ห้ามประชาชนไลฟ์สด ประชุม กมธ. แก้รัฐธรรมนูญ ตัดสัญญาณ-รปภ. เชิญออก

การประชุมวาระสอง เรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญ เดินไปในห้องปิดลับ หลังเครือข่ายรณรงค์รัฐธรรมนูญ ขออนุญาตถ่ายทอดสดการประชุมจากหน้าห้อง แต่ถูกปฏิเสธ โดยยังไม่ได้รับการแจ้งเหตุผลและคำอธิบายที่ชัดเจน แถมยังถูก รปภ. เชิญออกนอกอาคารรัฐสภาทันที

22 มกราคม 2563 เครือข่ายรณรงค์รัฐธรรมนูญ หรือ CALL ทำหนังสือถึงวิรัช รัตนเศรษฐ ในฐานะประธานกรรมาธิการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม เนื่องจากในวันนี้มีการประชุมของรัฐสภาในวาระที่สอง ซึ่งจถกเถียงกันในรายละเอียดทีละมาตรา ของร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ฉบับที่เสนอโดยพรรคร่วมรัฐบาล และพรรคเพื่อไทย

จารุวรรณ สาทลาลัย เจ้าหน้าที่เครือข่าย CALL เล่าว่า ได้เดินทางไปถึงห้องประชุมกรรมาธิการ ชั้น 6 อาคารรัฐสภาเกียกกายตั้งแต่เวลาประมาณ 8.30 และยื่นหนังสือขออนุญาตถ่ายทอดสดให้ประธานกรรมาธิการก่อนที่การประชุมจะเริ่มในเวลา 9.30 สาเหตุที่ต้องมายื่นหนังสือล่วงหน้า เพราะเมื่อวานนี้ได้มาตั้งกล้องถ่ายทอดสดแล้วแต่เกิดความสับสน จึงถ่ายทอดสดไปได้ไม่ตลอด

จารุวรรณ เล่าย้อนว่า เครือข่าย CALL คุยกันว่า ในการประชุมกรรมาธิการแต่ละนัด จะมีเจ้าหน้าที่บันทึกวิดีโอและถ่ายทอดออกมายังจอโทรทัศน์ที่หน้าห้องประชุมอยู่แล้ว จึงอยากประสานงานเพื่อขอเข้าถึงสัญญาณการถ่ายทอดดังกล่าว แต่ประสานงานเบื้องต้นแล้วไม่ได้รับอนุญาต แต่ได้รับแจ้งว่า สามารถมาถ่ายต่อจากจอโทรทัศน์หน้าห้องอีกครั้งหนึ่งได้ และได้รับแจ้งว่าสื่อมวลชนก็ใช้วิธีการเดียวกันในการติดตามการประชุม 

เมื่อวันที่ 21 มกราคม 2563 จึงเดินทางไปที่อาคารรัฐสภาเป็นครั้งแรก ได้พบและขออนุญาตประธานวิรัชกรรมาธิการด้วยปากเปล่า ประธานรับทราบแล้วจึงออกมาตั้งกล้องถ่ายอยู่หน้าห้องประชุม ระหว่างการถ่ายทอดสดในช่วงเช้าผ่านเฟซบุ๊กของเครือข่าย CALL ก็เห็นการยกมือประท้วงเรื่อยๆ ของกรรมาธิการว่า ไม่สบายใจที่มีคนมาถ่ายไลฟ์อยู่หน้าห้องทั้งที่ไม่ใช่สื่อมวลชน ไม่ได้ลงทะเบียนสื่อกับกรมประชาสัมพันธ์ จากนั้น มีเจ้าหน้าที่เดินวนเวียนออกมาบอกว่า ให้หยุดถ่ายเป็นระยะ มีทั้งคนที่อ้างว่าเป็นเลขาฯ กรรมาธิการ และมี ส.ส. จำนวนหนึ่งออกมาบอกให้หยุดถ่าย 

จนกระทั่งเวลาประมาณ 12.00 เริ่มมีการแจกอาหารกลางวันให้กรรมาธิการรับประทานในห้อง เจ้าหน้าที่รัฐสภาคนหนึ่งจึงเดินมาบอกว่า กรรมาธิการจะกินข้าว ให้หยุดถ่ายเพราะเป็นภาพที่ไม่เหมาะสม แต่ขณะนั้นยังมีกรรมาธิการอภิปรายในเนื้อหาอยู่ จึงแจ้งกลับไปว่า เมื่อคนสุดท้ายพูดจบแล้วจะหยุดถ่ายไลฟ์ แต่เจ้าหน้าที่ก็ใช้วิธีปิดสัญญาณจากข้างใน ทำให้จอโทรทัศน์กลายเป็นจอดำ จากนั้นเมื่อการประชุมดำเนินต่อจอโทรทัศน์หน้าห้องประชุมก็ไม่ได้รับสัญญาณถ่ายทอดออกมาจากด้านในอีก

จารุวรรณ เล่าว่า ในวันที่ 22 มกราคม 2563 จึงทำหนังสือมายื่นต่อประธาน เพื่อขออนุญาตถ่ายทอดสดอย่างเป็นทางการ เพื่อไม่ให้มีข้อครหาจากรรมาธิการว่า “ใครก็ไม่รู้” มาถ่ายทอดสด เมื่อยื่นหนังสือกับเจ้าหน้าที่ในเวลาประมาณ 8.30 โทรทัศน์ด้านหน้าห้องประชุมก็ยังมีภาพสดจากข้างในออกมา จนกระทั่งการประชุมกำลังจะเริ่มในเวลาประมาณ 9.30 จอด้านนอกก็ถูกตัดอีกครั้ง แต่ยังพอมองผ่านกระจกเข้าไปเห็นการประชุมได้บ้าง การหารือในห้องประชุมเดินไปจนกระทั่งเวลา 10.30 ก็มองเห็นว่า มีการยกมือเพื่อลงมติ ผลออกมา คือ 20 ต่อ 8 เสียง จึงเข้าใจได้เองว่า เป็นการลงมติเรื่องการอนุญาตให้ถ่ายทอดสด แต่ไม่มีเจ้าหน้าที่คนใดมาแจ้งผลการขออนุญาตอย่างเป็นทางการ

ระหว่างที่กำลังรอเพื่อสอบถามจากเจ้าหน้าที่หรือกรรมาธิการที่อยู่ด้านในเกี่ยวกับผลการตอบคำขออนุญาต มีคนแจ้งว่าเป็นผู้อำนวยการฝ่ายรักษาความปลอดภัย มาสอบถามว่า ขึ้นมาได้อย่างไร แล้วสักพักหนึ่งก็มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยในเครื่องแบบตำรวจรัฐสภาสองนาย กับเจ้าหน้าที่ใส่สูทหนึ่งนาย มาเชิญตัวออกจากพื้นที่ โดยอ้างเหตุโควิด และให้เจ้าหน้าที่สามคนพาทีมงานของ CALL มาส่งจนถึงประตูทางออก ในเวลาประมาณ 11.10

จากนั้นในเวลาประมาณ 12.10 หลังจารุวรรณเดินทางกลับแล้ว ได้รับโทรศัพท์จาก นิกร จำนง กรรมาธิการสัดส่วนพรรคร่วมรัฐบาล นิกรกล่าวขอโทษ พร้อมอธิบายว่า เจ้าหน้าที่ส่วนประชาสัมพันธ์ “เข้าใจผิด” ประชาชนสามารถกลับเข้าไปนั่งบริเวณหน้าห้องประชุมอย่างเดิมได้ แต่ยังคงห้ามการถ่ายทอดสด

เวลาประมาณ 13.00 สิระ เจนจาคะ ในฐานะโฆษกกรรมาธิการ แถลงข่าวแจ้งว่า สาเหตุที่ กมธ. พิจารณาช้ากว่ากำหนด เพราะมีกรรมาธิการบางคน “บ้าน้ำลาย” ทำให้เสียเวลาในการประชุมไปมาก มีเพียง 1-2 คนที่คิดว่าตัวเองดี ส่วนคนอื่นนั้นไม่ดี ขอให้หยุดบ้าน้ำลายและมีมารยาทด้วย

ส่วนกรณีที่ไม่อนุญาตให้ประชาชนถ่ายทอดสดนั้น เนื่องจากคนที่จะมาถ่ายทอดสดนั้นไม่ได้เป็นกลาง มีธงอยู่ในใจ ถ้าหากกรรมาธิการพูดสิ่งที่ไม่ตรงใจก็จะถูกด่า ถูกเหยียดหยาม เป็นการลิดรอนสิทธิของกรรมาธิการ ส่วนสื่ออื่นๆ ถ้าจะถ่ายทอดสดก็สามารถไปถ่ายได้เลย เป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว ถ้าไม่เชื่อก็ให้ไปดูคอมเม้นต์จากการถ่ายทอดสดของเฟซบุ๊กดังกล่าวในวันก่อนได้เลยว่า กรรมาธิการถูกด่าอย่างไรบ้าง

จากการตรวจสอบคอมเม้นต์ในไลฟ์ ที่เพจคณะรณรงค์รัฐธรรมนูญ พบว่า มี 13 คอมเม้นต์ ส่วนใหญ่เป็นการคุยกันเรื่องเสียงที่ถ่ายทอดสดชัดหรือไม่ และไม่มีคอมเม้นต์ที่โจมตีกรรมาธิการคนใดเลย