ส.ส. เห็นด้วยกับ ส.ว. ผ่าน ร่าง พ.ร.บ.ป้องกันการทรมานและการอุ้มหายฯ ปิดวงจรลอยนวลพ้นผิด

24 สิงหาคม 2565 ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรมีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการบังคับให้บุคคลสูญหาย (ร่างพ.ร.บ.ป้องกันการทรมานและการอุ้มหายฯ) ฉบับที่ผ่านการแก้ไขของวุฒิสภามาแล้ว ส่งผลให้ร่างกฎหมายที่ได้รับการเรียกร้องจากภาคประชาชนมาอย่างยาวนาน และได้รับความสนใจจากผู้แทนต่างประเทศ จะเข้าสู่กระบวนการประกาศใช้อย่างเป็นทางการต่อไปหลังจากที่นายกรัฐมนตรีทูลเกล้าฯ ให้พระมหากษัตริย์ทรงลงพระปรมาภิไธย

ก่อนที่จะมาถึงกระบวนการลงมติในวันนี้ ในชั้นการพิจารณาของ ส.ส. ร่าง พ.ร.บ.ป้องกันการทรมานและการอุ้มหายฯ ได้รับการแก้ไขจนเนื้อหาเปลี่ยนไปมากจากร่างของคณะรัฐมนตรี แต่ต้องฝ่าด่านสำคัญในชั้น ส.ว. เมื่อคณะกรรมาธิการวิสามัญของ ส.ว. เสนอให้มีการแก้ไขเนื้อหาจำนวนมาก เช่น ตัดโทษฐานการกระทำที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือย่ำยีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ออกไปจากร่างกฎหมายจนเนื้อหากลับไปคล้ายกับร่างที่คณะรัฐมนตรีเสนอ อย่างไรก็ดี ที่ประชุม ส.ว. กลับลงมติไม่เห็นด้วยกับกับข้อเสนอหลายประการของ กมธ. ส.ว. แต่ก็ยังมีการแก้ไขในบางมาตรา ทำให้ต้องส่งร่างกฎหมายที่ ส.ว. แก้ไขแล้วกลับมาให้ ส.ส. ลงมติอีกครั้งในวันนี้

ในช่วงการอภิปราย มีสมาชิกมากหน้าหลายตาลุกขึ้นอภิปราย รังสิมันต์ โรม ส.ส. พรรคก้าวไกล ในฐานะรองประธาน กมธ. วิสามัญ ระบุเรื่องน่าผิดหวังสามประการที่มีการเปลี่ยนแปลงในชั้น ส.ว. ประการแรก คือที่มาของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหายที่จากเดิมจะมีที่มายึดโดยตรงกับ ส.ส. ที่เป็นตัวแทนของประชาชน แต่ ส.ว. กลับเปลี่ยนให้ส่วนใหญ่เป็นข้าราชการ ประการที่สองคือการตัดอำนาจกรรมการฯ ในการตรวจสอบสถานที่ที่คาดว่ามีการควบคุมตัวโดยพลัน และประการสุดท้ายคือในปรับเปลี่ยนอายุความจากเดิมที่กำหนดให้สูงสุดถึง 40 ปี แต่การแก้ไขของ ส.ว. ทำให้เหลือเพียงสูงสุดไม่ถึง 20 ปี อย่างไรก็ตาม รังสิมันต์กล่าวว่าวันนี้ตนจะยอมรับว่าต้องกลืนเลือด เนื่องจากเวลาของสภานี้เหลือไม่มากแล้ว สิ่งที่เราทำได้คือต้องคงร่างที่ ส.ว. ส่งมา เราจึงต้องให้กฎหมายนี้ผ่าน

เช่นเดียวกับ ชวลิต วิชยสุทธิ์ ส.ส. พรรคเพื่อไทย ประธาน กมธ. วิสามัญ ที่ลุกขึ้นอภิปรายต่อว่า ร่างกฎหมายฉบับนี้เป็นที่ติดตามจากทั้งประชาชนทั่วไป องค์กรภาคประชาสังคมทั้งไทยและต่างประเทศ ที่สำคัญคือเหล่าทูตที่ได้มาพบตนที่สภาแห่งนี้เพื่อติดตามว่าไทยได้ออกกฎหมายที่สอดคล้องกับพันธกรณีที่ไทยได้ให้สัตยาบรรณไว้หรือไม่ ตนเห็นด้วยกับร่างกฎหมายและการแก้ไขนี้

ในฟากฝั่งรัฐบาลก็มี ส.ส. หลายคนลุกขึ้นอภิปรายเช่นเดียวกัน เช่น อาดิลัน อาลีอิสเฮาะ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ แม้ว่าร่างกฎหมายฉบับนี้จะถูกแก้ไขโดย ส.ว. แต่ก็ไม่ได้กระทบกับสาระสำคัญที่ปรากฏในร่างของ ส.ส. โดยร่างกฎหมายฉบับนี้จะยกระดับมาตรฐานในการอำนวยความยุติธรรมให้กับประชาชน โดยเฉพาะต้องยินดีกับประชาชนในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้และสี่อำเภอในจังหวัดสงขลา ในฐานะทนายความ ตนหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะเข้ามาทำกฎหมายที่สร้างความเปลี่ยนแปลง และเชื่อว่าพรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรคจะสนับสนุนร่างกฎหมายฉบับนี้

ในท้ายที่สุด ที่ประชุม ส.ส. ลงมติเห็นชอบ ร่าง พ.ร.บ.ป้องกันการทรมานและการอุ้มหายฯ ฉบับที่ผ่านการแก้ไขของ ส.ว. มาแล้วด้วยคะแนนเสียงเห็นชอบ 287 เสียง ไม่เห็นชอบ 1 เสียง งดออกเสียง 1 เสียง กระบวนการต่อไปจึงเป็นการให้นายรัฐมนตรีนำร่างกฎหมายทูลเกล้าฯ ให้พระมหากษัตริย์ทรงลงพระปรมาภิไธยเพื่อประกาศใช้เป็นกฎหมายอย่างเป็นทางการ

📍ร่วมรณรงค์

JOIN : ILAW CLUB

ช่องทางการติดตาม

FACEBOOK PAGE

วิดีโอแนะนำ