่องการชุมนุมในตอนกลางคืน
สำหรับการเดินทาง รถเมล์ที่ผ่านศูนย์กีฬาฯ มีเพียงสายเดียวคือสาย 75 แต่จำนวนรถมีค่อนข้างมาก อีกทั้งเส้นทางการเดินรถของ 75 ยังเชื่อมต่อกับเส้นทางรถเมล์สายสำคัญอื่น ส่วนสถานีรถไฟฟ้าที่ใกล้ที่สุดคือ สถานี BTS ตลาดพลู ห่างออกไป 9.8 กิโลเมตร
สำนักงานเขตผู้รับผิดชอบ: สำนักงานเขตทุ่งครุ
สถานีตำรวจท้องที่: สน.ราษฎร์บูรณะ
พิกัด: https://goo.gl/maps/wxnv97kKiRD8B8h39
ความเหมาะสมสำหรับการจัดชุมนุม : 2 / 5

