Le Truck เยือน 7 พรรค ส่งจดหมายเทียบร่วมปิดแคมเปญนิรโทษกรรมประชาชน 14 กพ. นี้

วันที่ 6 – 7 กุมภาพันธ์ 2567 “ขบวนรถ Le Truck – รักเธอ” ของเครือข่ายนิรโทษกรรมประชาชน เดินทางมายื่นหนังสือเพื่อเชิญให้หัวหน้าพรรคทั้งเจ็ดพรรค ที่มี สส.ในสภาเข้าร่วมกิจกรรมในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2567 ที่ลานประชาชน (รัฐสภา เกียกกาย) และรับร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมจากประชาชน หลังจากเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ได้ไปยืนหนังสือให้หัวหน้าพรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกล โดยความเคลื่อนไหวของทั้งเจ็ดพรรคการเมืองในสองวันที่ผ่านมามีดังนี้

พรรคภูมิใจไทย ชาติไทยพัฒนา และประชาชาติ รับหนังสือดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป

ขบวนรถ Lruck – รักเธอ เริ่มออกเดินทางเยือนพรรคการเมืองในวันที่ 6 กุมภาพันธ์  โดยตัวแทนเครือข่ายนิรโทษกรรมประชาชน กล่าวว่า “วันนี้เรามาพรรคภูมิใจไทย พรรคประชาชาติ พรรคชาติไทยพัฒนา ที่อยู่ในฝ่ายรัฐบาล และพรรคไทยสร้างไทย ที่อยู่ในฝ่ายค้าน เพื่อชวนหัวหน้าพรรคการเมืองทุกพรรคไปร่วมกิจกรรมรับฟังความเห็น ไปให้ความเห็นเกี่ยวกับร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมประชาชน ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ที่ ลานประชาชน หน้าอาคารรัฐสภา เราอยากให้ท่านช่วยตอบหน่อยว่า ข้อเสนอแบบรับกันได้ไหม มีความคิดเห็นยังไงบ้าง จะยกมือให้ได้ไหม”


สำหรับการเดินทางไปที่ทำการของแต่ละพรรคการเมืองในวันแรกฝั่งของพรรคร่วมรัฐบาลประกอบด้วยพรรคภูมิใจไทย พรรคประชาชาติ และพรรคชาติไทยพัฒนา โดยทั้งสามพรรคส่งตัวแทนออกมารับหนังสือ โดยตัวแทนของทั้งสามพรรครัฐบาล กล่าวว่าจะนำหนังสือเชิญหัวหน้าพรรคแล้วจะดำเนินตามขั้นตอนต่อไป โดยตัวแทนพรรคประชาชาติ กล่าวว่า พรรคให้ความสนใจกับร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม

พรรคไทยสร้างไทย พร้อมหนุนกฎหมายภาคประชาชน


ขณะที่พรรคฝ่ายค้านอย่างพรรคไทยสร้างไทย มี อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รองหัวหน้าพรรค มารับหนังสือเชิญ พร้อมกล่าวว่า พรรคไทยสร้างไทยให้ความสำคัญกับเรื่องของการนิรโทษกรรม สำหรับกฎหมายของภาคประชาชนก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีมากๆ และในฐานะพรรคการเมืองซึ่งทำหน้าที่เป็นตัวแทนของพี่น้องประชาชนทางพรรคไทยสร้างไทยก็พร้อมที่จะสนับสนุนกฎหมายของภาคประชาชน

พรรคประชาธิปัตย์ นิรโทษกรรม ม.112 อาจต้องแยกแยะเป็นกรณี

ต่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ เวลา 10.00 น. ขบวนรถ Lruck – รักเธอ เริ่มต้นที่พรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคแรก โดยมีรัชฎาภรณ์ แก้วสนิท อดีต ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์และนริศ ขำนุรักษ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นัสรี พุ่มเกื้อ จาก ThumbRights กล่าวว่า “วันนี้พวกเราในนามเครือข่ายนิรโทษกรรมประชาชน จะมาขอเชิญให้เข้าร่วมกิจกรรมในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2567 เราเข้าใจดีว่าพรรคประชาธิปัตย์มีจุดยืนที่จะไม่นิรโทษกรรมให้มาตรา 112 และคดีทุจริตร้ายแรง ซึ่งอาจจะต่างกับจุดยืนของพวกเรา อย่างไรก็ดีคุณรัชฎาภรณ์ก็ทราบดีว่าหลัง 6 ตุลาฯ ก็มีการนิรโทษกรรมให้คดี 112 โดยไม่ยกเว้นมาตราใดมาตราหนึ่ง ในรัฐบาลที่ผ่านมาพรรคประชาธิปัตย์ก็ได้เคยสะท้อนปัญหาของการบังคับใช้มาตรา 112 ซึ่งพวกเราไม่อยากให้ความขัดแย้งเหล่านี้เป็นการปิดตายการพูดคุยเพื่อแก้ไขความขัดแย้งทางการเมือง จึงอยากให้พรรคประชาธิปัตย์สร้างหลักประกันในการมีพื้นที่ที่มีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชน เราจึงอยากให้รับฟังให้รอบด้านเสียก่อนก่อนที่จะตัดสินใจ” 

ต่อมานริศ รับหนังสือและกล่าวว่า “ ผมในฐานะผู้ได้รับมอบหมายจากหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รับหนังสือจากเครือข่ายนักโทษประชาชน เรื่องการนิรโทษกรรมเป็นเรื่องที่พรรคประชาธิปัตย์มีท่าทีอยู่แล้ว แต่ก็รับหนังสือมาด้วยความเคารพทางเครือข่ายฯ แล้วก็อยากให้ทางเครือข่ายฯ เคารพท่าทีของพรรคและอยากให้กฎหมายของประชาชนผ่านเข้าไปพูดคุยกันในสภา ถ้ากฎหมายผ่านเข้าไปได้ก็จะมีกรรมาธิการจากประชาชน จะทำให้สะท้อนเจตนารมณ์ของประชาชนได้ ขอเรียกร้องให้พวกเราเคารพในการตัดสินใจของพรรคประชาธิปัตย์ด้วย เราเห็นว่าเรื่องการนิรโทษกรรมเป็นเรื่องใหญ่ของบ้านเมืองที่พวกเราให้ความสำคัญและจะทำให้พวกเราก้าวข้ามความขัดแย้งได้ แต่จะมีเนื้อหาหรือรายละเอียดในการนิรโทษกรรมอย่างไรก็ว่ากันต่อไป” 

จากนั้นรัชฎาภรณ์กล่าวเสริมว่า “สมัยนิรโทษกรรมสุดซอยพี่ก็เป็นกรรมาธิการด้วย เวลาพูดถึงเหตุการณ์มันง่าย แต่เวลาพูดถึงคดีต่างๆ กรณีต่างๆ มันยาก อย่างเช่นมาตรา 112 โฆษกพรรคประชาธิปัตย์เราแถลงชัดเจนว่าเรายกเว้น แต่ถ้าเสียงเรียกร้องของภาคประชาชน คือโดยทั่วไป เราคงตีขลุมอย่างนั้นไม่ได้ เราคงแยกแยะ คงไม่ใช่ทุกพฤติกรรมที่เราจะนิรโทษกรรมให้สำหรับ 112 เราอาจจะต้องแยกแยะเป็นกรณีไป ต้องดูที่เจตนา เมื่อก่อนนิรโทษกรรมสุดซอย ยิงวัดพระแก้วเราไม่ให้ ฆ่าคนตายโดยเจตนาไม่ได้ แต่ถ้าเป็นเหตุทางการเมืองเราโอเค การเรียกร้องทางการเมืองก็ต้องมีความสูญเสีย เราต้องดูที่เจตนา ต้องแยกแยะถ้าไม่แยกแยะมันจะยาก แต่ทั้งหมดก็ขึ้นอยู่กับภาคประชาชนว่าจะคิดเห็นอย่างไร ”

พรรครวมไทยสร้างชาติ และพลังประชารัฐ  รับข้อเสนอเตรียมนำเรียนผู้บริหาร

ต่อมาเวลา 10.30 น. ที่พรรครวมไทยสร้างชาติ ณัฐชนน ไพโรจน์ นักกิจกรรมและตัวแทนจาก ActLab กล่าวว่า “วันนี้พวกเราเครือข่ายนิรโทษกรรมประชาชนก็อยากจะมาขอเชิญชวนหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติให้ไปร่วมกับกิจกรรมของพวกเราในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2567 นี้ ซึ่งแคมเปญของพวกเราเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2567 ที่ผ่านมาและจะสิ้นสุดในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2567 นี้ ที่ลานประชาชน รัฐสภาเกียกกาย พวกเราจะไปนับยอดกันที่นั่นว่ามีประชาชนกี่คนมาร่วมลงชื่อกับพวกเรา  เราจึงอยากเชิญชวนให้หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติไปร่วมรับฟังความคิดเห็นและไปร่วมเสนอความคิดเห็นในการที่จะนิรโทษกรรมคดีความทางการเมืองทั้งหมด”  และมี ติน บุญตระกูล หัวหน้าฝ่ายทะเบียนพรรครวมไทยสร้างชาติมารับหนังสือและกล่าวว่า “ ขอบคุณทางเครือข่ายที่มายื่นหนังสือแล้วจะนำเรียนผู้บริหารพรรคให้ทราบต่อไป”

เวลา 11.30 น. ที่พรรคพลังประชารัฐ  มนทนา ดวงประภา จากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน กล่าวว่า “ วันนี้พวกเราเครือข่ายนิรโทษกรรมประชาชน มายื่นหนังสือให้ท่านหัวหน้าหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ คุณประวิทย์ วงษ์สุวรรณให้มาร่วมกิจกรรมในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2567 นี้ โดยสาระสำคัญของการนิรโทษกรรมของเราคือการนิรโทษกรรมให้ประชาชนทุกสีทุกฝ่าย จะนิรโทษกรรมเหตุการณ์ความขัดแย้งทั้งหลายที่เกิดขึ้นมาโดยเราจะตั้งคณะกรรมการเพื่อพิจารณา เรามีส่วนที่สามารถนิรโทษกรรมได้ทันทีและส่วนที่ให้คณะกรรมการพิจารณาเพิ่มเติมได้ อยากขอความร่วมมือให้ร่วมกันช่วยผลักดันให้พระราชบัญญัติตัวนี้เข้าสู่สภาได้” และมีวุฒินันท์ เตยพุทรา เจ้าหน้าที่ประสานงานพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า “ขอขอบคุณคณะเครือข่ายฯ ที่มาเสนอแนะและเสนอความคิดเห็นร่างนี้ ทางพรรคพลังประชารัฐยินดีที่จะรับข้อเสนอแนะความคิดเห็นของทุกฝ่ายทุกภาคส่วนของสังคมเพื่อจะนำไปพิจารณาให้เป็นประโยชน์กับประเทศมากที่สุด”