เสาร์: เราจะคิดถึงวันสวยงาม…เมื่อวันเวลาผันผ่าน

“ทิ้งไปแล้วโว้ยยยยยย”

เสียงชายผู้น้องแผดขึ้นพร้อมดวงตาระรื่นปนระอา เมื่อครั้งที่ “เสาร์” ทวงถามถึงสัญญา เขาเคยจดเบอร์อดีตนักการเมืองคนสำคัญของประเทศให้กับน้องชาย ฝากฝังให้โทรไปถามเรื่องการจัดตั้งพรรคการเมือง และเสนอนโยบายของพรรค ชายผู้น้องได้แต่สั่นหัวยิกๆ รำพึงรำพันปนขำว่า นี่ต้องเสียค่าโทรทางไกลเท่าไหร่กัน กว่าจะติดต่อถึงดูไบ โฟนอินเอาง่ายกว่าไหม 

เสาร์ได้ยินดังนั้น เดาว่าแม้คงจะผิดหวังไปบ้าง แต่ตอบสนองกลับมาเพียงใบหน้าเรียบเฉย เขายิ้มน้อยๆ เศร้าๆ พองาม ไม่ได้เอ่ยถามอะไรต่อ…

“เสาร์” ชายร่างเล็ก อายุราว 50 ปี เชื้อชาติไทยลื้อ เล่าว่าเกิดที่เชียงรุ้ง เข้ามาประเทศไทยเมื่อปี พ.ศ. 2517 ด้วยการเดินเท้า เสาร์เกิดแก่เจ็บตายอยู่ในวัฏจักรอาชีพที่หลากหลาย ในวัยเด็ก เขาไม่เคยเข้าโรงเรียน อ่านออกเขียนได้จากการครูพักลักจำ ทั้งเรียนรู้เองและกับครูอาสา

เมื่อเข้าสู่วัยหนุ่ม เขากลายเป็นทหารรับจ้างในหน่วยกระทิงแดง ร่วบสมรภูมิรบกว่า 10 เดือน สะสมบาดแผลกายใจมาไม่น้อย จากนั้นผันตัวเองจากพื้นราบลงสู่ผืนทะเล มาเป็นลูกเรือตังเกที่จังหวัดตราดนานนับ 10 ปี

จากนั้นล่องไหลตามสายธารแห่งชีวิตจนฟันหน้าหายไป 1 ซี่ จากการใช้ชีวิตอันระหกระเหิน กระทั่งมาเริ่มพัวพันกับคดียาเสพติดจนต้องโทษ เสาร์เริ่มมีอาการเหม่อลอย พูดคนเดียวในเรื่องที่คนอื่นไม่เข้าใจ และสื่อสารกับบุคคลสำคัญผ่านโทรทัศน์

ปัจจุบัน เสาร์คือผู้ต้องหาคดีหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ฯ (มาตรา 112) พ่วงตำแหน่งผู้ป่วยทางจิตเวชร่วมด้วย เสาร์มีอาการหลงผิดและพูดไม่รู้เรื่องอยู่บ่อยครั้ง ค่อนข้างหมกมุ่นและสนใจเรื่องการเมืองเป็นพิเศษ หากแต่โดยรวมถือว่าเป็นคนสุขภาพจิตดี ไม่เคยมีประวัติเรื่องการทำร้ายร่างกาย และไม่น่าเป็นภัยต่อสังคม

และนี่คือเรื่องเล่าบางฉากและชีวิตของเสาร์

ชุดพนักงานรักษาความปลอดภัยแขวนอล่างฉ่างอยู่กลางห้อง กลิ่นอับชื้นกำจายในทั่วอากาศ ความมืดสลัวภายในกำลังสู้รบกับแดดบ่ายอ้อยอิ่ง แสงสว่างในห้องดูไม่แยแสกับการมีอยู่ของเขานัก ทว่ากลับขับเน้นใบหน้าของเสาร์อย่างชัดเจน ภายในห้องไม่เล็กไม่ใหญ่ ปราศจากเครื่องเรือน มีเพียงเสื่อผืนหมอนใบ ไม่มีทั้งโทรศัพท์และเครื่องปรับอากาศ ไม่มีแม้แต่โต๊ะ เก้าอี้ ข้าวของน้อยชิ้นราวกับพระธุดงค์

เสาร์มาอยู่ห้องพักนี้ในฐานะพนักงานรักษาความปลอดภัยของหมู่บ้านแห่งหนึ่งย่านปทุมธานี ความเป็นอยู่ดีตามอัตภาพ เนื่องจากเสาร์เองมีความต้องการน้อย เขาไม่เคยมีความอยากได้อยากมีอะไรมากนัก (นอกจากการจัดตั้งพรรคการเมือง และโทรหานายกรัฐมนตรี ที่กล่าวไว้เมื่อตอนต้น)

บ้านเช่าที่เสาร์อยู่ถูกแบ่งออกเป็นห้องย่อยๆ เรียงกันเป็นแนวยาว ตั้งอยู่ท้ายหมู่บ้าน หน้าบ้านพักมีบ่อน้ำขนาดใหญ่ และร้านอาหารเรือนไทย เสาร์เล่าว่าเถ้าแก่เป็นคนจัดหาให้ เดินทางสะดวก ราคาถูก หากแต่ต้องแชร์ร่วมผู้อื่น

ห่านผู้-เมียสองตัวในบ่อน้ำหน้าบ้านพักกำลังหยอกเย้า เสียงดุดันดังสดใส ริ้วน้ำสาดกระเซ็นเป็นระยะ ผมนั่งมองพวกมันไปพลาง ระหว่างรอเสาร์เลือกเมนูอาหาร มันถูกเจ้าของนำมาปล่อยไว้ในบ่อน้ำของร้านอาหาร แม้พวกมันจะสวยงามเพียงใด แต่ก็ถูกเลี้ยงไว้เพียงเพื่อความงาม ความดุร้ายและความต้องการอิสรภาพของมัน ทำให้ผู้จองจำต้องกั้นตาข่ายจำกัดบริเวณเอาไว้ มันมีสิทธิเพียงแค่ที่เจ้าของชีวิตกำหนดไว้ให้เพียงเท่านั้น แต่มันไม่มีสิทธิ์เลือก

แต่กับมนุษย์บางคน คนธรรมดาสามัญ คนที่ไม่มีใครจดจำ และไม่เคยดุร้ายต่อใคร ก็อาจมีสิทธิ์เลือกแค่เพียงเมนูอาหารเหมือนกับเสาร์

“เอานี่แหละ หมูกระเทียม” เสาร์ร้องขึ้นมาน้ำเสียงไร้เดียงสาราวเด็กน้อย

บางทีผมก็รู้สึกเหมือนเขาเป็นเด็ก เด็กน้อยผู้ไม่ประสาโลก คนแบบนี้หรือจะไปมีพิษมีภัยกับมวลมนุษยชาติได้

หลังเลือกเมนูอาหารเสร็จ เราคุยกันเรื่องสัพเพเหระ แต่วันนี้ดูจะพิเศษกว่าทุกวัน

“ให้เพื่อขอบคุณที่อุตส่าห์อยู่เป็นเพื่อนกัน”

เสาร์เปล่งประโยคนี้ออกมา พร้อมมอบสร้อยหลวงพ่อเงินแก่ผม อลังการด้วยการร้อยมากับสายสร้อยลูกประคำดินเผาความยาวประมาณสองรอบคอ (ไม่รู้พี่แกไปหามาจากไหน ไหนบอกว่าไม่ค่อยได้ไปไหนไง) ผมรับองค์พระมาอย่างสุภาพแนบไว้กลางอก หัวใจสั่นไหว แววตาของเขาขัดเขินทว่าเปล่งประกาย

ผมกล่าวขอบคุณ พลางนึกในใจ -แหม่ทำซึ้งเป็นกับเขาด้วย

ก่อนจากลา เสาร์เดินมาส่งผมที่ทางออก ผมถามเขาว่า อยากได้อะไร หรืออยากไปไหนหรือไม่? เช่น เดินจับจ่ายซื้อของ หรือดูหนังฟังเพลง

เขาชายตามองผมแน่นิ่ง

“อยากไปเดินเล่นสวนสาธารณะ อยากไปเดินสูดอากาศ นั่งมองผู้คน แต่จะไปได้ยังไงกันล่ะ…” เขาตอบเพียงเท่านี้ รอยยิ้มบางเบาผุดที่ใบหน้า ทว่าแววตาสิ้นหวัง

ผมรู้สึกจุกอยู่ในคอกับความต้องการอันแสนสามัญ หัวใจและร่างกายที่ถูกจองจำหวังเพียงเท่านี้เองจริงๆหรือ…