แม้ว่าวันที่ 24 มิถุนายน 2475 จะเป็นวันที่มีความสำคัญไม่น้อยต่อประวัติศาสตร์การเมืองไทย เพราะเป็นวันที่มีการเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาเป็นระบอบประชาธิปไตย แต่วันนี้ก็ไม่เป็นที่จดจำและไม่ถูกนับเป็นวันสำคัญหรือวันหยุดบนปฏิทิน ไม่มีการจัดกิจกรรมโดยภาครัฐ อย่างมากก็มีเพียงการจัดเสวนาโดยนักวิชาการตามมหาวิทยาลัยต่างๆ อย่างไรก็ตามในช่วงหลัง อย่างน้อยๆ ก็ตั้งแต่หลังการรัฐประหารในปี 2557 วันที่ 24 มิถุนากลับฟื้นชีวิตอีกครั้งเมื่อกลุ่มคนที่ไม่เห็นกับการรัฐประหารออกมาทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ต่างๆ ในวันนี้
24 มิถุนายน 2559, 84 ปี หลังวันเปลี่ยนแปลงการปกครอง กลุ่มกิจกรรมต่างๆออกมาจัดกิจกรรมกันอย่างคึกคัก เริ่มตั้งแต่กลุ่มกวีมันสูญและนักกิจกรรมกลุ่มเล็กๆอีกกลุ่มหนึ่งนัดรวมตัวที่หมุดคณะราษฎรในช่วงเช้ามืด เพื่อทำความสะอาดและรำลึกถึงเหตุการณ์ในสถานที่จริง ขณะที่กลุ่มเสรีเกษตรศาสตร์ก็นัดจัดกิจกรรมปัดฝุ่นประชาธิปไตยที่อนุสาวรีย์พิทักษ์รัฐธรรมนูญ บริเวณวงเวียนหลักสี่ในช่วงสาย ส่วนช่วงเย็นกลุ่มพลเมืองโต้กลับก็นัดกันใส่แว่นดำยืนเฉยๆเพื่อแสดงความไม่เห็นด้วยต่อกรณีที่มีการสั่งปิดศูนย์ปราบโกงและดำเนินคดีผู้ร่วมก็ตั้งในข้อหาคัดคำสั่งคสช.ซึ่งต้องขึ้นศาลทหาร
ภาพประชาสัมพันธ์กิจกรรมปัดฝุ่นประชาธิปไตย ที่มีเฟซบุ๊กเพจกลุ่มเสรีเกษตรศาสตร์
แต่ด้วยสภาวะการณ์ที่คสช.ยังคงอยู่ในอำนาจและมีการบังคับใช้กฎหมายและประกาศคำสั่งจำกัดการแสดงออกและการรวมตัวของประชาชนอย่างเข้มงวด การจัดกิจกรรมช่วงเช้ามืดที่หมุดคณะราษฎรจึงถูกจับตาโดยเจ้าหน้าที่ทั้งในและนอกเครื่องแบบหลายนายรวมทั้งมีความพยายามที่จะควบคุมตัว สิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์หรือ “นิว” ก่อนที่สุดท้ายเจ้าหน้าที่จะเปลี่ยนใจปล่อยให้ทำกิจกรรมต่อโดยไม่มีการควบคุมตัวหรือตั้งข้อหา แต่กิจกรรมที่อนุสาวรย์พิทักษ์รัฐธรรมนูญเหตุการณ์ชุนมุลขึ้นไปอีกระดับหนึ่งเพราะเจ้าหน้าที่นำกำลังควบคุมตัวหกนักกิจกรรมที่เดินเท้าจากวัดพระศรีมหาธาตุไปที่สน.บางเขนพร้อมกับตั้งข้อหาฝ่าฝืนอำนาจคสช. สถานการณ์การเมืองไทยในวันนี้ ดูจะอึมครึมไม่ต่างจากท้องฟ้าฤดูฝนของเดือนมิถุนายน
ย่ำรุ่งที่หมุดคณะราษฎร์ ชุลมุนเล็กน้อยแต่จบลงด้วยดี
ช่วงหกโมงเช้า นักกิจกรรมกลุ่มกวีมันสูญ และ นักกิจกรรมกลุ่มเล็กอีกกลุ่มหนึ่ง ร่วมกันจัดกิจกรรม “ครบเจ็ดรอบคณะราษฎร 84 ปีอภิวัฒน์สยาม ประชาธิปไตยไทย” ที่บริเวณหมุดคณะราษฎร ลานพระบรมรูปทรงม้า
หลังเหตุชุมมุลเล็กที่เกิดขึ้นเพราะเจ้าหน้าที่พยายามคุมตัวสิรวิชญ์ขึ้นรถจบลง กิจกรรมก็ดำเนินต่อไป ต่อมามีชายคนหนึ่งสวมชุดสูทสีดำ พูดขึ้นมาว่าหมุดคณะราษฎรเป็นหมุดที่ทำลายประชาธิปไตยและเป็นมิจฉาทิฐิ ก่อนจะถูกเจ้าหน้าที่รวบตัวออกไปและขณะที่เขาถูกควบคุมตัวออกไปก็ตะโกนขึ้นว่า นี่เป็นสิทธิส่วนบุคคลที่จะพูดในสิ่งที่เขาเชื่อ ไม่มีใครมีสิทธิมาจับทั้งสิ้น มารายงานในภายหลังว่าชายคนดังกล่าวถูกเจ้าหน้าที่กันตัวไว้จนกิจกรรมเลิกแต่ไม่มีรายงานว่าเขาถูกดำเนินคดีหรือถูกควบคุมตัวไปสถานีตำรวจแต่อย่างใด
การเดินเท้าที่ยากลำบาก จากวัดพระศรีมหาธาตุสู่อนุสาวรีย์พิทักษ์รัฐธรรมนูญ
เจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบเจรจาให้นักกิจกรรมทั้งเจ็ดยุติการทำกิจกรรม
ล้อมกรอบเจรจาก่อน”พา”ขึ้นรถ
ชนกนันท์ หนึ่งในนักกิจกรรมถูกเจ้าหน้าที่ปราบจลาจลหญิงควบคุมตัวโดยการอุ้มขึ้นรถตู้ หลังควบคุมตัวนักกิจกรรมครบทุกคนรถตู้นำตัวทั้งหมดไปที่สน.บางเขน
ตกเป็นผู้ต้องหาพร้อมคำถามว่า “ค่ำนี้นอนไหน?”
นักกิจกรรมเจ็ดคนถูกนำตัวไปที่ห้องสอบสวนตั้งแต่สิบนาฬิกาเศษ ทนายจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนมาถึงที่สน.บางเขนในเวลาก่อน 10.30 น. แต่ยัง “ไม่สามารถเข้าห้องสอบสวนได้” โดยเจ้าหน้าที่ระบุว่าขณะนี้กำลังพูดคุยกับอาจารย์ของนักกิจกรรมที่เป็นนิสิตจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ก่อน ในเวลาประมาณเกือบ 11.00 น. อาจารย์จากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์สามคนเดินออกมาจากห้องสืบสวน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเชิญทนายเข้าไปพบนักกิจกรรมทั้งเจ็ดคน ประมาณ 11.30 น. รถของชนกนันท์ถูกลากมาจากวัดพระศรีรัตนมหาธาตุเพราะเจ้าหน้าที่ต้องการตรวจค้นเอกสารที่นักกิจกรรมทั้งเจ็ดนำมาแจก ในการตรวจค้นนอกจากจะพบวารสาร ก้าวข้ามฉบับที่นำมาแจกแล้ว ยังมีวารสารฉบับเก่า ที่คั่นหนังสือรูปนักปรัชญาพร้อมคำคมด้วย ชนกนันท์บอกเจ้าหน้าที่ว่าเอกสารอื่นๆไม่ได้ถุกนำมาแจกในกิจกรรมวันนี้ แต่เจ้าหน้าที่ก็ยึดเอกสารไปตรวจสอบทั้งหมด