จับตา สว. เลือก กตป. พบอดีตผู้ช่วย กสทช. 5 จาก 10 คน ลงสมัครทำหน้าที่ตรวจสอบ กสทช.

ชวนจับตากระบวนการคัดเลือกคณะกรรมการติดตามและประเมินผลการปฏิบัติงาน (กตป.) องค์กรเงาที่เฝ้าติดตามการทำงานของคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) วุฒิสภาเคาะรอบแรกแล้วห้าตำแหน่ง ให้เหลือตำแหน่งละสองคน พบผู้สมัครที่ผ่านรอบแรกห้าจากสิบคนเป็นอดีตผู้ช่วย กสทช. หนึ่งคนเป็นอดีตผู้สมัคร สว. 2567 ที่สมัครอำเภอเดียวกันกับประธานคณะกรรมการจัดทำบัญชีรายชื่อผู้สมัคร ก่อนจะเคาะรอบสองในสมัยประชุมถัดไปหลัง 3 กรกฎาคม 2568

นอกจากดิน หิน แร่ หรือป่าไม้แล้ว คลื่นความถี่ก็เป็น “ทรัพยากรสาธารณะ” ที่รัฐมีหน้าที่ต้องจัดสรรให้เกิดการใช้งานที่เป็นประโยชน์ต่อส่วนร่วม ประชาชนเข้าถึงได้ไม่ให้ผูกขาดอยู่ในเมือคนกลุ่มเดียว โดยประเทศไทยได้ให้กำเนิดองค์กรแห่งหนึ่งให้เข้ามาทำหน้าที่กำกับดูแลทรัพยการคลื่นความถี่ คือ กสทช. องค์กรที่ตั้งมาตั้งแต่ปี 2553 แต่ยังทวงคืนคลื่นความถี่ในมือกองทัพไม่ได้ และยังเคยปล่อยผ่านดีลควบรวมดีแทค-ทรูมาแล้วในปี 2565

ตามพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2553 (พ.ร.บ. กสทช.ฯ) กำหนดให้มีกรรมการ กสทช. เจ็ดคน มีวาระดำรงตำแหน่งคราวละหกปีและเป็นได้แค่คนละครั้งเดียว โดยมาจากการเสนอชื่อจากคณะกรรมการสรรหาจากภาคส่วนต่างๆ เช่น ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ผู้พิพากษาศาลฎีกา ตุลาการศาลปกครองสูงสุด กรรมการ ป.ป.ช. กรรมการตรวจเงินแผ่นดิน ผู้ตรวจการแผ่นดิน และผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อเสนอชื่อต่อวุฒิสภาให้สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ให้ความเห็นชอบให้ดำรงตำแหน่งโดยต้องได้รับความเห็นชอบไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวน สว. เท่าที่มีอยู่

กสทช. มีอำนาจหน้าที่ในการจัดสรรคลื่นความถี่ ออกใบอนุญาตและกำกับดูแลการใช้คลื่นความถี่ กิจการโทรทัศน์ การโทรคมนาคม ส่งเสริมการแข่งขันอย่างเสรีและเป็นธรรม ป้องกันการผูกขาดคลื่นความถี่ คุ้มครองผู้บริโภค ตรวจสอบดูแลและสั่งระงับการกระทำที่ผิดกฎหมายต่างๆ 

รู้จักกตป. องค์กรเงาเฝ้าติดตามการทำหน้าที่ของ กสทช.

นอกจาก กสทช.แล้ว ยังมีอีกองค์กรหนึ่งเป็นเสมือน “เงา” เฝ้าคอยจับตา ติดตาม และรายงานผล ประเมินการทำงานของ กสทช. ซึ่งมีชื่อว่า คณะกรรมการติดตามและประเมินผลการปฏิบัติงาน หรือ กตป. ตามพ.ร.บ. กสทช.ฯ มาตรา 70 กำหนดให้ กตป. มีกรรมการห้าคนที่ทำหน้าที่ตรวจสอบแต่ละด้าน เช่น ด้านกิจการกระจายเสียง ด้านกิจการโทรทัศน์ ด้านกิจการโทรคมนาคม ด้านการคุ้มครองผู้บริโภค และด้านการส่งเสริมสิทธิและเสรีภาพของประชาชน และให้เลือกกันเองเพื่อมีประธานหนึ่งคน

กตป. มีอำนาจหน้าที่สำคัญในการ

  • ติดตามและประเมินผลการบริหารงานองค์รวมและการใช้งบประมาณของ กสทช.
  • จัดทำรายงานประจำปีเสนอต่อรัฐบาล
  • ตรวจสอบว่า กสทช. ปฏิบัติหน้าที่ตามอำนาจและหน้าที่ที่กำหนดไว้ในกฎหมายหรือไม่

สว. เป็นผู้เลือก กตป. แต่ต้องเลือกสองรอบ

กตป. มีวาระดำรงตำแหน่งคราวละสามปี โดยดำรงตำแหน่งติดต่อกันสองวาระไม่ได้ คล้ายกับกสทช. กตป. ต้องมาจากการเลือกของ สว. แต่การเลือก กตป. จะแบ่งออกเป็นสองรอบ รอบแรกคือคัดเลือกจากจำนวนผู้สมัครทั้งหมดให้เหลือด้านละสองคน ส่วนในรอบสองคือคัดเลือกให้เหลือเพียงคนเดียว สำหรับตำแหน่ง กตป. เมื่อรับสมัครมาแล้ว สว. ทำหน้าที่จะคัดกรองเองก่อน แล้วค่อยเลือกเองอีกครั้ง โดยไม่มีคณะกรรมการสรรหาจากฝ่ายอื่นที่มาทำหน้าที่คัดเลือกจนเหลือรายชื่อสุดท้ายแล้วเสนอให้ สว. เหมือนกับตำแหน่งองค์กรอิสระอื่นๆ 

ระเบียบวุฒิสภาว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือกบุคคล ผู้สมควรได้รับการเสนอชื่อเป็นกรรมการติดตามและประเมินผลการปฏิบัติงานตามพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกํากับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง ตามพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกํากับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ พ.ศ. 2551 พ.ศ. 2553 (ระเบียบ สว.เลือก กตป.ฯ) ระบุให้สำนักงานเลขาธิการ สว. เปิดรับสมัคร กตป. โดยการรับสมัครจะต้องมีผู้สมัครมากกว่าสองเท่าของจำนวนกรรมการ คือต้องมีอย่างน้อยตำแหน่งละสองคน หากไม่ครบจำนวนต้องขยายระยะเวลาเปิดรับสมัคร

เมื่อรับสมัครเสร็จสิ้นแล้ว ประธานวุฒิสภาต้องแต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อทำหน้าที่จัดทำบัญชีรายชื่อและตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้สมัคร เพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบและมีอำนาจในการสั่งไม่รับสมัครของผู้สมัครที่ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้าม เมื่อเสร็จสิ้นแล้วให้เสนอบัญชีรายชื่อผู้สมัครต่อประธานวุฒิสภาเพื่อเริ่มการเลือกในรอบแรก ซึ่งจะต้องคัดผู้สมัครออกให้เหลือเพียงสองคนที่ได้คะแนนสูงสุดในแต่ละตำแหน่ง

เมื่อเหลือผู้สมัครด้านละสองคนแล้ว ให้ทำบัญชีรายชื่อของทั้งสิบคนนี้ขึ้นใหม่แล้วให้วุฒิสภาลงคะแนนเลือกเป็นครั้งที่สอง เพื่อคัดเลือกให้เหลือผู้ที่มีคะแนนสูงสุดเป็น กตป. เพียงคนเดียวในแต่ละด้าน ให้กรรมการ กตป. ทั้งห้าคนเลือกกันเองเพื่อให้ได้ประธาน กตป. คนหนึ่งด้วย

สว. เตรียมสรรหา กตป. ชุดใหม่ในปี 2568

กตป. ที่ดำรงตำแหน่งตั้งแต่ปี 2565 – 2568 จะหมดวาระส่งผลให้ต้องมีการสรรหา กตป. ขึ้นมาใหม่ โดยเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2567 สำนักงานเลขาธิการ สว. ได้ประกาศรับสมัครตั้งแต่วันที่ 2 – 8 มกราคม 2568 เมื่อรับสมัครเสร็จสิ้นแล้ว ก็ได้ประกาศรายชื่อผู้สมัครทั้งหมดเมื่อวันที่ 16 มกราคม 2568 ซึ่งการจะประกาศรายชื่อได้นั้น ประธานวุฒิสภาจะต้องแต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อทำหน้าที่จัดทำบัญชีรายชื่อและตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้สมัคร ให้เรียบร้อยแล้ว ซึ่งประธานวุฒิสภา มงคล สุระสัจจะ ก็ได้แต่งตั้งโดยให้ “วุฒิชาติ กัลยาณมิตร” สว. กลุ่ม 11 ท่องเที่ยว อดีตผู้ว่าการถไฟแห่งประเทศไทย จากอำเภอนากลาง จังหวัดหนองบัวลำภู เป็นประธาน กก.จัดทำรายชื่อฯ 

โดยในวันที่ 8 เมษายน 2568 สว. ได้มีวาระการประชุมเพื่อลงคะแนนคัดเลือก กตป. ในรอบแรก โดยมีผลคะแนนและประวัติโดยย่อของผู้สมัครที่ผ่านเข้ารอบแรก ตำแหน่งละสองคน ดังนี้ 

ครึ่งหนึ่งเป็น “คนวงใน” งานของกสทช. อยู่แล้ว

จากข้อมูลของผู้ที่ผ่านเข้ารอบทั้งสิบคน พบข้อสังเกตสองประเด็น 

ประเด็นแรกคือ ข้อมูลตารางประวัติโดยย่อพบว่าในจำนวนสิบคนนี้ มีผู้สมัครห้าคนที่เคยเป็น “ผู้ใต้บังคับบัญชา” ภายใต้ กสทช.ทั้งสิ้น โดยสี่คนเคยเป็นผู้ปฏิบัติงานประจำ กสทช.ในแต่ละคน ส่วนอีกหนึ่งคนคืออิสรารัศมิ์ เครือหงส์เป็นผู้ช่วยเลขานุการประจำ กสทช.

ผลคะแนนการคัดเลือกของ สว. มีลักษณะเหมือนกันถึงสี่ตำแหน่ง โดยมีคะแนนเท่ากันคือ 91 คะแนน และเป็นที่น่าสังเกตว่า ทุกคนที่ได้ 91 คะแนนล้วนไม่ใช่ผู้ที่เคยมี “อดีต” กับ กสทช.อย่างชัดเจนทั้งหมด

พ.ร.บ. กสทช.ฯ มาตรา 71 วรรคสองกำหนดลักษณะต้องห้ามของ กตป. ไว้ว่าจะต้องไม่เป็น กสทช. อนุกรรมการ เลขาธิการ พนักงานหรือลูกจ้างของ กสทช. รวมถึงต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามเหมือนกับ กสทช. เองด้วย เช่น อายุไม่ต่ำกว่า 40 ปี แต่ไม่เกิน 70 ปี ไม่เป็นข้าราชการประจำ ไม่เป็นกรรมการองค์กรอิสระ แต่ทั้งนี้หากเคยดำรงตำแหน่งที่ถูกห้ามไว้แล้วลาออกมาแล้ว ก็ลงสมัครได้ โดยกฎหมายไม่ได้กำหนดระยะเวลาที่ต้องเว้นวรรคไว้ด้วย 

ประเด็นที่สอง คือ วุฒิชาติ กัลยาณมิตร ประธานคณะกรรมการ ผู้มีหน้าที่ตรวจสอบคุณสมบัติผู้สมัคร กตป. ลงสมัคร สว. ในกลุ่ม 11 กลุ่มท่องเที่ยว ที่อำเภอนากลาง จังหวัดหนองบัวลำภู ขณะเดียวกันพันธ์ศักดิ์ จันทร์ปัญญา ผู้สมัคร กตป. ก็เป็นอดีตผู้สมัคร สว. กลุ่ม 13 กลุ่มวิทยาศาสตร์ที่ลงสมัครที่อำเภอนากลาง จังหวัดหนองบัวลำภูด้วยเช่นเดียวกันกับวุฒิชาติ

พันธ์ศักดิ์ ผ่านรอบระดับอำเภอ ระดับจังหวัดมาสู่ระดับประเทศ แต่ก็มาตกม้าตายในรอบเลือกกันเอง ในขณะที่วุฒิชาติเป็น สว. ดาวเด่นได้คะแนนเป็นอันดับสองในกลุ่ม 11 ในรอบเลือกกันเอง ส่วนในรอบเลือกไขว้ วุฒิชาติล้มแชมป์ได้คะแนนมาเป็นลำดับหนึ่งของกลุ่ม 11 หมายความว่า พันธุ์ศักดิ์กับวุฒิชาติมีโอกาสลงคะแนนให้กันและกันได้ผ่านเข้ารอบการเลือกวุฒิสภาทั้งสามรอบ วุฒิชาติยังเป็นอีกหนึ่งผู้สมัครที่ถูกออกหมายเรียกให้ไปรับทราบข้อกล่าวหาของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในคดีโกงเลือก สว. อีกด้วย 

วันที่ 9 เมษายน 2568 หนึ่งวันถัดจากที่ สว. ได้ลงมติเลือก กตป. ในรอบแรกแล้ว ก็ได้มีการตั้งกรรมาธิการวิสามัญเพื่อทำหน้าที่สอบประวัติ ความประพฤติ และพฤติกรรมทางจริยธรรมของผู้สมัคร กตป. โดยจะใช้ระยะเวลา 60 วัน คาดว่าจะเสร็จสิ้นในช่วงเดือนมิถุนายน ก่อนจะกรรมาธิการวิสามัญชุดนี้จะเสนอต่อวุฒิสภาให้ลงมติเลือก กตป. รอบที่สองในสมัยประชุมถัดไปหลังวันที่ 3 กรกฎาคม 2568

📍ร่วมรณรงค์

JOIN : ILAW CLUB

ช่องทางการติดตาม

FACEBOOK PAGE

วิดีโอแนะนำ

Amnestypeople.com
Join iLaw club
Facebook Fanpage