ปี 63 รัฐเร่งรัดออกหมายจับและไม่ให้ประกันตัวผู้ชุมนุม
นับตั้งแต่มีการชุมนุมใหญ่ในเดือนกรกฎาคม ปี 2563 เป็นต้นมา การแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับ “สถาบันกษัตริย์” เริ่มปรากฎให้เห็นมากขึ้น ทั้งการแสดงออกจากผู้ชุมนุม หรือ การปราศรัยอย่างเปิดเผยซึ่งในช่วงเวลานั้น ยังไม่มีการบังคับใช้ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 หรือ ข้อหาหมิ่นพระมหากษัตริย์ฯ แต่ข้อหาที่รัฐนำมาใช้กับบรรดาแกนนำและผู้ชุมนุม ผู้ปราศรัย ก็คือ ข้อหาฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ กับ ข้อหายุยงปลุกปั่นตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116 ที่มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี และโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี ตามลำดับ
แม้ข้อหาทั้งสองจะไม่มีโทษร้ายแรงเท่า “มาตรา 112” แต่ “มาตรา 116” ก็เป็นฐานทางอำนาจที่ทำให้ตำรวจเร่งรัดออกหมายจับกับบรรดาแกนนำการชุมนุม เนื่องจากตามประมวลกฎหมายพิจารณาความอาญา มาตรา 66 (1) กำหนดให้ การออกหมายจับทำได้เมื่อมีหลักฐานตามสมควรว่าบุคคลใดน่าจะได้กระทำความผิดอาญาซึ่งมีอัตราโทษจำคุกอย่างสูงเกินสามปี ดังนั้น การจะสกัดจับบรรดาแกนนำการชุมนุมจึงจำเป็นต้องพ่วงข้อหาตามมาตรา 116 เข้าไปด้วย เพื่อให้สามารถเร่งรัดออกหมายจับได้
โดยกรณีตัวอย่างที่สะท้อนให้เห็นการเร่งรัดออกหมายจับเพื่อสกัดการชุมนุม คือ กรณี “ทนายอานนท์” กับ “ไมค์ ภาณุพงศ์” ออกหมายจับและถูกจับกุมตัวด้วยข้อหายุยงปลุกปั่นและข้อหาฝ่าฝืนข้อกำหนดตามพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ในวันที่ 7 สิงหาคม 2563 และถูกนำตัวไปฝากขังที่ศาลอาญาในวันที่ 8 สิงหาคม ซึ่งเป็นการออกหมายจับและจับกุมทั้งสองคนเกิดขึ้นก่อน ที่พวกเขาจะได้ขึ้นปราศรัย โดยทนายอานนท์มีกำหนดต้องปราศรัยที่เชียงใหม่วันที่ 9 สิงหาคม และ ทั้งสองคนต้องขึ้นปราศรัยในการชุมนุมใหญ่ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์รังสิตในวันที่ 10 สิงหาคม
แม้ว่าในวันที่ 8 สิงหาคม 2563 ทั้ง ‘ทนายอานนท์’ และ ‘ไมค์ ภาณุพงศ์’ จะได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวตามคำสั่งศาล และศาลก็กำหนดเงื่อนไขในการปล่อยตัวด้วยว่า ทั้งสองคนต้องห้ามกระทำการลักษณะเดียวกับที่ถูกกล่าวหา ซึ่งมาตรการดังกล่าวคือ “โซ่ตรวน” ที่ยังผูกขาทั้งสองคนเอาไว้ หากใช้เสรีภาพเกินขอบเขตที่ศาลเป็นผู้กำหนด
<div>ทั้งนี้ หลังจากที่ทั้งสองคนได้ขึ้นปราศรัยที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ในวันที่ 10 สิงหาคม 2563 พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลสำราญราษฎร์ได้ยื่นคำร้องให้ศาลเพิกถอนสัญญาประกันตัว ‘ทนายอานนท์’ และ ‘ไมค์ ภาณุพงศ์’ เพราะเห็นว่าการปราศรัยของทั้งสองเข้าข่ายผิดสัญญาประกัน จากนั้นในวันที่ 3 กันยายน 2563 ศาลมีคำสั่งให้ยกเลิกสัญญาประกันของทนายอานนท์ ส่วน ไมค์ ภาณุพงศ์ ศาลสั่งให้แก้ไขสัญญาประกันโดยเพิ่มเงื่อนไขบางประการแต่ภาณุพงศ์ไม่ยอมรับเงื่อนไข ทั้งสองจึงถูกเพิกถอนสัญญาประกันไปด้วย ซึ่งการถอนประกันครั้งดังกล่าว เกิดขึ้นก่อนถึงวันนัดชุมนุมใหญ่ของแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุมในวันที่ 19 กันยายน 2563 ประมาณ 2 สัปดาห์ </div>
นอกจากนี้ ยังมีอีกหนึ่งกรณีที่สะท้อนว่า รัฐใช้มาตรการ “ไม่ให้ประกัน” เพื่อสกัดการชุมนุม คือ การกวาดจับกลุ่ม ‘ราษฎรอีสาน’ ที่นำโดย “ไผ่-จตุภัทร บุญภัทรรักษา” ในวันที่ 13 ตุลาคม 2563 หรือ หนึ่งวันก่อนหน้าการชุมนุมใหญ่ของคณะราษฎร 63 และบรรดาผู้ที่ถูกจับกุมกว่า 20 คน ก็ไม่ได้รับการประกันตัว เนื่องจาก ศาลเห็นว่า “ผู้ต้องหาทั้ง 19 คน มีพฤติการณ์ส่อไปในทางที่ก่อให้เกิดความรุนแรง และมีพฤติการณ์ต่อสู้เจ้าพนักงาน ซึ่งกระทำการตามหน้าที่ในลักษณะเป็นกลุ่มชนหมู่มาก อีกทั้งมีแนวโน้มที่จะก่อความวุ่นวายในที่ชุมนุม และยากต่อการควบคุมสถานการณ์อันอาจเกิดอันตรายต่อทรัพย์สินของผู้อื่นและประชาชน หากอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวในช่วงเวลานี้ เชื่อว่าจะไปร่วมก่อความวุ่นวายในบ้านเมืองอีก”
ปี 64 ไม่ให้ประกันตัวคดี 112 และวางเงื่อนไขห้ามแสดงออก
ในวันที่ 19 พฤศจิกายน 2563 พล.อ.ประยุทธ์ออกแถลงการณ์ว่าจะใช้มาตรการทางกฎหมายในการตอบโต้กับกลุ่มผู้ชุมนุม โดยระบุว่า “…รัฐบาลและหน่วยงานด้านความมั่นคงจึงจำเป็นต้องเพิ่มความเข้มข้น ในการปฏิบัติ โดยจะบังคับใช้กฎหมายทุกฉบับ ทุกมาตราที่มีอยู่ ดำเนินการต่อผู้ชุมนุมที่กระทำความผิด ฝ่าฝืนกฎหมาย เพิกเฉยต่อการเคารพสิทธิเสรีภาพของบุคคลอื่น..”
หลังออกแถลงการณ์ฉบับดังกล่าวประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ก็ถูกนำกลับมาใช้อย่างกว้างขวางและต่อเนื่อง โดยหากนับจาก 19 พฤศจิกายน 2563 ถึง 11 มิถุนายน 2564 มีผู้ถูกตั้งข้อกล่าวหาด้วยมาตรา 112 อย่างน้อย 97 คน และมีอย่างน้อย 16 คนในจำนวนดังกล่าวถูกคุมขังในชั้นสอบสวนและชั้นพิจารณาคดี โดยเฉพาะกลุ่มคนที่มีบทบาทนำในการชุมนุม และถูกมองโดยเจ้าหน้าที่ว่าเป็นพวกหัวแข็ง ยอมหักไม่ยอมงอ เช่น ทนายอานนท์ หริษฐ์หรือเพนกวิ้น และไมค์ ภาณุพงศ์ ต่างถูกคุมคุมขังระหว่างการพิจารณาคดีเป็นเวลานานโดยทนายอานนท์ถูกคุมขังนานที่สุดเป็นเวลา 113 วัน จากวันที่ 2 กุมภาพันธ์ ถึง 1 มิถุนายน 2563
อย่างไรก็ดี นับตั้งแต่เดือนเมษยน 2564 มีบรรดาแกนนำและผู้ชุมนุมได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว หรือ ได้รับการประกันตัวมากขึ้น แต่ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่ศาลกำหนด โดยหนึ่งในเงื่อนไขสำคัญที่จะได้รับการประกันตัว คือ “ไม่กระทำการที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อสถาบันพระมหากษัตริย์” โดยผู้ต้องหารายแรกที่รับเงื่อนไขและได้รับการประกันตัว คือ แบงค์-ปติวัฒน์ หลังจากนั้นผู้ต้องหาคดีมาตรา 112 คนอื่น ๆจึงทยอยยอมรับเงื่อนไขและได้รับการปล่อยตัวกันออกมา
แต่ทว่า เงื่อนไขในการปล่อยตัวดังกล่าว ก็เปรียบเสมือน “ชนักติดหลัง” ของบรรดาแกนนำและผู้ชุมนุมที่ถูกดำเนินคดี และกลายเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ อัยการ รวมถึงที่ผู้มีแนวคิดทางการเมืองแตกต่างจากกลุ่มนักกิจกรรมนำมาใช้จำกัดการเคลื่อนไหวของพวกเขาโดยขอให้ศาลใต่สวนว่านักกิจกรรมเหล่านั้นทำผิดสัญญาประกันหรือไม่ เช่น
14 พฤษภาคม 2564 สนธิญา สวัสดี ที่ปรึกษาประธานคณะกรรมาธิการกฎหมายการยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร ยื่นขอถอนการประกันตัว ‘เพนกวิ้น-พริษฐ์’ จากกรณีที่เขาโพสต์ข้อความ ‘สาส์นแรกแห่งอิสรภาพ’ บนเฟซบุ๊กส่วนตัวซึ่งอาจเข้าข่ายผิดเงื่อนไขการประกันตัว แต่ครั้งนั้นศาลเพียงแต่เรียกผู้ดูแลพริษฐ์มาไต่สวนแล้วกำชับเรื่องแสดงออกแต่ไม่ได้มีคำสั่งถอนประกัน
31 พฤษภาคม 2564 ผู้อำนายการสำนักอำนวยการประจำศาลอาญา ยื่นให้เพิกถอนการปล่อยชั่วคราวของ ‘ไบร์ท-ชินวัตร’ จากเหตุร่วมชุมนุมที่ด้านหน้าอาคารศาลอาญา, ประพฤติตนไม่เรียบร้อยในบริเวณศาล และกระทำการฝ่าฝืนข้อกำหนดของศาลอาญา
6 กรกฎาคม 2564 อัยการเจ้าของสำนวนคดีการชุมนุมที่วงเวียนใหญ่ร้องขอให้ศาลอาญาธนบุรีไต่สวนเพิกถอนสัญญาประกันของ ‘ตี้-วรรณวลี’ จากกรณีที่เธอร่วมชุมนุมและปราศรัยเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2564 โดยศาลจะนัดไต่สวนไปเป็นวันที่ 21 กันยายน 2564
7 กรกฎาคม 2564 รุ้งปนัสยาได้รับหมายเรียกให้เข้ารับการไต่สวนเพิกถอนสัญญาประกันในวันที่ 23 กรกฎาคม 2564 อย่างไรก็ตามเนื่องจากมีสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด19 และศาลอาญามีการกำหนดมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อ จึงเลื่อนนัดไต่สวนเพิกถอนสัญญาประกันเป็นวันที่ 7 กันยายน 2564
19 กรกฎาคม 2564 จักรพงศ์ กลิ่นแก้ว ตัวแทน กลุ่มศูนย์ประสานงาน นักศึกษาอาชีวะ ประชาชนปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ หรือ ศปปส. เข้าพบสิทธิโชติ อินทรวิเศษ อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา ยื่นคำร้องให้พิจารณาพฤติกรรมการกระทำผิดซ้ำ ของแกนนำผู้ชุมนุมราษฎร หากเห็นว่ามีบุคคลใดที่ทำผิดเงื่อนไขการประกันตัวขอให้ศาลสั่งเพิกถอนสัญญาประกัน
3 สิงหาคม 2564 จักรพงศ์ กลิ่นแก้ว ตัวแทนกลุ่มศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน หรือ ศปปส.ยื่นหนังสือและเอกสารหลักฐานเพิ่มเติมต่อ อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา ขอให้พิจารณาว่าพฤติการณ์การกระทำผิดซ้ำของกลุ่มผู้ต้องหาและจำเลยคดีมาตรา 112 เข้าข่ายผิดเงื่อนไขการประกันตัวหรือไม่ และหากศาลเห็นว่าบุคคลใดทำผิดเงื่อนไขก็ขอให้เพิกถอนสัญญาประกัน
6 สิงหาคม 2564 สิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ ยื่นหนังสือถึงอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง เพื่อให้พิจารณาเพิกถอนสัญญาประกันตัวของจตุภัทร์ กับพวกที่ได้รับการประกันตัวในคดีที่ทั้งหมดร่วมชุมนุมที่หน้าสโมสรตำรวจแต่ในวันเดียวกับที่ทั้งหมดได้รับการประกันตัวกลับมาชุมนุมก่อความวุ่นวายและทำลายทรัพย์สินของสน.ทุ่งสองห้อง
นอกจากกรณีที่มีการยื่นเรื่องให้ศาลเพิกถอนสัญญาประกันของผู้ต้องหาและจำเลยคดีการเมืองที่ยังคงเคลื่อนไหวทางการเมือง พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ในฐานะโฆษกกองบัญชาการตำรวจนครบาลยังกล่าวด้วยว่า แกนนำที่จะเข้าร่วมการชุมนุม หรือเป็นผู้ชักชวนให้ผู้อื่นมาร่วมการชุมนุม โดยที่ตัวเองยังเป็นจำเลยหรือผู้ต้องหาในคดีความมั่นคงและอยู่ระหว่างการประกันตัวโดยมีเงื่อนไข หากมีการกระทำที่ฝ่าฝืนกฎหมายทางตำรวจนครบาลอาจพิจารณายื่นคำร้องให้ศาลเพิกถอนสัญญาประกันต่อไป
เท่าที่มีข้อมูลนับจากเดือนมิถุนายน 2564 จนถึงวันที่ 20 สิงหาคม 2564 พบว่ามีผู้ต้องหาหรือจำเลยคดีมาตรา 112 ที่ได้รับการประกันตัวระหว่างเดือนเมษายนถึงเดือนมิถุนายน 2564 หลังยอมรับเงื่อนไขการประกันตัวของศาล สองคนที่ศาลมีคำสั่งให้เพิกถอนสัญญาได้แก่พริษฐ์หรือเพนกวิ้นและจตุภัทร์หรือไผ่
วันที่ |
ผู้ต้องหา |
ผู้ยื่นถอนประกัน |
สาเหตุยื่นถอนประกัน |
ผลการถอนประกัน |
14 พฤษภาคม 2564
|
พริษฐ์ ชิวารักษ์
|
สนธิญา สวัสดี
ที่ปรึกษาประธานคณะกรรมาธิ
|
โพสต์ข้อความ ‘สาส์นแรกแห่งอิสรภาพ’ บนเฟซบุ๊ก เข้าข่ายผิดสัญญาประกัน
|
ศาลไม่ถอนประกัน แต่กำชับให้พริษฐ์ปฏิบัติตามสั |
31 พฤษภาคม 2564
|
ชินวัตร จันทร์กระจ่าง |
ผู้อำนวยการสำนั
|
ร่วมชุมนุมที่ด้านหน้
|
ศาลไม่ถอนประกัน แต่กำหนดเงื่อนไขประกันเพิ่มเติ |
6 กรกฎาคม 2564
|
วรรณวลี เอมจิตต์ (ตี้ พะเยา) |
อัยการโจทก์ |
เข้าร่วมการชุมนุมวันที่ 24 มิถุนายน 2564 |
ศาลอาญาธนบุรีนัดไต่สวนวันที่ 21 กันยายน 2564 |
7 กรกฎาคม 2564
|
ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล |
พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 7 |
ไม่ทราบรายละเอียดแน่ชัดว่าเป็ |
ศาลอาญานัดไต่สวนวันที่ 7 กันยายน 2564 |
6 สิงหาคม 2564
|
จตุภัทร์ บุญภัทรรักษา กับพวก รวม 29 คน |
สิระ เจนจาคะ ส.ส. กทม. พรรคพลังประชารัฐ |
กระทำความผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าในลั
|
ไม่มีข้อมูล |
9 สิงหาคม 2564 |
พริษฐ์ ชิวารักษ์ |
พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 7
|
โพสต์ภาพถ่ายตัวเองถื |
ศาลสั่งถอนประกัน โดยไม่มีการไต่สวน และให้เหตุผลว่าอัยการผู้ร้องมี |
11 สิงหาคม 2564 |
จตุภัทร์ บุญภัทรรักษา |
พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 7 |
จัดและร่วมการชุมนุมที่ก่อให้ |
ศาลสั่งถอนประกัน โดยให้เหตุผลว่า จำเลยร่วมทำกิจกรรมทำให้เกิ |
กรณีของพริษฐ์
วันที่ 9 สิงหาคม 2564 ระหว่างที่พริษฐ์ถูกนำตัวไปฝากขังในข้อหาชุมนุมมั่วสุมก่อความวุ่นวายในบ้านเมืองโดยมีพฤติการณืเป็นแกนนำและข้อหาอื่นๆที่ศาลจังหวัดธัญบุรีจากกรณีที่เขาร่วมการชุมนุมเรียกร้องให้ปล่อยตัวไผ่จตุภัทร์และผู้ชุมนุมทะลุฟ้าเมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2564 ศาลอาญาส่งหนังสือคำสั่งถอนประกันพริษฐ์ที่ลงนามโดยชนาธิป เหมือนพะวงศ์ รองอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา ปฏิบัติราชการแทนอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญามาที่ศาลจังหวัดธัญบุรี โดยอัยการเจ้าของสำนวนคดีการชุมนุม 19 กันยาทวงอำนาจคืนราษฎรเป็นผู้ยื่นคำร้องให้ศาลเพิกถอนสัญญาประกันของพริษฐ์ จากกรณีที่มีภาพของพริษฐ์ ถ่ายภาพกับพระบรมฉายาลักษณ์ขนาดเล็กในลักษณะที่ไม่เหมาะสมและเข้าข่ายเป็นการดูหมิ่นหรือหมิ่นประมาท
กรณีของจตุภัทร์
วันที่ 11 สิงหาคม 2564 ระหว่างที่จตุภัทร์ถูกคุมขังที่ทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลาง ศาลอาญามีคำสั่งเพิกถอนสัญญาประกันของจตุภัทร์ตามที่อัยการเจ้าของสำนวนคดีการชุมนุม #19กันยาทวงอำนาจคืนราษฎร ร้องขอ โดยศาลให้เหตุผลว่า จำเลยมีพฤติการณ์ร่วมทำกิจกรรมทำให้เกิดเหตุการณ์ความวุ่นวาย สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนทั่วไปและจัดการชุมนุมในสภาวะที่มีการระบาดของcovid19
ไม่ใช่แค่คดี 112 ที่ไม่ได้ประกันหรือถูกวางเงื่อนไขห้ามแสดงออก
แม้คดีมาตรา 112 จะเป็นคดีการเมืองที่ผู้ต้องหาหรือจำเลยมีความเสี่ยงสูงที่จะไม่ได้รับการประกันตัวในอันดับต้นๆ แต่ก็ไม่ใช่เพียงข้อกล่าวหาเดียว เพราะที่ผ่านมา มีหลายคดี ที่ศาลปฏิเสธสิทธิในการประกันตัว ยกตัวอย่างเช่น
คดีทุบรถผู้ต้องขังที่ใช้ควบคุมตัว “พริษฐ์” และ “ภาณุพงศ์“
ในคดีนี้มีผู้ต้องหาอย่างน้อย 5 คน และทุกคนถูกปฏิเสธสิทธิในการประกันตัวเป็นเวลานานกว่า 2 เดือน โดยศาลระบุว่า “พิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดีแล้ว การกระทำของจำเลยทั้งห้าเกิดจากการไม่ยำเกรงต่อกฎหมาย สร้างความวุ่นวายให้เกิดในบ้านเมือง หากได้รับการปล่อยตัวเห็นว่า จำเลยทั้งห้าจะไปกระทำอันตรายประการอื่นอีก”
อีกทั้ง เมื่อจำเลยได้รับการประกันตัว ศาลยังตั้งเงื่อนไขการประกันตัวด้วยว่า ห้ามเข้าร่วมกิจกรรมที่ก่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง, ห้ามกระทำการใดๆที่ก่อให้เกิดความเสียหายกับสถาบันพระมหากษัตริย์, ห้ามเดินทางออกนอกประเทศโดยไม่ได้รับอนุญาตและให้มาศาลตามนัดทุกครั้ง
คดีชุมนุม #ม็อบ2สิงหา ให้ปล่อยตัวกลุ่มทะลุฟ้า
ในคดีนี้มีผู้ต้องหาอย่างน้อย 9 คน ได้แก่ แซม ซาแมท, พริษฐ์, สิริชัย, พรหมศร, ณัฐชนนท์, ธนพัฒน์, ภาณุพงศ์, ธัชพงษ์, ปนัดดา โดยทั้ง 9 คนถูกกล่าวหาว่า มั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ใช้กําลังประทุษร้ายหรือขู่เข็ญว่าจะใช้กําลังประทุษร้ายให้เกิดการวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง ต่อมาเมื่อมีการแจ้งข้อกล่าวและสอบสวน ตำรวจได้ยื่นขอฝากขังจำเลยทั้ง 9 คน ในระหว่างการสอบสวน และศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ฝากขัง
ต่อมาทางทนายความได้ยื่นประกันตัว แต่ศาลก็สั่งไม่ให้ประกัน โดยระบุว่าเหตุผลว่า ศาลพิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดีแล้วเห็นว่า ตามข้อกล่าวหาผู้ต้องหาได้กระทําการโดยไม่เกรงกลัวต่อกฎหมายบ้านเมือง ทั้งไม่คํานึงถึงความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อยของสังคมโดยรวมในภาวะที่เกิดการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 ในวงกว้าง และศาลยังระบุด้วยว่า ผู้ต้องหาอยู่ระหว่างถูกดําเนินคดีอื่นอันเป็นพฤติการณ์ที่แสดงให้เห็นว่าผู้ต้องหาไม่ยําเกรงต่อกฎหมาย หากปล่อยชั่วคราวไปเชื่อว่าผู้ต้องหาจะไปก่อเหตุอันตรายประการอื่นอีก จึงไม่มีเหตุที่จะปล่อยชั่วคราวระหว่างสอบสวน
คดีชุมนุมสาดสีแดงใส่ป้าย สน.ทุ่งสองห้อง
ในคดีนี้มีผู้ต้องอย่างน้อย 5 คน ได้แก่ โดยสองคนแรกคือ ไผ่-จตุภัทร์, ทวี, ทรงพล, นวพล และ จิตริน โดยทั้ง 5 คน ถูกแจ้งข้อกล่าวหาร่วมกันฝ่าฝืนข้อกำหนดตามพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ, ทำลายทรัพย์สินสาธารณะตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 360 และข้อหาร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่สิบคนขึ้นไปก่อความวุ่นวายในบ้านเมืองตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 215 ทั้งนี้ หลังแจ้งข้อกล่าวหา พนักงานสอบสวนได้ยื่นคำร้องขอฝากขังจตุภัทร์, ทวี และทรงพล ซึ่งถูกออกหมายจับ ส่วนนวพลและจิตริน พนักงานสอบสวนไม่ได้ขอฝากขัง
ต่อศาลมีคำสั่งให้ประกันตัว ทวี และทรงพล โดยกำหนดวงเงินประกันคนละ 35,000 บาท ส่วน ไผ่-จตุภัทร์ ไม่ได้รับการประกันตัว เนื่องจาก ชนาธิป เหมือนพะวงศ์ รองอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา มีคำสั่งไม่อนุญาตให้ประกันตัวจตุภัทร์ โดยให้เหตุผลว่า จตุภัทร์ถูกดำเนินคดีในคดีอื่นที่มีลักษณะเดียวกันอีกเป็นจำนวนมากทั้งที่ได้รับอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวจากศาล โดยศาลได้กำหนดเงื่อนไขห้ามกระทำลักษณะเดียวกับที่ถูกกล่าวหาหรือถูกฟ้องร้อง หรือห้ามมิให้ก่อให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง แต่ก็ฝ่าฝืน จึงมีเหตุอันควรให้เชื่อว่าหากอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาจะหลบหนีหรือไปก่อเหตุอันตรายอาการอื่นๆอีก
นอกจากนี้ ในวันเดียวกันพนักงานสอบสวนยังแจ้งข้อกล่าวหาในลักษณะเดียวกันกับจตุภัทร์และพวกจากการทำกิจกรรมในพื้นที่อื่นๆ ทั้งกิจกรรมสาดสีที่ที่ทำการพรรคภูมิใจไทย กิจกรรมหล่อเทียนที่ห้าแยกลาดพร้าว และกิจกรรมสาดสี – เผาหุ่น พล.อ.ประยุทธ์ที่หน้าที่ทำการพรรคพลังประชารัฐ โดยในคดีอื่นๆจตุภัทร์ก็ถูกเพิกถอนสิทธิการประกันตัวด้วยเช่นกัน โดยในคดีสาดสีที่พรรคภูมิใจไทย นวพลและจิตรินก็ถูกฝากขัง โดยศาลอนุญาตให้ประกันตัวแต่มีการกำหนดเงื่อนไขว่า “ห้ามกระทำการลักษณะเดียวกับที่ถูกกล่าวหา ห้ามยุยงปลุกปั่นเข้าร่วมหรือกระทำการใดๆ ในลักษณะที่เป็นการก่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองหรือก่อให้เกิดอันตรายประการอื่นอื่นอีก”
อย่างไรก็ดี มีข้อสังเกตว่า ในสถานการณ์ที่การชุมนุมมีความเข้มข้น ศาลเริ่มตั้งเงื่อนไขการประกันตัวกับผู้ต้องหาที่ถูกดำเนินคดีเกี่ยวกับการชุมนุมซึ่งเป็นคดีที่มีอัตราโทษสูงไม่เกินสิบปีด้วยจากที่ก่อนหน้าหน้าคดีที่มักถูกตั้งเงื่อนไขประกันตัวคือความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ทำให้นักกิจกรรมบางส่วนที่ถูกดำเนินคดีมีความเสี่ยงที่จะถูกถอนประกันหากยังคงไปเข้าร่วมการชุมนุมในครั้งต่อๆไป