“หมอหยอง” จากข่าวลือสู่ข่าวจริง
หมอหยองไม่ใช่คนแรก: ย้อนรอย การกล่าวโทษและการจับกุม ผู้ต้องหาคดีแอบอ้างฯ หลังการรัฐประหาร 2557
สั่งย้าย – ปฎิเสธ – เปิดตัว ความเหมือนของคดีพล.ต.ต. พงศ์พัฒน์และคดี “หมอหยอง”
บุคคลที่เกี่ยวข้องเสียชีวิตระหว่างถูกควบคุมตัว:
ก่อนหน้านี้ช่วงที่มีการกวาดจับกลุ่มของพล.ต.ท.พงษ์พัฒน์ก็มีรายงานว่า พ.ต.อ.อัครวุฒิ์ หลิมรัตน์ อดีตผกก.1 บก.ป. กระโดดตึกฆ่าตัวตาย ด้วยความเครียดและเกรงกลัวถูกดำเนินคดี ซึ่งเมื่อทราบข่าวการเสียชีวิตญาติก็รีบจัดพิธีศพและเผาไปโดยไม่ได้ติดในเรื่องสาเหตุการเสียชีวิต
การดำเนินคดีแอบอ้างฯ ตามมาตรา 112 กับบุคคลที่มีฐานะทางสังคม หรือบุคคลที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับสถาบันพระมหากษัตริย์กลายเป็นประเด็นข่าวใหญ่โตที่ผู้คนในสังคมสนใจ ซึ่งคนในสังคมไทยเห็นตรงกันว่าการแอบอ้างสถาบันฯ เพื่อเรียกรับผลประโยชน์ให้ตนเองนั้นเป็นเรื่องไม่บังควร และมีแต่จะทำให้สถาบันพระมหากษัตริย์เสื่อมเสีย ดังนั้น หากเจ้าหน้าที่รัฐที่รับผิดชอบการดำเนินคดีเปิดเผยข้อมูลให้สาธารณชนได้ทราบ ถึงลักษณะการกระทำความผิด หรือการจับกุมและควบคุมตัว ก็จะช่วยให้สังคมปราศจากข้อสงสัย ไม่มีอาการอยากรู้อยากเห็นจนนำไปซุบซิบนินทาต่อๆ กันโดยไม่มีข้อเท็จจริงรองรับ และเมื่อกระบวนการดำเนินคดีมีความโปร่งใส สังคมได้ร่วมรับรู้ตรวจสอบ ก็จะยิ่งทำให้ความพยายามกวาดล้างขบวนการแอบอ้างฯ ดำเนินไปอย่างสง่างามขึ้น
กระบวนการยุติธรรม EMS: คดีแอบอ้างฯ ทั้งตำรวจและอัยการทำงานรวดเร็ว
ข้อน่าสังเกตอีกประการหนึ่ง คือ ในการดำเนินคดีแอบอ้างฯ ส่วนมากจะเกิดขึ้นและจบลงอย่างรวดเร็ว ต่างจากคดี 112 ที่เกิดจากการแสดงความคิดเห็น ที่จำเลยส่วนใหญ่มักจะถูกฝากขังจนครบ 84 วัน กว่าที่อัยการจะส่งฟ้อง
เปิดคำพิพากษาเก่า ลุ้นคำพิพากษาใหม่
ก่อนหน้าคดีของหมอหยอง ศาลทหารและศาลยุติธรรมเคยมีคำพิพากษาคดี 112 ที่เกิดจากการแอบอ้างสถาบันไว้จำนวนหนึ่งแล้ว คดีของพล.ต.ต.พงศ์พัฒน์ และพล.ต.ต.โกวิทย์ ศาลอาญาพิพากษาจำคุกจำเลยทั้ง 2 เป็นเวลา 5 ปี ก่อนลดโทษเหลือ 2 ปี 6 เดือนเพราะคำรับสารภาพ เช่นเดียวกับคดีของสุดาทิพย์ และคดีของอภิรุจกับวันทนีย์ ขณะที่คดีแอบอ้างสถาบันฯในศาลทหาร เสฏฐวุฒิ เพ็งดิษฐ์ น้องชายของอดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ถูกพิพากษาจำคุก 5 ปี ก่อนลดเหลือ 2 ปี 6 เดือน, ทองขาว อินทมาต ผู้อ้างตนเป็นข้าราชการในพระองค์ สมเด็จพระบรมฯ ศาลทหารเชียงรายพิพากษาลงโทษจำคุก 10 ปี ก่อนลดโทษเหลือ 5 ปี เพราะจำเลยรับสารภาพ
แม้คดีแอบอ้างฯ จะโด่งดังและมีจำนวนเพิ่มขึ้นมากในยุครัฐบาลคสช. แต่ก่อนหน้านี้ก็เคยมีการใช้ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ดำเนินคดีกับผู้ที่ถูกกล่าวหาว่าแอบอ้างสถาบันฯเพื่อแสวงหาผลประโยชน์เกิดขึ้นแล้วอย่างน้อย 2 คดี คือ คดีของประจวบ อินทปัตย์ที่เกิดในปี 2547 และคดีของอัศวิน ที่เกิดในปี 2549 คดีของประจวบ ศาลฎีกามีคำพิพากษาในเดือน เมษายน 2552 ว่า ประจวบมีความผิดฐานหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ ให้ลงโทษจำคุก 4 ปี สำหรับคดีของอัศวิน จำเลยถูกฟ้องฐานหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์จากการแอบอ้างฯ 2 กรรม และจากการดูหมิ่น 1 กรรม รวม 3 กรรม 1 กรรม เดือนธันวาคม 2556 ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องเพราะพยานหลักฐานโจทก์มีข้อพิรุธ แต่ต่อมาในเดือนกรกฎาคม 2557 ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับบางส่วนว่าการแอบอ้างถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 1 ใน 2 กรรม มีมูล จึงให้ลงโทษจำคุก 5 ปี ขณะนี้คดีอยู่ในชั้นฎีกา
ที่ผ่านมาศาลทหารกรุงเทพเคยพิพาก ษาคดี 112 ทั้งจากการแสดงความเห็น และจากการแอบอ้างในอัตราตั้งแต่ กรรมละ 3 ปี 5 ปี 9 ปี และสูงสุด 10 ปี ในส่วนของศาลทหารกรุงเทพ มีจำเลยถูกพิพากษาในคดีแอบบอ้างแล้วอย่างน้อย 3 คน ทุกคนรับโทษกรรมละ 5 ปี รับสารภาพลดเหลือ 2 ปี 6 เดือน เท่ากัน ซึ่งก็น่าจับตาต่อไปว่าในคดีของหมอหยอง ศาลจะวางอัตราโทษเดียวกันหรือไม่ หากสุดท้ายศาลพิพากษาว่าจำเลยมีความผิด