ข้อสังเกต : สภาออกแบบกฎหมาย ต้องคำนึงถึงการรับรองอัตลักษณ์ทางเพศสภาพในอนาคต
โจทย์สำคัญประการหนึ่งในการออกแบบหรือการเขียนกฎหมายที่รื้อถอนวิธีคิดระบบสองเพศ (Binary) อย่างเช่นกฎหมายสมรสเท่าเทียม คือการออกแบบหรือเขียนกฎหมายอย่างไรให้ถ้อยคำเป็นกลางทางเพศเพื่อครอบคลุมบุคคลที่ประสงค์ก่อตั้งครอบครัวทุกคน และไม่นำไปสู่การเลือกปฏิบัติด้วยเหตุแห่งเพศ
นอกจากนี้ อีกโจทย์ใหญ่คือการออกแบบกฎหมายจะต้องคำนึงถึงกฎหมายรับรองอัตลักษณ์ทางเพศสภาพที่กำหนดให้บุคคลมีสิทธิจดทะเบียนรับรองอัตลักษณ์ทางเพศสภาพ และสามารถให้เจ้าหน้าที่แก้ไขข้อมูลทะเบียนราษฎร ข้อมูลที่แสดงในเอกสารราชการ รวมถึงเปลี่ยนคำนำหน้าได้ (อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับร่างกฎหมายรับรองอัตลักษณ์ทางเพศสภาพได้ที่ https://ilaw.or.th/node/6659)
หมายความว่า หากในอนาคตกฎหมายรับรองอัตลักษณ์ทางเพศสภาพผ่านการพิจารณาโดยฝ่ายนิติบัญญัติและบังคับใช้ เพศสภาพของบุคคลที่ระบุในเอกสารแสดงตัวของราชการ อาจไม่ได้สอดคล้องกับความรับรู้หรือความเข้าใจของคนในสังคม ตัวอย่างเช่น ผู้ที่มีครรภ์ ซึ่งสังคมหรือกฎหมายไทยในปัจจุบัน รับรองบุคคลนั้นเป็นหญิง แต่หากในอนาคตกฎหมายรับรองอัตลักษณ์ทางเพศบังคับใช้และบุคคลนั้นไปจดทะเบียนรับรองอัตลักษณ์ทางเพศเป็นเพศอื่น แต่ในกฎหมายยังใช้ถ้อยคำที่ยึดโยงกับความเป็นเพศหญิง เช่น คำว่า หญิงมีครรภ์ ก็จะไม่สอดคล้องกับการกำหนดอัตลักษณ์ทางเพศของบุคคลนั้นๆ อาจนำไปสู่การตีตรา และต้องมาแก้ไขกฎหมายอีก ฝ่ายนิติบัญญัติที่ทำหน้าที่พิจารณากฎหมาย จึงควรออกแบบกฎหมายโดยมองไปถึงอนาคต เพื่อครอบคลุมถึงบุคคลทุกคนและลดความถี่ในการแก้ไขกฎหมายโดยไม่จำเป็น
แม้ร่างกฎหมายสมรสเท่าเทียมทั้งสามฉบับ จะพยายามแก้ไขถ้อยคำโดยใช้คำที่เป็นกลางทางเพศหลายจุด แต่ก็มีบางส่วนที่ยังระบุถ้อยคำชี้เฉพาะสองเพศทำนองเดียวกับป.พ.พ. อยู่บ้าง เช่น
ร่างกฎหมายสมรสเท่าเทียม ฉบับที่เสนอโดย สส.พรรคก้าวไกล : ร่างมาตรา 18 ซึ่งแก้ไขมาตรา 1452 ระบุใจความว่า ชายหรือหญิงบุคคลใดบุคคลหนึ่งจะทำการสมรสในขณะที่ตนมีคู่สมรสอยู่ไม่ได้
ร่างกฎหมายสมรสเท่าเทียม ฉบับภาคประชาชน : ร่างมาตรา 7 แก้ไขมาตรา 1453 ระบุใจความว่า หญิงที่คู่สมรสตายหรือการสมรสสิ้นสุดลงด้วยประการอื่นจะทำการสมรสใหม่ได้ต่อเมื่อการสิ้นสุดการสมรสผ่านไปแล้วไม่น้อยกว่า 310 วัน เว้นแต่…
ร่างกฎหมายสมรสเท่าเทียม ฉบับที่เสนอโดย ครม. :
- ร่างมาตรา 14 แก้ไขมาตรา 1452 และมาตรา 1453 ในส่วนของมาตรา 1453 ระบุใจความว่า หญิงที่ชายคู่สมรสตายหรือการสมรสสิ้นสุดลงด้วยเหตุอื่น จะทำการสมรสใหม่กับชายต่อเมื่อการสิ้นสุดการสมรสนั้นผ่านไปแล้วไม่น้อยกว่า 310 วัน เว้นแต่…
- ร่างมาตรา 41 แก้ไขมาตรา 1504 วรรคสอง ระบุใจความว่า ถ้าศาลไม่ได้สั่งเพิกถอนการสมรสจนบุคคลทั้งสองอายุครบ 17 ปี หรือในกรณีการสมรสระหว่างชายหญิง เมื่อหญิงมีครรภ์ก่อนอายุครบ 17 ปี ให้ถือว่าการสมรสสมบูรณ์ตั้งแต่เวลาสมรส
นอกจากนี้ ยังมีประเด็นเกี่ยวกับการกำหนดคำเรียกแทนคำว่า บิดามารดา ซึ่งยังมีลักษณะยึดโยงกับระบบสองเพศ ร่างกฎหมายสมรสเท่าเทียม ฉบับที่เสนอโดย สส. พรรคก้าวไกล และฉบับที่เสนอโดย ครม. ไม่ได้แก้ไขหรือเขียนถ้อยคำใหม่มาแทนที่คำว่าบิดามารดา ขณะที่ร่างฉบับภาคประชาชนเสนอแก้เป็นคำว่า บุพการี ซึ่งคำว่า บุพการี ตามป.พ.พ. ที่ใช้บังคับอยู่ ไม่ได้จำกัดเฉพาะ บิดามารดา แต่รวมไปถึง ปู่ย่าตายายทวด (ป.พ.พ. มาตรา 28) ดังนั้นการใช้คำว่า บุพการีแทนคำว่าบิดามารดา ก็อาจขัดกับเนื้อหามาตราอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการสมรสแทน ซึ่งตรงส่วนนี้หากร่างกฎหมายสมรสเท่าเทียมผ่านการพิจารณาของสภาในวาระหนึ่ง ก็สามารถแก้ไขเพิ่มเติมออกแบบถ้อยคำที่ประชาชนเข้าใจและมีความเป็นกลางทางเพศในชั้นกรรมาธิการวาระสองได้