กันยายน 2560: ยกฟ้องคดีก่อความวุ่นวายประชามติ – ไต่สวนนักกิจกรรมละเมิดอำนาจศาลขอนแก่น เตรียมพิพากษาพฤศจิกายนนี้

เดือนกันยายนมีความเคลื่อนไหวคดีเสรีภาพเกิดขึ้นหลายคดี ในจำนวนนั้นมีคำพิพากษาที่น่าสนใจออกมาหนึ่งคดีได้แก่คดีปิยรัฐ ฉีกบัตรประชามติซึ่งศาลจังหวัดพระโขนงชี้ว่าการถ่ายวิดีโอเหตุการณ์การฉีกบัตรและโพสต์คลิปลงบนเฟซบุ๊กไม่ถือเป็นการก่อความวุ่นวายในหน่วยออกเสียง
ขณะเดียวกันก็มีความเคลื่อนไหวคดี 112 ที่สำคัญได้แก่คดีของทนายประเวศซึ่งแถลงขอถอนทนายและไม่ร่วมกระบวนการพิจารณาคดีเพราะเห็นว่าเป็นกระบวนการที่ไม่ชอบธรรม นอกจากนี้ก็มีกรณีที่ศาลทหารทั้งที่กรุงเทพและขอนแก่นเลื่อนการพิจารณาคดีเสรีภาพห้าคดีเพราะพยานโจทก์ไม่มาศาล

ศาลจังหวัดพระโขนงชี้ ฉีกบัตร ถ่ายคลิป ไม่ใช่การก่อความวุ่นวายในหน่วยออกเสียงประชามติ

 
วันที่ 26 กันยายน 2560 ศาลจังหวัดพระโขนงพิพากษายกฟ้องปิยรัฐ จิรวัฒน์ และทรงธรรม สามจำเลยที่ถูกกล่าวหาว่าร่วมก่อความวุ่นวายในหน่วยออกเสียงประชามติ ตามมาตรา 60(9) ของพ.ร.บ.ประชามติฯ จากการฉีกบัตรลงคะแนนพร้อมทั้งบันทึกวิดีโอและเผยแพร่วิดีโอดังกล่าวบนเฟซบุ๊กเมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2559 ซึ่งเป็นวันที่มีการลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญซึ่งต่อมาประกาศใช้เป็นระฐธรรมนูญฉบับปี 2560 โดยให้เหตุผลว่า
การกระทำของปิยรัฐ ผู้ฉีกบัตรเกิดขึ้นและจบลงอย่างรวดเร็วทั้งเมื่อเจ้าหน้าที่เข้าทำการจับกุมปิยรัฐก็ไม่ได้มีการขัดขืน ขณะที่จิรวัฒน์และทรงธรรมซึ่งเป็นผู้ถ่ายวิดีโอเหตุการณ์ดังกล่าวก็ยืนถ่ายวิดีโอจากด้านนอกหน่วยออกเสียง ทั้งตามภาพคลิปหลักฐานและคำเบิกความของพยานโจทก์ก็ไม่ปรากฎว่ามีเหตุวุ่นวายใดและการออกเสียงประชามติในหน่วยที่เกิดเหตุก็ดำเนินไปโดยปกติไม่มีการหยุดชะงักแม้ในขณะเกิดเหตุ
 
จิรวัฒน์ ทรงธรรมและปิยรัฐ (จากซ้ายไปขวา) ถ่ายภาพร่วมกันหน้าศาลจังหวัดพระโขนงหลังฟังคำพิพากษา
 
สำหรับปิยรัฐซึ่งถูกตั้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมอีกสามข้อหาได้แก่ข้อหาทำลายบัตรประชามติโดยไม่ได้รับอนุญาตตามมาตรา 59 ของพ.ร.บ.ประชามติฯ ข้อหาทำเลยเอกสารของผู้อื่นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 188 และข้อหาทำลายทรัพย์สินของผู้อื่นหรือทรัพย์สินที่ผู้อื่นร่วมเป็นเจ้าของด้วยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 358 จากกรณีฉีกบัตรประชามติ ถูกศาลพิพากษาว่ามีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 358 กับ พ.ร.บ.ประชามติมาตรา 59 พิพากษาจำคุกสี่เดือนปรับ 4000 บาท โทษจำคุกให้รอลงอาญาไว้หนึ่งปี สำหรับข้อหาทำลายเอกสารของผู้อื่นตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 188 ศาลให้ยกฟ้องเพราะเห็นว่าปิยรัฐยังไม่ได้ทำเครื่องหมายกากบาทลงบนบัตรลงคะแนนจึงยังไม่ถือเป็นเอกสารที่สมบูรณ์
ดูรายละเอียดคดีปิยรัฐฉีกบัตรเพิ่มเติม ที่นี่

ไต่สวนกรณีนักกิจกรรมละเมิดอำนาจศาลขอนแก่นเสร็จแล้ว นัดพิพากษา 2 พฤศจิกายน 2560

 
ระหว่างวันที่ 27 – 28 กันยายน 2560 ศาลจังหวัดขอนแก่นนัดนักกิจกรรมเจ็ดคนที่ถูกกล่าวหาว่าทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์เข้าข่ายเป็นการละเมิดอำนาจศาลในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2560 ซึ่งเป็นวันที่ศาลนัดสอบคำให้การจตุภัทร์หรือ ‘ไผ่ ดาวดิน’ จำเลยคดี 112 จากกรณีแชร์บทความพระราชประวัติรัชกาลที่สิบของเว็บไซต์บีบีซีไทยมาไต่สวนต่อหลังจากที่ก่อนหน้านี้ในวันที่ 29 มิถุนายน 2560 ศาลไต่สวนพยานฝ่ายผู้กล่าวหาได้สองปากคือผู้อำนวยการสำนักอำนวยการศาลจังหวัดขอนแก่นผู้ตั้งเรื่องให้มีการไต่สวนละเมิดอำนาจศาลและเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้รวบรวมหลักฐาน
ในวันที่ 27 กันยายน ศาลไต่สวนพยานได้สองปากคือหัวหน้าชุดรักษาความปลอดภัยประจำศาลพยานฝ่ายผู้ถูกกล่าวหาปากที่สามและ “เบญจมาศ” ผู้ถูกกล่าวหาที่สองในคดีนี้ ส.ต.ธนากร หัวหน้าชุดรักษาความปลอดภัยเบิกความโดยสรุปได้ว่าในวันเกิดเหตุมีเจ้าหน้าที่ทหารและฝ่ายความมั่นคงมาปฏิบัติหน้าที่ในศาลจริงแต่ไม่ได้ทำงานร่วมกับรปภ.ของศาล สำหรับการกระทำของผู้ถูกกล่าวหาทั้งเจ็ดแม้จะเกิดขึ้นนอกศาลแต่ก็เป็นการทำบริเวณป้ายศาลซึ่งทำไม่ได้ ส่วน”เบญจมาศ”เบิกความโดยสรุปได้ว่าการทำกิจกรรมดังกล่าวพวกตนเชื่อว่าทำได้เพราะเป็นการกระทำนอกรั้วศาลและเนื้อหาของกิจกรรมก็ไม่ได้พูดถึงศาลแต่เป็นการให้กำลังใจไผ่ดาวดิน 
 
ผู้ถูกกล่าวหาคดีละเมิดอำนาจศาลจังหวัดขอนแก่นเดินออกจากศาลหลังเสร็จการไต่สวนพยานในวันที่ 27 กันยายน 2560
ในวันนี้บรรยากาศเกิดความตึงเครียดเมื่อศาลจะขอถ่ายสำเนาบัตรประชาชนของผู้สังเกตการณ์ที่อยู่ในห้องพิจารณาคดีเพื่อให้เจ้าหน้าที่นำไปตรวจสอบว่ามีใครอยู่ในที่เกิดเหตุขณะมีการทำกิจกรรมอีกบ้าง อย่างไรก็ตามสุดท้ายบรรยากาศก็คลายตัวเมื่อศาลไม่ได้ดำเนินการดังกล่าว
ถัดมาวันที่ 28 กันยายน ศาลไต่สวนพยานต่ออีกเจ็ดปาก เป็นตัวผู้ถูกกล่าวหาที่เหลืออีกหกปากและพยานผู้เห็นเหตุการณ์อีกหนึ่งปาก ผู้ถูกกล่าวหาซึ่งเป็นสมาชิกกลุ่มดาวดินและกลุ่มพลเมืองคนรุ่นใหม่เบิกความทำนองเดียวกับ”เบญจมาศ”ว่ากิจกรรมดังกล่าวเป็นเพียงการให้กำลังใจไผ่ดาวดินและไม่มีการวิพากษ์วิจารณ์ศาลทั้งเชื่อว่าน่าจะทำได้เพราะเป็นการทำนอกศาล ส่วนสิรวิชญ์หรือนิวนักกิจกรรมกลุ่มพลเมืองโต้กลับเบิกความว่าตนเองเพียงแต่ร่วมวางดอกไม้ให้กำลังใจไผ่และไม่ได้เป็นผู้จัดกิจกรรมทั้งเนื้อหาของกิจกรรมก็เป็นการสนับสนุนจตุภัทร์ไม่ได้วิจารณ์ศาล หลังศาลไต่สวนพยานครบทุกปากศาลนัดฟังคำพิพากษาวันที่ 2 พฤศจิกายน 2560

ทั้งนี้ระหว่างที่มีการไต่สวน มีบุคคลแอบถ่ายภาพระหว่างการพิจารณา บุคคลดังกล่าวอ้างว่ามาจากหน่วยงานความมั่นคงประจำศาลากลางจังหวัดขอนแก่น ศาลจึงสั่งให้ผอ.ศาลฯนำโทรศัพท์ไปตรวจสอบและแจ้งทนายของผู้ถูกกล่าวหาว่าจะมีการตั้งเรื่องละเมิดอำนาจศาลต่อไป

ดูรายละเอียดคดีนักกิจกรรมละเมิดอำนาจศาลจังหวัดขอนแก่น ที่นี่

เดือนเดียวเลื่อนห้าคดี ศาลทหารกรุงเทพเลื่อนพิจารณาคดีเสรีภาพสองคดี ส่วนศาลทหารชลบุรีเลื่อนและศาลทหารขอนแก่นเลื่อนพิจารณาศาลละคดี เหตุพยานโจทก์ “ไม่มาตามนัด” ส่วนคดีศูนย์ปราบโกงฯ อิมพีเรียลลาดพร้าว ศาลทหารกรุงเทพเลื่อนพิจารณาเพราะจำเลยบางคนป่วยไม่มาศาล

ในวันที่ 4 กันยายน ศาลทหารกรุงเทพเลื่อนสืบพยานคดี 112 ของพัฒน์นรีหรือแม่ ‘นิว’ สิรวิชญ์ นักกิจกรรมกลุ่มประชาธิปไตยใหม่ซึ่งถูกกล่าวหาจากกรณีแชทเฟซบุ๊กกับบุรินทร์ จำเลยคดี 112 อีกคนหนึ่งซึ่งต้องโทษจำคุกอยู่เนื่องจากนายทหารพระธรรมนูญซึ่งเป็นพยานโจทก์ไม่มาศาลเนื่องจากติดราชการ ศาลนัดสืบพยานปากนี้ใหม่วันที่ 26 ธันวาคม 2560
ในวันที่ 5 กันยายน 2560 ศาลทหารกรุงเทพเลื่อนนัดสืบพยานโจทก์คดีมาตรา 116 ของสมบัติ บุญงามอนงค์หรือบก.ลายจุดเป็นวันที่ 24 มกราคม 2561 เนื่องจากพยานโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจติดสืบพยานคดีอื่น 
ในวันเดียวกันศาลทหารกรุงเทพก็มีคำสั่งให้เลื่อนการสอบคำให้การ 19 จำเลยคดีนปช.เปิดศูนย์ปราบโกงที่อิมพีเรียลลาดพร้่าวเนื่องจากหนึ่งในจำเลยไม่มาศาลเพราะป่วยโดยใบรับรองแพทย์มาแสดงต่อศาล ศาลจึงสั่งให้เลื่อนไปสอบคำให้การใหม่ในวันที่ 7 มีนาคม 2561 
 
ในวันที่ 6 กันยายน ศาลทหารชลบุรีเลื่อนนัดสืบพยานโจทก์คดี 116 ของพลวัฒน์ที่ถูกกล่าวหาว่าโปรยใบปลิวที่มีเนื้อหาเป็นการยุยงปลุกปั่นประชาชนในพื้นที่จังหวัดระยองเป็นวันที่ 6 พฤศจิกายน 2560 เนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งเป็นพยานโจทก์ไม่มาศาลโดยไม่ทราบสาเหตุ 
 
จตุภัทร์หรือไผ่ ดาวดิน ถูกนำตัวมาที่ศาลทหารขอนแก่นเพื่อสืบพยานในคดีชูป้ายต้านรัฐประหารในวันที่ 29 กันยายน 2560 แต่การสืบพยานนัดนี้ถูกเลื่อนเนื่องจากพยานไม่มาศาล

ในวันที่ 29 กันยายน ศาลทหารขอนแก่นเลื่อนนัดสืบพยานโจทก์คดีจตุภัทร์หรือ ‘ไผ่ ดาวดิน’ ชุมนุมฝ่าฝืนคำสั่งหัวหน้าคสช.ด้วยการชูป้ายต้านรัฐประหารร่วมกับนักกิจกรรมกลุ่มดาวดินอีกหกคนเป็นวันที่ 20 พฤศจิกายน 2560 หลังพยานโจทก์ที่นัดไว้ทั้งสองคนไม่มาศาล เนื่องจากหมายศาลส่งไม่ถึงตัวพยาน 

 

ทนายประเวศถอนทนายคดี 112 ยืนยันจะไม่ร่วมกระบวนการคดีที่ไม่ชอบธรรม

18 กันยายน 2560 ศาลอาญานัดทนายประเวศผู้ถูกกล่าวหาว่าโพสต์ข้อความที่เข้าข่ายผิดมาตรา 112 และ มาตรา 116 บนเฟซบุ๊ก ทนายประเวศแถลงต่อศาลว่าขอทนายและแถลงว่าไม่ขอมีส่วนร่วมกับกระบวนการในคดีนี้เนื่องจากไม่มีความชอบธรรม ทนายประเวศแถลงว่าไม่ประสงค์จะนำพยานเข้าสืบ ไม่ประสงค์จะถามค้านและไม่ประสงค์จะให้การใดๆต่อศาลหรือลงชื่อในเอกสารใดใด ฝ่ายอัยการแถลงต่อศาลว่าประสงค์จะนำพยานเข้าสืบรวม 11 ปาก ส่วนวันนัดคดีศาลสั่งให้คู่ความไปนัดวันกันและมาแจ้งศาลในภายหลัง ดูรายละเอียดคดีทนายประเวศ ที่นี่