เรื่องเล่าจากห้องพิจารณาคดี #19กันยาทวงอำนาจคืนราษฎร 29 มีนาคม 2564

29 มีนาคม 2564 ที่ห้องพิจารณาคดีที่ 704 ศาลอาญานัดตรวจหลักฐานคดีการชุมนุม #19กันยาทวงคืนอำนาจราษฎร แม้การนัดตรวจพยานหลักฐานจะเลื่อนออกไป แต่ก็ใช้เวลาในห้องพิจารณาคดีนานมาก และมีเรื่องราวชีวิตให้บันทึกและจดจำมากมาย

จำเลยในคดีนี้มีทั้งหมด 22 คน แบ่งเป็นจำเลยที่เบิกตัวมาจากเรือนจำ 9 คน ได้แก่ อานนท์ นำภา, พริษฐ์ ชิวารักษ์, สมยศ พฤกษาเกษมสุข, หมอลำแบงค์หรือปดิวัฒน์ สาหร่ายแย้ม, ไผ่ จตุภัทร์ บุญภัทรรักษา, ไมค์ ภาณุพงศ์ จาดนอก, แอมมี่ ไชยอมร, รุ้ง ปนัสยา, และชูเกียรติหรือจัสติน นอกจากนั้นก็มีจำเลยที่ได้รับการประกันตัวอีก 13 คน

ราชทัณฑ์คุมเข้ม! สมยศประกาศคงมีชีวิตอีกไม่นาน

ในห้องพิจารณามีการจัดเก้าอี้และแปะป้ายชื่อจำเลยแต่ละคนไว้ เก้าอี้ด้านหลังห้องพิจารณามีญาติของจำเลยเข้ามานั่งฟังการพิจารณา นอกจากคู่ความแล้ว คนที่จะเข้ามาในห้องพิจารณาคดีต้องแจ้งเจ้าหน้าที่ศาลอย่างชัดเจนว่าเป็นญาติของใครตั้งแต่จุดคัดกรองชั่วคราวบริเวณลานจอดรถนอกอาคารศาล โดยในช่วงเช้าเจ้าหน้าที่ศาลได้เดินไปบอกกับญาติของจำเลยว่า อย่าเข้าไปกอด พูดคุย หรือให้กำลังใจจำเลย ขอให้นั่งฟังเฉยๆ
เวลาประมาณ 11.10 น. จำเลยคนอื่นๆ ได้รับการประกันตัวทยอยเดินทางมาถึงศาลครบถ้วน คนที่มาช้า คือ ไบรท์ ชินวัตร ที่ถูกจับจากหมู่บ้านทะลุฟ้าในช่วงค่ำวันที่ 28 มีนาคม 2564 ซึ่งตำรวจพาตัวมาจากสโมสรตำรวจ ส่วนครูใหญ่ อรรถพล มาถึงช้าเพราะเครื่องบินจากขอนแก่นเลื่อนเวลามาถึงล่าช้า
ศาลออกนั่งบัลลังก์ในเวลา 11.50 น. และเริ่มทำการขานชื่อจำเลยทีละคน ห้านาทีต่อมา จำเลยที่ถูกเบิกตัวมาจากเรือนจำเดินเข้ามาในห้องพิจารณาโดยมีเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ประกบสองต่อหนึ่งและคล้องแขนจำเลยไว้ตอนเดินเข้ามา แอมมี่ ไชยอมรเดินเข้ามาเป็นคนแรก พร้อมด้วยเพนกวิน พริษฐ์ ที่มาด้วยรถเข็นพร้อมเสาน้ำเกลือ โดยมีเจ้าหน้าที่ใส่ชุดพยาบาลเดินตามมาด้วย ตามมาด้วย ไมค์ ภาณุพงศ์ ไผ่ จตุภัทร์ สมยศ หมอลำแบงค์ ทนายอานนท์ จัสติน และรุ้งปนัสยาที่ถูกเบิกตัวมาจากทัณฑสถานหญิงกลาง เมื่อจำเลยทุกคนมาถึงและนั่งลงตามที่นั่งที่แปะชื่อไว้ก็มีเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์นั่งประกบซ้ายขวาทุกคน เก้าอี้ม้านั่งหนึ่งตัวจะมีจำเลยสองคน และเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์สี่คน
เมื่อจำเลยมาครบถ้วนแล้ว นรเศรษฐ์ นาหนองตูม ทนายความแถลงว่าได้ยื่นคำร้องขอเลื่อนนัดตรวจพยานหลักฐานออกไปอีกนัดหนึ่ง เนื่องจากพยานหลักฐานมีจำนวนมาก และเพิ่งได้รับเอกสารในวันที่ 25 มีนาคม จึงยังไม่ได้ตรวจดู และยังไม่ได้รับพยานวัตถุ ศาลจึงได้ถามว่าอัยการจะคัดค้านหรือไม่ อัยการตอบว่าไม่คัดค้าน และตกลงกันว่าจะเลื่อนนัดตรวจพยานหลักฐานออกไปเป็นวันที่ 8 เมษายน 2564 เวลา 9.00 น.
ระหว่างการพิจารณา ศาลอนุญาตให้แต่ทนายความปรึกษาคดีกับจำเลยที่คุมถูกขังเท่านั้น เมื่อณัฐชนนจะเดินไปคุยกับเพนกวินเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ก็เข้ามาห้าม ทนายความต้องแถลงขอให้คู่คดีได้คุยกันบ้าง ศาลอนุญาตให้แยกคุยทีละคู่ อย่างไรก็ตาม ทนายความได้ขออนุญาตศาลให้แม่ของเพนกวินได้เข้าไปพูดคุยกับลูก เนื่องจากเห็นว่ามีสภาพร่างกายที่อ่อนเพลียมาก แม่ของเพนกวินเดินเข้าไปกอดลูก โดยมีเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ยืนห้อมล้อมอย่างใกล้ชิด เมื่อน้องสาวของเพนกวินจะเข้าไปคุยด้วยเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ก็พยายามห้าม อ้างว่าศาลไม่อนุญาต ทั้งนี้จากการสังเกตพบว่าในวันนี้มีเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์อยู่ในห้องพิจารณาคดีประมาณ 20 คน
ในช่วงหนึ่งของการพิจารณา ศาลเรียกให้รุ้งปนัสยาเข้าไปคุยที่หน้าบัลลังก์ โดยสอบถามว่าเป็นอย่างไรบ้าง รุ้งเป็นผู้หญิงคนเดียวที่ถูกคุมขังใช่หรือไม่ ระหว่างที่ตอบคำถามศาล รุ้งร้องไห้และบอกว่า อยู่ในเรือนจำไม่มีเวลาต่อสู้คดี ไม่มีเวลาหาพยานหลักฐาน พวกเราสู้อะไรไม่ได้เลย ทนายความได้ยินว่า ศาลพูดกับรุ้งว่า จะให้โอกาสเต็มที่ในการต่อสู้คดี รุ้งจึงบอกว่า หนูขอแค่ข้อเดียวคือ ขอสิทธิประกันตัว
ทางด้านสมยศ ได้ลุกขึ้นแถลงต่อศาลโดยมีใจความสำคัญว่า คดีนี้คงใช้พิจารณานาน ผมคงจะสิ้นลมก่อน ดังนั้นขอให้ศาลช่วยบันทึกลงในสำนวนคดีว่า
๐ ข้อ 1 ผมไม่ได้รับสิทธิประกันตัวจากศาลทำให้ไม่ได้รับความสะดวกในการต่อสู้คดี พวกผมไม่ได้อยู่ในฐานะจะต่อสู้คดีได้ ผมคงมีชีวิตอยู่ไม่นาน เพราะสภาพเรือนจำไม่เอื้อให้มีชีวิตยืนยาว ท่านอัยการมีเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกในการหาพยานหลักฐาน แต่พวกผมมีแต่กำแพงสูงและกรงขัง
๐ ข้อ 2 ตอนนี้ผมติดคุกเท่ากับว่าศาลตัดสินแล้วว่าผมผิด ถ้าสุดท้ายศาลยกฟ้อง ผมก็ติดไปแล้ว หรือศาลพิพากษาลงโทษ ผมก็ติดไปแล้วเช่นกัน ผลไม่ได้ต่างกัน
๐ ข้อ 3 ผมไม่อยากเห็นคนต้องเจ็บตัว หรือสูญเสียในการออกมาเรียกร้องให้ปล่อยตัวผม ซึ่งที่ผ่านมาโดนทั้งกระสุนยางและแก๊สน้ำตา หรือแม้แต่เพนกวินที่ต้องทรมานเพราะอดข้าว จึงขอร้องให้ศาลสั่งประหารชีวิต เพื่อจำหน่ายคดีของผม เพื่อความรวดเร็วในการพิจารณาคดีนี้และพี่น้องคนอื่นจะได้ไม่ต้องเจ็บหรือสูญเสียอีก
สุดท้าย สมยศย้ำว่า ผมอยู่ในสภาพที่ต่อสู้อะไรไม่ได้ ขอวิงวอนให้บันทึกไว้ หรือหากศาลไม่บันทึก ก็ขอให้ทนายจำเลยบันทึกไว้แล้วยื่นเป็นคำร้องต่อศาล
เวลาประมาณเวลา 12.40 น. ศาลสั่งให้พักการพิจารณาเพื่อให้จำเลยที่ถูกคุมขังได้รับประทานอาหารกลางวันและนัดพิจารณาคดีต่อในช่วงบ่ายเวลา 13.30 น.

รุ้ง ประกาศอดอาหารถ้าไม่ได้ประกัน

การพิจารณาคดีในช่วงบ่ายเริ่มขึ้นประมาณ 14.00 ศาลเรียกทนายจำเลยที่ 3 คือ หมอลำแบงค์ และทนายจำเลยที่ 7 คือ ไผ่ ไปคุยที่ใต้บัลลังก์ หลังจากนั้นทนายความกลับไปคุยกับจำเลยทั้งสองคน ด้านทนายของไผ่แถลงขอปรึกษาคดีเป็นการส่วนตัวกับลูกความ ขออย่าให้เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ที่เฝ้าอยู่ในห้องกีดกันหรือแอบฟัง ศาลอนุญาต ทนายความสามคนจึงไปยืนคุยกับไผ่ที่มุมหนึ่งของห้อง โดยเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ 3-4 คนยืนล้อมดูห่างออกมา 3-4 ก้าว ส่วนทนายของหมอลำแบงค์นั่งคุยกับจำเลยที่ม้านั่งโดยมีเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์นั่งฟังอยู่ติดกันทั้งสองฝั่ง

จากนั้นรุ้งขอแถลงต่อศาล ศาลเรียกให้ไปยืนใต้บัลลังก์ และอ่านข้อความที่เตรียมมา รุ้งอ่านคำแถลงไปร้องไห้ไป โดยคำแถลงสรุปความได้ว่า หนูเข้าเรียนคณะสังคมวิทยาและมนุษยวิทยาโดยเชื่อในความเป็นมนุษย์ ตั้งแต่รู้จักกับเพนกวิน และเพื่อนๆ ก็ตั้งใจจะเคลื่อนไหวทางการเมืองด้วยความรัก ด้วยความหวังว่า จะเห็นสังคมที่ดีขึ้น แต่ตอนหลังมาเห็นว่ารัฐไม่สามารถดูแลทุกคนได้ มีคนต้องฆ่าตัวตายเพราะพิษเศรษฐกิจ หนูโกรธมาก วันนี้ที่ร้องไห้ไม่ใช่เพราะอ่อนแอ แต่เพราะเป็นมนุษย์ที่มีความรู้สึกเห็นใจเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน มีคนบอกว่า เป็นเรื่องผิดมากๆ ที่หนูออกมาใช้สิทธิเสรีภาพเคลื่อนไหวให้เกิดความเปลี่ยนแปลงทางการเมือง หนูผิดอะไร หนูเพียงแค่มีความรักไม่เหมือนเพื่อนมนุษย์

วันนี้หนูดีใจมากที่ศาลบอกว่าจะให้โอกาสต่อสู้คดี แต่ไม่ใช่ทุกคนที่ได้โอกาสนี้ หนูกับเพื่อนอีกหลายคนไม่ได้ประกันตัว เราถูกบังคับไม่ให้มีโอกาสนั้น หนูกลัวค่ะ หนูกลัวว่าเพื่อนหนูจะเป็นอะไรไป หนูบอกเพนกวินว่า หนูกลัวมันตาย แต่เพนกวินตอบว่า ถ้าจะตายก็ให้ตายไป หนูคิดมาตลอดว่า เราสู้เพื่ออยู่ ไม่ได้สู้เพื่อตาย (ขณะพูดประโยคนี้หันมามองเพนกวิน) แต่ถ้าจะมีใครตาย ก็ขอให้ตายเพื่อคนที่ยังอยู่ และวันนี้หากไม่ได้รับสิทธิประกันตัวอีก จะขอประกาศอดอาหารด้วย โดยจะเริ่มจากการรับประทานวันละมื้อ และลดลงเหลือรับประทานแค่น้ำ นม และสารอาหาร ขอให้การตายของเราเป็นสายธารนำความหวังสู่สังคม

ระหว่างการอ่านถ้อยแถลง ณัฐชนนท์ชูสามนิ้วในห้องพิจารณาคดี เจ้าหน้าที่คนแรกเดินมากระซิบข้างหูแต่ณัฐชนนไม่เอามือลง เจ้าหน้าที่อีกคนจึงเดินเข้ามากระซิบและจับมือให้เอาลงวางข้างลำตัว หลังจากอ่านเสร็จศาลขอให้ส่งถ้อยแถลงนี้ที่เป็นลายมือของรุ้งเข้ามาในคดี ทนายความจึงฉีกกระดาษจากสมุดจด และยื่นให้ศาลเก็บไว้

บรรยากาศในห้องพิจารณาค่อนข้างวุ่นวาย เนื่องจากเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์พยายามจะไม่ให้ญาติ และเพื่อนที่มาฟังการพิจารณาได้พูดคุยกับจำเลยที่มาจากเรือนจำ อนุญาตเพียงให้ทนายความปรึกษาคดีเท่าน้ัน แต่เมื่อทนายความบางคนไปพูดคุยกับจำเลยในเรื่องอื่นๆ ก็จะถูกสั่งห้ามและถูกนั่งฟังอย่างใกล้ชิด ทำให้มีการโต้เถียงกันเป็นระยะๆ และต้องแถลงต่อศาลเพื่อให้ศาลสั่งอนุญาตให้คุยกันได้เป็นกรณีๆ ไป โดยเพื่อนๆ ของเพนกวินที่เป็นจำเลยในคดีนี้และจะขอคุยกับเพนกวิน ศาลไม่อนุญาต

หลังจากนั้นศาลอ่านรายงานกระบวนพิจารณาในเวลาประมาณ 15.10 ในรายงานระบุว่า การนัดตรวจพยานหลักฐานในวันนี้ฝ่ายจำเลยขอเลื่อนออกไปก่อน และกำหนดวันนัดใหม่เป็นวันที่ 8 เมษายน 2564 เวลา 9.00 และให้จำเลยที่ถูกขังระหว่างการพิจารณามาศาลเพื่อดูหลักฐานที่เป็นวิดีโอจากฝั่งโจทก์ในวันที่ 7 เมษายน 2564 โดยจำเลยที่ 4 คือ สมยศ และจำเลยที่ 7 คือ ไผ่ แถลงว่าหากได้รับการประกันตัวจะไม่พูดพาดพิงสถาบันพระมหากษัตริย์อีก ส่วนจำเลยที่ 3 คือ หมอลำแบงค์ แถลงว่าหากได้รับการประกันตัวจะไม่พูดพาดพิงสถาบันพระมหากษัตริย์ จะไม่เข้าร่วมเคลื่อนไหวทางการเมือง จะไปประกอบอาชีพเป็นหมอลำ ยินยอมติดกำไลอิเล็กทรอนิกส์ และจะมาศาลตามนัดทุกนัด หากไม่มาศาลนัดใดขอให้เพิกถอนการปล่อยตัวชั่วคราวได้