วันที่ 16 พฤศจิกายน 2564 มีกำหนดการประชุมรัฐสภา พิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ "รื้อระบอบประยุทธ์" ที่เสนอโดยกลุ่ม Resolution หนึ่งในข้อเสนอ คือ การใช้ "สภาเดี่ยว" ยกเลิกส.ว. เป็นวันที่สมาชิกวุฒิสภาอภิปรายน่าสนใจหลายคน ยังมีทั้งที่คัดค้านชัดเจน และคัดค้านแบบ "อ้อมๆ"
นพ.เจตน์ ชี้ ส.ว. ชุดหน้าจะเป็นตัวแทนของกลุ่มอาชีพ และอัตลักษณ์อื่นๆ
ถวิล เปลี่ยนสี กล่าวถึงการยกเลิกวุฒิสภาให้เหลือสภาเดี่ยวคือสภาผู้แทนราษฎรว่า ในภาพรวมร่างรัฐธรรมนูญที่ถูกนำเสนอเข้ามานี้ได้เปลี่ยนหลักการและโครงสร้างทางการเมืองใหม่แถบจะสิ้นเชิง ร่างนี้ได้เสนอฝ่ายนิติบัญญัติในรูปแบบสภาเดี่ยว คือ สภาผู้แทนราษฎร โดยเพิ่มอำนาจหน้าที่ รวมศูนย์อำนาจต่างๆ ไว้ที่สภาผู้แทนราษฎรเป็นอย่างมาก
ขณะเดียวกันอีกทางหนึ่ง ท่านได้ทำการ ล้ม โละ เลิก ล้าง หน้าที่อำนาจขององค์กรอื่นๆ เช่น ยกเลิกวุฒิสภา ส่วนศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระถูกลดอำนาจหน้าที่ จนองค์กรเหล่านั้นไม่เหลือความเป็นอิสระ ถูกลดสถานะเหลือเป็นองค์กรภายใต้การกำกับและควบคุมอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดโดยสภาผู้แทนราษฎร
ลำพังรูปแบบรัฐสภาอย่างเดียว ไม่ว่าจะเป็นสภาเดี่ยวหรือสภาคู่ ไม่ได้แสดงให้เห็นว่าเป็นประชาธิปไตยหรือไม่ กล่าวคือ ไม่ใช่ว่าเป็นสภาเดี่ยวแล้วจะเป็นประชาธิปไตยเสมอไป หรือเป็นประชาธิปไตยมากกว่า หรือเป็นสภาคู่จะเป็นประชาธิปไตยน้อยกว่าหรือไม่เป็นประชาธิปไตย
ในโลกนี้มีระบบสภาคู่อยู่มากมายหลายประเทศและก็ต่างประเทศที่มีความก้าวหน้าในความเป็นประชาธิปไตยทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นญี่ปุ่น อินเดีย เยอรมนี ฝรั่งเศส สหรัฐอเมริกา และสหราชอาณาจักร เช่นเดียวกัน สภาเดี่ยวหลายประเทศก็ไม่ได้เป็นประชาธิปไตย หรือเป็นประชาธิปไตยน้อยมาก หรือบางประเทศเป็นเผด็จการไปเลย
เหตุผลที่ต้องพูดแบบนี้ เพราะในร่างให้เหตุผลว่า วุฒิสภาตามรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันไม่มีความชอบธรรมทางประชาธิปไตยจึงต้องยกเลิกไปให้เหลือแต่สภาผู้แทนราษฎร การให้เหตุผลดังนี้ผมคิดว่าเป็นตรรกะที่แปลก เหมารวม กำกวม ไม่มีเหตุผลรองรับที่ดี
หลักการรวมศูนย์อำนาจไว้ที่สภาเดียว ล้มเหลวมาแล้วทั้งในประเทศต่างๆ รวมถึงประเทศไทยด้วย เป็นการเดินถอยหลังในเรื่องการตรวจสอบและถ่วงดุลอำนาจ เพราะระบบรวมศูนย์อำนาจไว้ที่สภานิติบัญญัติแห่งเดียว กลไกขับเคลื่อนฝ่ายบริหารและฝ่ายนิติบัญญัติจะมาที่เดียวกัน คือพรรคการเมืองที่มาจากเสียงข้างมาก หรือพรรคการเมืองเสียงข้างมากในสภาจะเป็นฝ่ายควบคุมฝ่ายบริหารและฝ่ายนิติบัญญัติ
ท่านปฏิเสธและรังเกียจเผด็จการยึดอำนาจ แต่ร่างที่ท่านเสนอกำลังจะสร้างเผด็จการอีกรูปแบบหนึ่งขึ้นมา ท่านรังเกียจปีศาจตนหนึ่ง แต่ท่านกำลังเห็นดีเห็นงามกับปีศาจอีกตนหนึ่ง กลับเชิดชูกับเผด็จการอีกรูปหนึ่งนั้น คือ เผด็จการรัฐสภา หรือ เผด็จการโดยสภาผู้แทนราษฎร ท่านอาจจะแย้งผมว่า ถ้าเป็นเผด็จการแต่ก็เป็นเผด็จการที่มาจากประชาชน หรือ ประชาชนเลือกตั้งเข้ามาซึ่งดูดีมาก
ในบ้านเราเมื่อไม่นานมานี้ ก็มีบทเรียนของเผด็จการรัฐสภา หรือ เผด็จการในคราบประชาธิปไตย