รัฐธรรมนูญในฝัน: รัฐธรรมนูญเพื่อประชาชน (ที่ต้องไม่เป็นแค่ฝัน)

มนุษย์ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะได้รับโอกาสในการมีชีวิตอย่างมีคุณภาพไม่ว่าจะอาศัยอยู่ในประเทศหรือเขตแดนใดบนโลกใบนี้ ประเทศใดๆก็ตามควรจะมีอยู่เพื่อประโยชน์และสวัสดิภาพของประชาชนทุกคนเป็นสำคัญ หากการมีอยู่ของประเทศใดเป็นไปเพื่อประโยชน์ของคนเพียงกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเหนือประโยชน์ของประชาชนโดยรวมแล้ว ย่อมหมายความว่าประเทศนั้นตั้งอยู่บนความอยุติธรรม ด้วยการพรากสิทธิ์ที่คนทุกคนควรได้รับโอกาสอย่างเท่าเทียมกันในการมีชีวิตที่มีคุณภาพ ไปจำกัดให้เฉพาะคนจำนวนแค่หยิบมือ
ฉันรักประเทศไทย ประเทศไทยคือบ้านของฉัน ใครเล่าจะไม่อยากให้บ้านที่ตัวเองเกิดและเติบโตมา และน่าจะต้องอาศัยอยู่ไปตลอดชีวิตเป็นบ้านที่ดี เป็นบ้านที่อยู่แล้วมีความสุขสบายทั้งกายและใจ และถ้าหากบ้านหลังนี้จะอยู่สบายเฉพาะสำหรับตัวฉัน แต่คนอื่นในบ้านต้องทำงานหนักแล้วยังต้องอยู่อย่างไม่มีความสุข ต้องถูกเอาเปรียบหรือเบียดเบียนโดยคนในบ้านด้วยกันเอง ฉันผู้ได้รับอภิสิทธิ์ให้มีชีวิตสุขสบายในบ้านหลังนี้จะอยู่อย่างสุขใจเหนือความทุกข์ของเพื่อนร่วมบ้านได้อย่างไรกัน ความจริงข้อนี้เป็นสิ่งที่ทำให้ฉันผู้มองเห็นปัญหาหลายอย่างในบ้านของเราทุกคน ต้องการลุกขึ้นมาบอกว่าประเทศไทยของเราต้องดีกว่านี้ ประเทศไทยต้องเป็นบ้านที่ดีสำหรับฉันและเพื่อนร่วมบ้านทุกคน ประเทศไทยต้องมีอยู่เพื่อประชาชน รัฐธรรมนูญไทยซึ่งเป็นกฎสูงสุดของบ้านต้องมีอยู่โดยคำนึงถึงสิทธิและโอกาสของประชาชนทุกคนเป็นหัวใจสำคัญ
รัฐธรรมนูญจากเจตจำนงของประชาชน: ประชาชนต้องตระหนักถึงสิทธิทางการเมือง
ในการที่รัฐธรรมนูญจะคำนึงถึงสิทธิและโอกาสของประชาชนทุกคนเป็นพื้นฐานนั้น ฉันเชื่อว่าข้อแรกรัฐธรรมนูญต้องมาจากเจตจำนงของประชาชนอย่างแท้จริงเสียก่อน แน่นอนว่ารัฐธรรมนูญซึ่งเป็นสิ่งที่กำหนดทิศทางในการบริหารและความเป็นไปในประเทศจำเป็นต้องมีที่มาอย่างโปร่งใส หมายถึงประชาชนต้องมองเห็นทุกกระบวนการในการสรรสร้างรัฐธรรมนูญของประเทศ แต่คำว่า “โปร่งใส” นั้นยังไม่เพียงพอ ประชาชนจำเป็นต้องมีสิทธิ์มีเสียงในการออกแบบและยอมรับรัฐธรรมนูญด้วย แต่พูดเพียงเท่านี้ก็ยังไม่เพียงพออีกเช่นกัน เพราะถ้าจะทำให้ประชาชนอยาก “มีสิทธิ์มีเสียง” ในเรื่องที่ฟังดูเข้าใจยากอย่าง “รัฐธรรมนูญ” สิ่งที่สำคัญที่สุดและจำเป็นต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วนคือต้องทำให้ประชาชนทุกคนตระหนักถึงความสำคัญอันใหญ่หลวงของรัฐธรรมนูญที่ว่านี้ต่อชีวิตของพวกเขา พูดอย่างง่ายๆก็คือต้องทำให้ประชาชนมองเห็นว่าการกำหนดทิศทางของประเทศผ่านรัฐธรรมนูญนั้นส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของพวกเขาโดยตรง และพวกเขามีสิทธิ์ที่จะเลือกทิศทางความเป็นไปของบ้านหลังนี้ 
ตั้งแต่ที่ฉันเริ่มโตพอจะมองเห็นปัญหาและความขัดแย้งต่างๆในประเทศไทย ฉันมองว่าปัญหาสำคัญอย่างหนึ่งที่เป็นอุปสรรคของเราในการก้าวไปข้างหน้าคือการที่ประชาชนชาวไทยจำนวนมากยังไม่เห็นว่าเรื่อง “การเมือง” มีความเชื่อมโยงกับคุณภาพชีวิตของพวกเขามากเพียงใด หลายคนมองว่าการเมืองเป็นเรื่องน่าเบื่อที่มีแต่ปัญหาอีรุงตุงนังไม่จบไม่สิ้น โดยไม่เข้าใจว่าหากมันทำให้แนวทางการบริหารประเทศนี้เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นและให้ความสำคัญกับคุณภาพชีวิตของประชาชนอย่างเราๆมากขึ้น ชีวิตของพวกเขาก็ย่อมจะดีขึ้นไปด้วย ซ้ำร้ายไปกว่านั้น บางคนยังไม่ตระหนักเสียด้วยซ้ำว่าประชาชนอย่างเราๆมีสิทธิ์เต็มที่ที่จะคาดหวังการบริหารทรัพยากรต่างๆของประเทศชาติซึ่งรวมถึงเงินภาษีที่ทุกคนต้องจ่าย ในการยกระดับคุณภาพชีวิตของเราให้ดีขึ้นและมั่นคงขึ้น อย่างไรก็ตาม ฉันไม่โทษพวกเขาเหล่านั้นเลยแม้แต่นิด ในเมื่อตลอดเวลาที่ผ่านมาประชาชนชาวไทยไม่เคยได้รับการปลูกฝังให้ตระหนักถึงสิทธิ์ของตัวเองที่จะได้รับคุณภาพชีวิตที่ดีจากการบริหารงานของรัฐ แต่กลับถูกสอนให้ “สำนึกบุญคุณแผ่นดิน” หรืออะไรทำนองนั้นเสียมากกว่า วาทกรรมลักษณะนี้ทำงานได้ดีเหลือเกิน
ในการบ่มเพาะไม่ให้ประชาชนคิดเรียกร้องสิ่งใดจากรัฐ ฉันมองว่าสิ่งนี้คือปัญหาที่พวกเราต้องแก้ไขอย่างเร่งด่วนก่อนที่จะได้มาซึ่งรัฐธรรมนูญที่มาจากเจตจำนงของประชาชนเพื่อประชาชนอย่างแท้จริง เราต้องทำให้คนไทยทุกคนตระหนักถึงสิทธิทางการเมืองของตัวเองในฐานะประชาชน เราต้องทำให้พวกเขามองเห็นความเชื่อมโยงของการบริหารประเทศกับคุณภาพชีวิตของพวกเขา เรื่องนี้จำเป็นต้องได้รับการประชาสัมพันธ์อย่างเต็มที่ในทุกช่องทางที่เป็นไปได้ ตามที่เทคโนโลยีและทรัพยากรที่เรามีจะเอื้ออำนวย
หลังจากทำให้ประชาชนตระหนักถึงสิทธิของตัวเองและมองเห็นความสำคัญของการร่วมกันกำหนด
แนวทางการบริหารบ้านเมืองได้สำเร็จแล้ว การที่ทุกคนจะร่วมมือร่วมใจกันจับตามองความชอบธรรมของรัฐธรรมนูญย่อมเป็นเรื่องง่ายขึ้น เพื่อให้เกิดความโปร่งใสและความยุติธรรมสูงสุด คณะผู้ร่างรัฐธรรมนูญควรประกอบด้วยผู้ที่มีคุณสมบัติเหมาะสมจากหลายฝ่าย ที่สำคัญคือต้องมีความเข้าใจเรื่องหลักกฎหมายอย่างถ่องแท้ ตลอดจนยึดถือหลักประชาธิปไตยและหลักสิทธิมนุษยชนอย่างแท้จริง ทั้งนี้ ขั้นตอนการคัดเลือกจำเป็นต้องเปิดเผยให้ประชาชนได้รับรู้ รวมทั้งทัศนคติและคุณสมบัติของผู้ที่ได้รับเลือกด้วยเช่นกัน ประชาชนต้องมีสิทธิ์ลงชื่อทักท้วงตั้งแต่ในขั้นตอนนี้หากเห็นว่ามีสิ่งใดที่ไม่เหมาะสม นอกจากนี้ควรมีแพลตฟอร์มหรือพื้นที่ให้ประชาชนได้ร่วมกันเสนอสิ่งที่ควรหรือไม่ควรมีในรัฐธรรมนูญ หรือหากประชาชนหรือผู้แทนประชาชนจะรวมตัวกันเพื่อเสนอร่างรัฐธรรมนูญก็ควรที่จะทำได้ และเมื่อมีร่างรัฐธรรมนูญออกมาแล้ว จะต้องมีการประชาสัมพันธ์รายละเอียดของร่างดังกล่าวในหลากหลายรูปแบบเพื่อให้ประชาชนทุกคนเกิดความเข้าใจสูงสุดก่อนที่จะมีการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งแน่นอนว่าต้องดำเนินการอย่างโปร่งใส อยู่ในสายตาของประชาชน และไม่มีพื้นที่ให้การทุจริตใดๆ
นอกจากเรื่องที่มาของรัฐธรรมนูญแล้ว สิ่งที่จะไม่พูดถึงไม่ได้ในประเด็น “รัฐธรรมนูญในฝัน” คือทิศทางเนื้อหาของรัฐธรรมนูญ ดังที่ได้กล่าวไปแล้วว่ารัฐธรรมนูญของประเทศไม่เพียงแต่ต้องมาจากเจตจำนงของประชาชน แต่ต้องคำนึงถึงสิทธิและโอกาสในการมีคุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชนเป็นสำคัญด้วย และหากจะให้เป็นเช่นนั้น เนื้อหาของรัฐธรรมนูญควรแก้ปัญหาใหญ่ที่เรื้อรั้งในประเทศนี้สามประการ ได้แก่ ความเหลื่อมล้ำทางโอกาสของประชาชน การใช้ทรัพยากรของชาติเพื่อเอื้อประโยชน์ต่อคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง และการบั่นทอนสิทธิเสรีภาพของประชาชน ดังนี้
ความไม่เท่าเทียมในคุณภาพชีวิต: ความเหลื่อมล้ำทางโอกาส
ปัญหาใหญ่ประการแรก ที่ไม่เพียงแต่เป็นอุปสรรคของการพัฒนาประเทศแต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของความอยุติธรรมและความไม่เท่าเทียมอันน่ารังเกียจ ก็คือความเหลื่อมล้ำทางโอกาสของประชาชน พวกเราหลายคนคงทราบดีอยู่แล้วว่าประเทศไทยมีปัญหาความเหลื่อมล้ำเป็นอันดับต้นๆของโลก แต่ปัญหาความเหลื่อมล้ำที่ว่านี้ไม่ใช่แค่เรื่องของตัวเลขจำนวนเงินและมูลค่าทรัพย์สินเท่านั้น แต่ยังรวมถึงโอกาสในการได้เป็นมนุษย์ที่มีคุณภาพและการได้มีชีวิตที่มีคุณภาพ เพราะไม่เพียงแต่ประเทศของเราจะประกอบด้วยคนในชนชั้นเศรษฐกิจแบบต่างๆ ตั้งแต่คนระดับรากหญ้าหรือชนชั้นแรงงานที่มีชีวิตความเป็นอยู่อย่างยากลำบากซึ่งเป็นกลุ่มที่มีจำนวนมากที่สุด ไปจนถึงอภิมหาเศรษฐีผู้เหลือกินเหลือใช้ซึ่งมีจำนวนน้อยนิด ความจริงอันน่าเศร้าก็คือยังแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่คนระดับล่างจะสามารถยกระดับคุณภาพชีวิตของตนเองให้ดีขึ้นได้ไม่ว่าจะตรากตรำทำงานหนักสักเพียงใด ทั้งนี้ เพราะสภาพแวดล้อมและทรัพยากรต่างๆที่คนระดับล่างได้รับนั้นทำได้เพียงช่วยยื้อให้พวกเขามีชีวิตอยู่รอดไปวันๆเท่านั้น พวกเขาไม่มีทางได้สัมผัสกับความมั่นคงหรือความสุขสบายในชีวิตที่คงทนถาวร และรัฐธรรมนูญในฝันของฉันต้องมีเป้าหมายในการแก้ไขเรื่องนี้อย่างเร่งด่วน
ในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวเพื่อนำมาซึ่งความมั่นคงในชีวิตของประชาชนทุกคน สิ่งที่จะขาดไม่ได้คือรัฐสวัสดิการถ้วนหน้าที่มีคุณภาพและทั่วถึงสำหรับชาวไทยทุกคนโดยเท่าเทียมกัน ซึ่งองค์ประกอบสำคัญอันดับแรกได้แก่การศึกษาฟรีที่มีคุณภาพ ระบบการศึกษาไทยต้องมุ่งพัฒนาบุคลากรครูคุณภาพพร้อมให้ค่าตอบแทนครูที่สูงขึ้น หลักสูตรการศึกษาไม่เพียงแต่ต้องพัฒนาทักษะความรู้ทางวิชาการ แต่ยังต้องมุ่งบ่มเพาะให้นักเรียนมีความตระหนักรู้ในประเด็นสำคัญต่างๆในโลกปัจจุบันและมีความเป็นพลเมืองโลกอย่างแท้จริง หากรัฐธรรมนูญใหม่กำหนดให้เกิดการปฏิรูปการศึกษาไทยให้มีคุณภาพได้เช่นนี้ นอกจากประเทศไทยจะมีพลเมืองที่มีคุณภาพแล้ว “ความเหลื่อมล้ำทางโอกาส” ที่ว่านั้นยังจะลดลงได้เป็นอย่างเป็นรูปธรรม ประเทศไทยจะไม่ใช่ดินแดนแห่งความเหลื่อมล้ำที่คนจนต้องเกิดมาดิ้นรน “ชดใช้กรรม” อีกต่อไป แต่จะเป็นดินแดนแห่งโอกาสที่ทุกคนสามารถมีฝันและไขว่คว้าพยายามให้ฝันนั้นเป็นจริงได้ ไม่ว่าจะเกิดมายากดีมีจนเพียงใดก็ตาม
นอกจากการศึกษาแล้ว องค์ประกอบสำคัญอีกอย่างของรัฐสวัสดิการคือการรักษาพยาบาลฟรีหรือการรักษาราคาถูกที่ครอบคลุม ปัจจุบันประเทศไทยมีระบบประกันสุขภาพหลากหลายรูปแบบสำหรับประชาชนแต่ละกลุ่มโดยไม่มีความจำเป็น ตั้งแต่สิทธิการรักษาพยาบาลฟรีสำหรับข้าราชการ ประกันสังคม หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า 30 บาทรักษาทุกโรค ไปจนถึงประกันราคาแพงของเอกชน ระบบประกันสุขภาพที่ทับซ้อนและแบ่งแยกระหว่างกลุ่มคนต่างๆเช่นนี้ เป็นปัจจัยหนึ่งที่ก่อให้เกิดความเหลื่อมล้ำอย่างมากและเป็นอีกปัญหาที่ต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วนเช่นกัน รัฐธรรมนูญในฝันของฉันจึงต้องกำหนดให้มีระบบประกันสุขภาพถ้วนหน้าสำหรับประชาชนทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน โดยมีการจัดสรรทรัพยากรและบุคลากรสาธารณสุขให้มีจำนวนและประสิทธิภาพที่มากเพียงพอ พร้อมค่าตอบแทนและเวลาการทำงานที่เหมาะสมสำหรับบุคลากรเหล่านั้น
หากประชาชนได้รับสวัสดิการขั้นพื้นฐานในเรื่องการศึกษาและการรักษาพยาบาล พร้อมทั้งสวัสดิการเพิ่มเติมอื่นๆอันเป็นส่วนประกอบของรัฐสวัสดิการถ้วนหน้า เช่น เงินบำนาญ วันลาคลอดและลาเลี้ยงดูบุตร และเบี้ยว่างงานที่มากเพียงพอ ฉันเชื่อว่าความเหลื่อมล้ำทางโอกาสจะลดลงอย่างมาก ประชาชนทุกระดับจะมีความมั่นคงและโอกาสในชีวิตมากขึ้น ซึ่งไม่เพียงแต่จะเอื้อให้พวกเขาสามารถยกระดับคุณภาพชีวิตของตนเอง แต่ยังจะส่งเสริมให้พวกเขามีศักยภาพในการสร้างรายได้รวมทั้งเงินภาษีให้กับประเทศได้มากขึ้นอีกด้วย 
อย่างไรก็ตาม เราต้องไม่ลืมด้วยว่าระบบรัฐสวัสดิการถ้วนหน้าจะไม่สามารถสร้างความเท่าเทียมอย่างสมบูรณ์ได้เลยหากประเทศไทยยังมีความเหลื่อมล้ำเชิงพื้นที่เฉกเช่นในปัจจุบัน กรุงเทพมหานครเป็นเมืองหลวงที่ได้รับการพัฒนาล้ำหน้ากว่าจังหวัดอื่นๆในประเทศอย่างเห็นได้ชัด ดังนั้นอีกเรื่องที่ต้องทำคือกระจายความเจริญออกสู่ต่างจังหวัด ด้วยการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานต่างๆให้ทัดเทียมเมืองหลวง และกระตุ้นให้เกิดการลงทุนที่สร้างอาชีพและรายได้ให้แก่จังหวัดด้วยการพัฒนาจุดเด่นของจังหวัดนั้นๆขึ้นมา ที่สำคัญคือการบริหารงานและงบประมาณในท้องถิ่นควรจะดำเนินการโดยท้องถิ่นนั้นอย่างแท้จริง ฉันสงสัยมาตั้งแต่เด็กว่าเป็นไปได้อย่างไรกันที่คนต่างจังหวัดไม่มีแม้แต่สิทธิ์ในการเลือกผู้ว่าราชการจังหวัดของตนเอง รัฐธรรมนูญในฝันของฉันต้องให้สิทธิ์คนทุกจังหวัดได้เลือกผู้แทนของตนพร้อมกับสนับสนุนให้เกิดการกระจายความเจริญออกจากเมืองหลวง 
เพราะฉะนั้น เพื่อแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางโอกาสในการมีคุณภาพชีวิตที่ดี อันเป็นอุปสรรคสำคัญข้อแรกของการพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชนในประเทศ รัฐธรรมนูญในฝันของฉันต้องมุ่งเน้นการพัฒนารัฐสวัสดิการถ้วนหน้าควบคู่ไปกับการกระจายความเจริญและการกระจายอำนาจออกสู่ภูมิภาคอื่นๆ ให้ประชาชนในทุกจังหวัดของประเทศได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีดังที่ควรจะเป็นโดยไม่มีใครต้องเป็น “พลเมืองชั้นสอง” อีกต่อไป
อภิสิทธิ์ชนกับทรัพยากรของชาติ: การเอื้อประโยชน์แก่คนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง
ปัญหาใหญ่ประการที่สอง ได้แก่การบริหารทรัพยากรและงบประมาณของประเทศเพื่อเอื้อประโยชน์ให้แก่คนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง จากแนวทางการแก้ปัญหาใหญ่ประการแรกที่ได้อธิบายไปข้างต้น อาจมีผู้โต้แย้งว่า “แล้วเราจะเอาเงินมาจากไหน ประเทศไทยไม่ใช่ประเทศร่ำรวย” แต่หากพิจารณาให้ดี จะเห็นว่าประเทศไทยของเรายังมีวิธีการใช้งบประมาณที่ผิดเพี้ยนอยู่มาก ไม่เพียงแต่การบริหารงบประมาณอย่างไร้ประสิทธิภาพด้วยการนำไปใช้กับเรื่องไม่จำเป็นดังที่เราเห็นกันได้อยู่เนืองๆ ความจริงอันเลวร้ายอีกประการหนึ่งก็คือ ระบบของประเทศไทยในปัจจุบันช่างเอื้อให้เกิดการทุจริตในรูปแบบต่างๆได้อย่างง่ายดายเหลือเกิน ไม่ว่าจะเป็นการคอร์รัปชั่นเพื่อกอบโกยเงินทองผลประโยชน์ การเล่นเส้นสายในหมู่พวกพ้องของผู้มีอำนาจ ตลอดจนการเอื้อประโยชน์ในการผูกขาดของกลุ่มทุนต่างๆ หมดเวลาแล้วที่ประเทศไทยจะเป็นดินแดนแห่งการสร้างความมั่งคั่งของบรรดา “คนใหญ่คนโต” ในประเทศ รัฐธรรมนูญในฝันของฉันต้องบังคับใช้กฎหมายต่อต้านการผูกขาดอย่างจริงจัง และกำหนดให้การทุจริตไม่ว่าในรูปแบบใดก็ตามเป็นเรื่องคอขาดบาดตายที่มีการลงโทษอย่างเด็ดขาดรุนแรง ต้องมีหน่วยงานตรวจสอบการทุจริตของหน่วยงานรัฐอย่างเคร่งครัด และควรมีหน่วยงานที่ตรวจสอบหน่วยงานตรวจสอบเช่นนั้นอีกชั้นหนึ่ง โดยที่ประชาชนต้องตรวจสอบได้และมีช่องทางร้องเรียนพฤติกรรมทุจริตของเจ้าหน้าที่รัฐซึ่งมีการตอบสนองอย่างทันท่วงที รัฐธรรมนูญใหม่ต้องทำให้ค่านิยมของสังคมไทยเปลี่ยนไป การทุจริตต้องถูกประณามว่าเป็นเรื่องอัปยศที่น่ารังเกียจ ผู้ที่เปิดโปงการทุจริตของใครก็ตามควรได้รับการยกย่องและการตอบแทนที่สมน้ำสมเนื้อ
นอกจากการทุจริตในรูปแบบของเม็ดเงินแล้ว การเอื้อประโยชน์ทางอำนาจก็เป็นปัญหาใหญ่เช่นเดียวกัน ดังที่เห็นได้จากการแต่งตั้งองค์กรอิสระต่างๆซึ่งมีที่มาที่ไม่ยุติธรรมและปิดกั้นการตรวจสอบหรือการวิพากษ์วิจารณ์โดยประชาชน อย่างเช่นวุฒิสภาหรือศาลรัฐธรรมนูญ อันที่จริง ในการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันนั้น นอกจากการแก้ไขข้อกำหนดเกี่ยวกับการเลือกตั้งให้ยุติธรรมและฟังเสียงประชาชนมากขึ้น หลายฝ่ายยังเสนอให้ประเทศไทยหันมาใช้ระบบสภาเดี่ยว คือยกเลิกวุฒิสภาให้เหลือเพียงสภาผู้แทนราษฎรที่มาจากเสียงของประชาชน และแต่งตั้งหน่วยงานเพื่อตรวจสอบการทำงานของผู้แทนเหล่านั้นอย่างโปร่งใสและอยู่ในสายตาของประชาชน ฉันเห็นด้วยกับข้อเสนอนี้เป็นอย่างยิ่ง การผูกขาดทางอำนาจผ่านการแต่งตั้งองค์กรอิสระต่างๆจำเป็นต้องหมดไป ทุกองค์กรที่มีบทบาทสำคัญในการบริหารประเทศจำเป็นต้องมีที่มาที่ยุติธรรมและโปร่งใส ตรวจสอบและวิพากษ์วิจารณ์ได้ การเล่นพรรคเล่นพวกในระดับองค์กรของประเทศเช่นนี้ต้องถูกประณามและลงโทษอย่างรุนแรง 
และนอกจากเรื่องการทุจริตทั้งทางอำนาจและงบประมาณของชาติ รัฐธรรมนูญในฝันของฉันต้องมุ่งกำหนดให้การบริหารงบประมาณภาษีเป็นไปเพื่อประโยชน์ของประชาชน ต้องมีการเก็บภาษีที่ยุติธรรมและทั่วถึงมากขึ้น โดยไม่เพียงแต่ออกแบบระบบที่ทำให้คนรวยผู้ได้ประโยชน์จากทรัพยากรของประเทศมากต้องจ่ายมาก แต่ต้องทำให้ประชาชนทุกระดับเห็นว่าเงินภาษีทุกบาทที่พวกเขาจ่ายไปจะย้อนคืนกลับมาสู่พวกเขาในรูปแบบของโครงสร้างพื้นฐานและสวัสดิการต่างๆด้วย
ดังนั้นรัฐธรรมนูญในฝันของฉันต้องยุติการผูกขาดผลประโยชน์ทั้งในรูปแบบของเม็ดเงินและอำนาจ จัดการกับปัญหาการทุจริตอย่างเด็ดขาดจริงจัง ตลอดจนมุ่งทำให้ประชาชนมองเห็นและเชื่อมั่นในการบริหารทรัพยากรและงบประมาณภาษีของชาติโดยมีจุดประสงค์เพื่อประโยชน์สูงสุดของประชาชนอย่างแท้จริง
ดินแดนแห่งความอยุติธรรม: การบั่นทอนสิทธิเสรีภาพของประชาชน
ปัญหาใหญ่ประการสุดท้ายได้แก่การคุกคามและบั่นทอนสิทธิเสรีภาพของประชาชน นอกจากระบบการศึกษาไทยแบบดั้งเดิมจะไม่ให้ความสำคัญกับการปลูกฝังจิตสำนึกด้านสิทธิมนุษยชนให้กับประชาชนแล้ว ระบอบเผด็จการทหารที่เรืองอำนาจตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมานี้ยังเป็นปัจจัยที่เอื้อให้เกิดการคุกคามสิทธิเสรีภาพของประชาชนชาวไทยอย่างหนักหน่วง ขัดกับวิถีของโลกปัจจุบันซึ่งมนุษย์ผู้เจริญแล้วควรอาศัยอยู่ร่วมกันอย่างมีอารยะ โดยมนุษย์ทุกคนพึงมีสิทธิ์ที่จะได้รับการปฏิบัติอย่างยุติธรรมและสิทธิมนุษยชนต้องเป็นหลักการสำคัญขั้นพื้นฐานที่ผู้ใดจะละเมิดไม่ได้ ดังนั้นรัฐธรรมนูญในฝันของฉันจะต้องมุ่งเสริมสร้างแนวคิดหลักสิทธิมนุษยชน ตลอดจนแก้ปัญหาเรื่องการคุกคามสิทธิเสรีภาพของประชาชนในประเทศไทยอย่างเด็ดขาดและจริงจัง
สิ่งแรกที่ต้องทำในการเสริมสร้างสิทธิมนุษยชนในชาตินั้น คือต้องปฏิรูประบบการศึกษาและค่านิยมต่างๆให้หันมาให้ความสำคัญกับการเคารพสิทธิอย่างจริงจังเสียก่อน จำเป็นอย่างยิ่งที่รัฐธรรมนูญต้องกำหนดให้มีการผลักดันเรื่องนี้เพื่อให้ประชาชนเข้าใจและเกิดความหวงแหนในสิทธิของทั้งตนเองและผู้อื่นมากขึ้น ต้องทำให้ประชาชนเห็นว่าการละเมิดสิทธิมนุษยชนเป็นการกระทำอันไร้มนุษยธรรมและเป็นเรื่องที่รับไม่ได้ การคุกคามสิทธิเสรีภาพโดยผู้ใดก็ตามต้องถูกมองว่าเป็นเรื่องโหดร้ายป่าเถื่อน หากประชาชนในชาติมีมุมมองเช่นนี้และยึดมั่นในหลักสิทธิมนุษยชนอย่างเข้มข้นแล้ว การคุกคามสิทธิเสรีภาพย่อมเกิดได้ยากขึ้น และเมื่อเกิดขึ้นแล้วจะไม่ถูกมองเป็นเรื่องปกติเฉกเช่นในสายตาของประชาชนบางส่วนในปัจจุบัน
สำหรับการปฏิรูประบบการศึกษาและค่านิยมนั้น ในอันดับแรกรัฐธรรมนูญในฝันของฉันจะต้องมุ่งกำจัดวิถีปฏิบัติต่างๆที่มีทิศทางละเมิดสิทธิมนุษยชน ตั้งแต่กฎทรงผมในสถานศึกษาซึ่งเป็นการละเมิดสิทธิเสรีภาพในระดับอวัยวะของร่างกาย กฎหมายที่ปิดกั้นความเท่าเทียมและความหลากหลายทางเพศ ไปจนถึงระบบการเกณฑ์ทหารแบบบังคับซึ่งสามารถเปลี่ยนมาใช้ระบบสมัครใจที่จะมีประสิทธิภาพสูงกว่า สำคัญอย่างยิ่งที่ประเทศไทยต้องไร้ซึ่งวิถีปฏิบัติที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนเหล่านี้จึงจะทำให้ประชาชนในชาติมีมุมมองเรื่องสิทธิเสรีภาพที่กว้างขวางมากขึ้น
นอกจากการปลูกฝังแนวคิดหลักสิทธิมนุษยชนแล้ว รัฐธรรมนูญในฝันของฉันต้องมุ่งคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชนในการวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของบุคคลหรือหน่วยงานใดก็ตามที่ใช้งบประมาณภาษีของประเทศ ปัญหาร้ายแรงอย่างหนึ่งในด้านสิทธิเสรีภาพในประเทศไทยคือประชาชนไทยไม่เพียงแต่จะไม่มีสิทธิ์ในการวิพากษ์วิจารณ์เท่านั้น แต่การออกมาตั้งคำถามหรือวิพากษ์วิจารณ์ในประเด็นที่มีความอ่อนไหวยังอาจนำมาซึ่งการถูกคุกคามสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง ไม่เพียงแต่ในระดับกระบวนการยุติธรรมของประเทศ แต่ยังเป็นที่ทราบกันดีในระดับสากลว่าประเทศไทยมีปัญหาเรื่องการลอบทำร้ายหรือฆาตกรรมผู้ที่มีความเห็นต่างทางการเมือง ปฏิเสธไม่ได้ว่าสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในประเทศไทยเข้าขั้นวิกฤตอย่างร้ายแรงเมื่อการ “ดักตี” “อุ้มหาย” หรือ “อุ้มฆ่า” ที่กระทำต่อผู้เห็นต่างกลายเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งโดยที่ไม่เคยมีใครจับตัวผู้ก่อเหตุหรือผู้บงการได้เลยแม้แต่ครั้งเดียว 
เพราะฉะนั้นรัฐธรรมนูญในฝันของฉันจึงไม่เพียงแต่ต้องกำหนดแนวทางในการเสริมสร้างแนวคิดหลักสิทธิมนุษยชนเท่านั้น แต่ยังต้องมีมาตรการเพื่อจัดการกับการคุกคามสิทธิเสรีภาพของประชาชนอย่างเด็ดขาดชัดเจน เพื่อทำให้ประเทศไทยเป็นดินแดนแห่งสิทธิเสรีภาพและความยุติธรรมสำหรับประชาชนทุกคนดังที่ควรจะเป็น
จากทั้งหมดที่กล่าวมานี้ สรุปได้ว่ารัฐธรรมนูญไทยในฝันของฉันต้องมีอยู่เพื่อประโยชน์และสวัสดิภาพของประชาชนเป็นหัวใจสำคัญ โดยนอกจากจะต้องมีที่มาที่โปร่งใสและมาจากเจตจำนงของประชาชนส่วนใหญ่โดยแท้จริงแล้ว รัฐธรรมนูญในอุดมคตินี้ยังต้องมุ่งแก้ปัญหาใหญ่ทั้งสามประการ ด้วยการมุ่งเพิ่มโอกาสในการมีชีวิตที่มีคุณภาพและมั่นคงของประชาชน มุ่งปราบปรามการทุจริตและการผูกขาดผลประโยชน์โดยคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง และมุ่งเสริมสร้างแนวคิดหลักสิทธิมนุษยชนและขจัดการคุกคามสิทธิเสรีภาพของประชาชน
หากรัฐธรรมนูญไทยเป็นได้เช่นนี้ ฉันเชื่อว่าประเทศไทยจะเป็นดินแดนแห่งโอกาสสำหรับประชาชนทุกคน บ้านหลังนี้จะกลายเป็นบ้านที่พวกเราทุกคนสามารถใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพดังที่มนุษย์ทุกคนพึงได้มี แม้ดูเหมือนว่าสถานการณ์ปัจจุบันของประเทศจะไม่เอื้อให้เกิดการพัฒนาในทิศทางดังกล่าว แต่ฉันก็เชื่อมั่นอย่างแรงกล้าว่าความฝันนี้ของฉันเป็นไปได้ เพราะโดยเนื้อแท้แล้ว คงไม่มีใครปฏิเสธได้ว่าประโยชน์สุขของประชาชนควรเป็นเป้าหมายสำคัญสูงสุดของประเทศ ความจริงข้อนี้คือสิ่งที่อยู่ข้างเราอย่างไม่มีวันเสื่อมคลาย ผู้ที่ตาสว่างแล้วไม่มีวันกลับไปมืดบอดอีกได้ ผู้ตื่นรู้จะร่วมกันผลักดันให้ประเทศไทยของเราเดินไปข้างหน้า รัฐธรรมนูญในฝันของฉันจะต้องไม่เป็นแค่ฝัน ต้องมีวันที่ประเทศไทยจะกลายเป็นบ้านแสนสุขของพวกเราได้อย่างแท้จริง