องค์กรอิสระ

30 พฤษภาคม 2568 ที่ประชุมวุฒิสภามีมติด้วย “ไม่เห็นชอบ” ให้ “ชะลอ” การให้ความเห็นชอบผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งกรรมการ ป.ป.ช. และตั้งกรรมาธิการสอบประวัติฯ ผู้สมัคร กกต. และตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ในระหว่างที่คดี “โกงเลือก สว.” ยังอยู่ระหว่างการสอบสวน

เครือข่ายประชาชนร่างรัฐธรรมนูญ มีข้อเสนอต่อ สว. ให้ “หยุด” ใช้อำนาจตลอดกระบวนการที่เกี่ยวข้องกับการให้ความเห็นชอบผู้ดำรงตำแหน่ง จนกว่ากระบวนการตรวจสอบ สว. จะถึงที่สุด

ชวนจับตากระบวนการคัดเลือก กตป. องค์กรเงาที่เฝ้าติดตามการทำงานของกสทช. วุฒิสภาเคาะรอบแรกแล้วห้าตำแหน่ง ให้เหลือตำแหน่งละสองคน พบผู้สมัครที่ผ่านรอบแรกห้าจากสิบคนเป็นอดีตผู้ช่วย กสทช. หนึ่งคนเป็นอดีตผู้สมัคร สว. 2567 ที่สมัครอำเภอเดียวกันกับประธานคณะกรรมการจัดทำบัญชีรายชื่อผู้สมัคร

30 พฤษภาคม 2568 สว.นัดประชุมสมัยวิสามัญพิจารณาเดินหน้าตั้ง กมธ. ตรวจสอบประวัติองค์กรอิสระ-อัยการสูงสุดสามตำแหน่งและ ให้ความเห็นชอบผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการ ป.ป.ช. อีกสามตำแหน่ง ท่ามกลางกระแส สว. ด้วยกันเองเรียกร้องให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ในการเห็นชอบองค์กรอิสระในระหว่างคดี “โกงเลือกสว.” ในปี 2567

เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2568 ศาลรัฐธรรมนูญมีมติ “เอกฉันท์” สั่งให้ทวี สอดส่อง หยุดปฏิบัติหน้าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม “เฉพาะ” ในฐานะผู้กำกับดูแล DSI อย่างไรก็ดี ในรัฐธรรมนูญ “ไม่ได้เขียน” ให้อำนาจศาลสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่เฉพาะส่วนใดส่วนหนึ่ง

ชวนดูงบประมาณ โครงการก่อสร้างอาคารที่ทำการสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินแห่งใหม่ ย่านจตุจักร ที่เกิดเหตุ “ถล่ม” ลงมาจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวเมื่อ 28 มีนาคม 2568

การที่รัฐสภาส่งเรื่องไปถามศาลรัฐธรรมนูญครั้งที่สามในประเด็นประชามติ “ก่อน” จัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ ทั้งๆ ที่รัฐธรรมนูญและคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 4/2564 เขียนชัดเจนแล้ว หากพิจารณาตามข้อกฎหมาย อาจได้รับคำตอบจากศาลว่า “ไม่รับคำร้อง”

26 มีนาคม 2568 ศาลรัฐธรรมนูวินิจฉัยให้สมชาย เล่งหลัก สว. สิ้นสมาชิกภาพ โดยธณัชญ์พงศ์ วงศ์มุลาลี จะได้เลื่อนขึ้นมาเป็น สว. ต่อไป

ผลการลงมติส่งเรื่องไปศาลรัฐธรรมนูญรอบที่ 3 ประเด็นการเขียนรัฐธรรมนูญใหม่ พรรคร่วมรัฐบาลเสียงแทบไม่แตกโหวตเห็นด้วย เสียงไม่เห็นด้วย มาจากพรรคประชาชนและพรรคเป็นธรรม และ สว. ส่วนน้อยอีก 12 เสียง ด้าน สว. ข้างมากในวุฒิสภา เลือกโหวต “งดออกเสียง”

17 มีนาคม 2568 รัฐสภาส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยอำนาจเขียนรัฐธรรมนูญใหม่ของรัฐสภาเป็นครั้งที่สาม ว่ารัฐสภามีอำนาจเขียนรัฐธรรมนูญใหม่ โดยที่ยังไม่ได้มีการทำประชามติได้หรือหม่ ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญอาจไม่รับคำร้องเหมือนที่เคยไม่รับในปี 2567