
สว. ชุดแรกที่มาจากการ “เลือกกันเอง” ในบรรดาผู้สมัคร ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งจากประชาชน กำลังถูกวิพากษ์วิจารณ์และตั้งคำถาม ถึงความโปร่งใสจากกรณี “โกงเลือก สว.” ที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กำลังทยอยออกหมายเรียกให้ สว. ไปรับทราบข้อกล่าวหาฐานแนะนำตัวฝ่าฝืนหลักเกณฑ์ของ กกต. ข้อหาให้ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดเพื่อให้ลงคะแนน และข้อหาทุจริตหรือรู้เห็นการทุจริตเลือก สว. ซึ่งหากสุดท้ายแล้วผลคำตัดสินชี้ออกมาว่า “ผิด” ก็จะมี สว. ที่ต้องพ้นตำแหน่งไป และอาจจะมีมากกว่าครึ่งหนึ่งของสว. ทั้งหมด
ระหว่างที่กระบวนการสอบสวนคดีเลือก สว. ยังไม่แล้วเสร็จ วันที่ 30 พฤษภาคม 2568 สว. ก็กำลังจะใช้อำนาจสำคัญ ในการให้ความเห็นชอบกรรมการป้องกันและปราบปรามทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สามตำแหน่ง และตั้งคณะกรรมาธิการสามัญเพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบประวัติ ความประพฤติ และพฤติกรรมทางจริยธรรมของบุคคลผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญสองตำแหน่ง กกต. หนึ่งตำแหน่ง และอัยการสูงสุดอีกหนึ่งตำแหน่ง ซึ่งผู้ดำรงตำแหน่งเหล่านี้ ล้วนมีบทบาทในการ “ตรวจสอบ” สว. โดยตรง
- ป.ป.ช. : มีอำนาจตรวจสอบบัญชีรายการทรัพย์สินและหนี้สินของ สว. ว่าเข้าข่ายร่ำรวยผิดปกติหรือไม่
- กกต. : มีอำนาจตรวจสอบคุณสมบัติ สว. และเป็นองค์กรสำคัญที่รับผิดชอบคดี “โกงเลือก สว.”
- ศาลรัฐธรรมนูญ : มีอำนาจชี้ขาดว่า สว. จะพ้นตำแหน่งหรือไม่ หากท้ายที่สุดแล้วศาลตัดสินคดีโกงเลือก สว. ว่ามีความผิด
- อัยการสูงสุด : มีบทบาทยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง หากพบว่า สว. ร่ำรวยผิดปกติ
การใช้อำนาจเห็นชอบบุคคลในตำแหน่งต่างๆ เหล่านี้ แม้จะเป็นไปตามขั้นตอนของรัฐธรรมนูญ 2560 แต่ก็ขาดความชอบธรรม และเห็นได้ชัดถึงปัญหาผลประโยชน์ทับซ้อน ระหว่างสว. ชุดนี้และองค์กรต่างๆ ที่มีอำนาจตรวจสอบสว.
พวกเรา เครือข่ายประชาชนร่างรัฐธรรมนูญ มีความเห็นและข้อเสนอถึง สว. ดังนี้
1. ข้อเสนอเฉพาะหน้า : สว. ต้อง “หยุด” ใช้อำนาจตลอดกระบวนการที่เกี่ยวข้องกับการให้ความเห็นชอบผู้ดำรงตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ กรรมการองค์กรอิสระ และข้าราชการระดับสูง เช่น อัยการสูงสุด ไม่ว่าจะเป็นกระบวนการตั้งกรรมาธิการวิสามัญสอบประวัติ หรือการลงมติให้ความเห็นชอบผู้ดำรงตำแหน่งดังกล่าว จนกว่าคดีที่ สว. ตกเป็นผู้ถูกร้องจะถึงที่สุด
2. ข้อเสนอระยะยาว : สว. ชุดนี้ เป็นเครื่องชี้วัดว่าระบบเลือกกันเองที่ปิดกั้นไม่ให้ประชาชนเข้าไปมีส่วนร่วม “มีปัญหา” สว. ต้องคืนความเชื่อมั่นของประชาชนที่มีต่อฝ่ายนิติบัญญัติ “แก้ไขปัญหาที่ต้นตอ” ร่วมกันกับ สส. เสนอร่างแก้ไชรัฐธรรมนูญ เพื่อแก้ไขที่มา สว. ที่มาองค์กรตรวจสอบ สว. และต้องโหวตเห็นชอบให้ครบ 67 เสียง
เราหวังว่า สว. ที่ไม่ได้มาจากเลือกตั้งโดยประชาชน แต่ใช้อำนาจในฐานะ “ตัวแทน” ประชาชน จะฟังเสียงประชาชน หยุดใช้อำนาจเลือกองค์กรตรวจสอบตนเอง จนกว่ากระบวนการตรวจสอบ สว. จะถึงที่สุด