ปี 2557 ประเทศไทยเปิดศักราชด้วยบรรยากาศทางการเมืองที่ร้อนแรง โดยเฉพาะการนำสื่อมาใช้เป็นเครื่องมือในการต่อสู้ทางการเมือง นำไปสู่การควบคุมสื่อของทั้งฝ่ายรัฐและฝ่ายประชาชน สำหรับฝ่ายรัฐ กสทช. ยังคงควบคุมการทำงานของสื่ออย่างต่อเนื่อง ขณะที่กลุ่มผู้ชุมนุมทางการเมือง ก็พยายามกดดันแทรกแซงการทำงานของสื่อทั้งรายใหญ่และรายย่อย เพื่อให้นำเสนอข้อมูลตามความเชื่อทางการเมืองของกลุ่มตน
สถานการณ์คุกคามสื่อรุนแรงยิ่งขึ้น เมื่อกองทัพประกาศใช้กฎอัยการศึกในวันที่ 20 พฤษภาคม 2557 และได้ออกประกาศควบคุมสื่อ ห้ามก่อให้เกิดความขัดแย้งหรือต่อต้านการปฏิบัติงานของกองทัพ ทำให้สื่อไม่มีอิสระในการนำเสนอข้อมูลอย่างรอบด้าน จากนั้นอีกสองวัน กองทัพประกาศยึดอำนาจการปกครองและส่งกำลังเข้าควบคุมการทำงานของสื่อมวลชน ออกประกาศให้ปิดวิทยุขนาดเล็กที่ยังไม่มีใบอนุญาตทั่วประเทศ และปิดกั้นการเข้าถึงสื่ออนไลน์ทั้งวิธีการ “บล็อค” และการขอความร่วมมือ
การออกประกาศควบคุมสื่อของกองทัพอย่างน้อย 8 ฉบับ ปฏิบัติการเยี่ยมเยียนสื่อของเจ้าหน้าที่ทหาร และการละเมิดน้อยใหญ่ที่เกิดขึ้นจากการใช้อำนาจแบบเบ็ดเสร็จยังทำให้เกิดบรรยากาศความกลัวจนบางสื่อเลือกที่จะเซ็นเซอร์ตัวเอง จนกระทั่งสิ้นปีบรรยากาศแห่งการละเมิดเสรีภาพสื่อและประชาชนก็ไม่มีทีท่าว่าจะผ่อนคลายลง
เก็บตกเหตุการณ์ก่อนการรัฐประหาร (1) : กสทช. ยังใช้อำนาจอย่างต่อเนื่อง
9 เมษายน 2557 กสทช. เปิดศูนย์ตรวจสอบเนื้อหาวิทยุและโทรทัศน์ที่ผิดกฎหมาย โฆษณาเกินจริง พร้อมจับตารายการที่มีเนื้อหาละเมิดกฎหมายอาญา มาตรา 112
เก็บตกเหตุการณ์ก่อนการรัฐประหาร (2) : การคุกคามการทำงานของสื่อโดยประชาชนด้วยกันเอง
หลังการยึดอำนาจ กองทัพออกประกาศจำกัดเสรีภาพสื่อและประชาชน
เก็บตกเหตุการณ์หลังการรัฐประหาร (1) : รูปธรรมของการใช้อำนาจทหารเพื่อควบคุมการทำงานของสื่อมวลชน
22 พฤษภาคม 2557 คสช.ยึดอำนาจการปกครองและออกประกาศฉบับที่ 4/2557 โดยให้งดรายการประจำสถานีของทุกช่อง เพื่อให้การเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารเป็นไปอย่างถูกต้อง แต่คืนวันดังกล่าว ไทยพีบีเอสกลับนำเสนอข่าวสารออนไลน์ผ่านทางเว็บไซต์ยูทูป จนกระทั่งทหารสั่งให้ยุติการออกอากาศรายการข่าวออนไลน์และคุมตัววันชัยตันติวิทยาพิทักษ์รองผู้อำนวยสถานีไปค่ายทหารทันที
เก็บตกเหตุการณ์หลังการรัฐประหาร (2) : บรรยากาศทางการเมืองทำให้สื่อต้องเซ็นเซอร์ตัวเอง
เก็บตกเหตุการณ์หลังการรัฐประหาร (3) : สื่อท้องถิ่นขนาดเล็กต้องปิดตัวตามประกาศ 15/2557
ภาคเหนือ ใน จ.เชียงใหม่ สถานีวิทยุชุมชนรักเชียงใหม่ 51 เอฟเอ็ม 92.5 เมกกะเฮิร์ตซ์ ของ เพชรวรรต วัฒนพงศ์ศิริกุล แกนนำกลุ่มเสื้อแดงรักเชียงใหม่ 51มีเจ้าหน้าที่ทหารบุกเข้าตรวจค้นที่สถานีและถูกปิดตั้งแต่รัฐประหาร ใน จ.ลำปาง ทหารเข้าควบคุมสถานีวิทยุชุมชนคนรักประชาธิปไตยและสถานีวิทยุเสียงประชาชนคนท้องถิ่น คลื่น 96.25 เมกกะเฮิร์ตซ์ซึ่งเป็นที่ตั้งของ นสพ.ท้องถิ่นสะกิดข่าวด้วย นอกจากนี้ แมพเรดิโอ สถานีวิทยุเพื่อเผยแพร่ข่าวสารให้กับคนต่างกลุ่มชาติพันธุ์ ซึ่งตั้งอยู่ทั้งใน อ.แม่สอด และใน จ.เชียงใหม่ ก็ถูกทหารเข้าตรวจค้นทำให้ออกอากาศไม่ได้ ส่งผลกระทบต่อการรับรู้ข่าวสารของคนต่างกลุ่มชาติพันธุ์
เก็บตกเหตุการณ์หลังการรัฐประหาร (4) : ข่าวสารและสีสันบนโลกออนไลน์ที่หายไป
บรรยากาศของสื่อสังคมออนไลน์ หรือ โซเชียลเน็ตเวิร์ค ก็เปลี่ยนไป เฟซบุ๊กเพจที่เคยรณรงค์เพื่อประชาธิปไตยอย่างชัดเจนหลายแห่งปิดตัวลง เช่น เฟซบุ๊กเพจสมัชชาปกป้องประชาธิปไตย (สปป.) คณะรณรงค์แก้ไขมาตรา 112 เป็นต้น นักเคลื่อนไหวบนโลกไซเบอร์หลายคนหายหน้าไปหรือลดระดับความเข้มข้นของเนื้อหาลง เช่น สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล, สมบัติ บุญงามอนงค์ เป็นต้น ทำให้สีสันบนสื่อสังคมออนไลน์ลดลงไปอย่างมาก
เก็บตกเหตุการณ์หลังการรัฐประหาร (5): วงการหนังสือกลายเป็นภัยความมั่นคงของรัฐ
เก็บตกเหตุการณ์หลังการรัฐประหาร (6) : เมื่ออำนาจเต็มมือ จึงมีการละเมิดหลายรูปแบบ
ดูสรุปสถานการณ์ประจำปี 2557 กรณีอื่นๆ
สรุปสถานการณ์ปี 2557 1/5 : การเรียกบุคคลไปรายงานตัว การจับกุมและการควบคุมตัวตามกฎอัยการศึก
สรุปสถานการณ์ปี 2557 2/5: คดีหมิ่นประมาทกษัตริย์ฯ เดินหน้าหนึ่งก้าวก่อนถอยหลังสามก้าว
สรุปสถานการณ์ปี 2557 3/5: เสรีภาพการชุมนุม/การแสดงออกสาธารณะ และการตั้งข้อหาทางการเมือง
สรุปสถานการณ์ปี 2557 4/5: การฟ้องคดีหมิ่นประมาท และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ เพื่อปิดกั้นการแสดงออก