ใหญ่ แดงเดือด: ในฤดูร้อนที่ไม่เป็นเช่นเคย

โดย ซาราวัก ศักดาวิสูตร
สายวันหนึ่งในช่วงปลายมีนาคม 2558  ฤดูร้อนที่เปลวแดดยังแผดแรง อาคารกรมพระธรรมนูญ หรือที่ตั้งศาลทหารกรุงเทพฯ ครอบครัวหนึ่งอาศัยรถตู้โดยสาร เดินทางจากนครปฐมเพื่อมานัดตามหมายศาล ด้วยความหวังว่าจะได้พบกับคนที่พลัดพราก และจะได้อยู่ร่วมวันชี้ชะตากรรมในเวลาที่เหลืออยู่ข้างหน้า พวกเขามาเฝ้ารอลุ้นจำนวนปีที่คนคนหนึ่งจะต้องถูกคุมขังอันเป็นโทษทัณฑ์ของการโพสต์เฟซบุ๊ก 
     
ย้อนกลับไปเมื่อธันวาคมปีที่เเล้ว บรรยากาศปลายปี ที่ผู้คนกำลังเตรียมฉลองกันอย่างชื่นมื่น  พวกเขากลับประสบเหตุการณ์อันส่อเค้าว่าปีใหม่ปีนี้ คงไม่ใช่ปีที่ดีนัก   
18 ธันวาคม 2557 ประมาณ 9.00 น. ที่บ้านพักของเธียรสุธรรม ย่านลาดพร้าว ตำรวจหญิงนอกเครื่องแบบ ทำทีมาถามหาบ้านของคนในละแวกนั้น โดยภรรยาเป็นผู้มาเปิดประตู เจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบผู้มาเยือนดูจะไม่เข้าใจเส้นทางที่ภรรยาของเธียรสุธรรมอธิบาย เธียรสุธรรมจึงเดินออกมาเพื่อช่วยอธิบาย เมื่อเขาเดินมาถึงบริเวณรั้วบ้าน เจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบก็เข้าจู่โจมโดยที่เธียรสุธรรมไม่ทันตั้งตัว เธียรสุธรรมถูกควบคุมตัวไปที่ กองบังคับการทหารราบ มณฑลทหารบกที่ 11 พร้อมตัวภรรยา
25 ธันวาคม 2557 เจ้าหน้าที่นำตัวเธียรสุธรรมมาขออำนาจศาลทหารกรุงเทพฝากขังในผลัดที่ 1   ภรรยาของเขาวางเงินสด 400,000 บาท เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน และแจ้งต่อศาลว่าเธียรสุธรรมเป็นเพียงบุคคลธรรมดา ไม่ได้มีอิทธิพลหรือความสามารถที่จะไปยุ่งเกี่ยวกับพยานหลักฐานได้ และให้เหตุผลเพิ่มเติมว่า เขามีปัญหาเรื่องสุขภาพ ป่วยเป็นโรคไซนัสอักเสบ ภูมิแพ้และโรคกระเพาะ ต้องรับประทานยาเพื่อรักษาโรคดังกล่าวและพบแพทย์เป็นประจำ นอกจากนี้เธียรสุธรรมก็มีความรับผิดชอบต้องประกอบธุรกิจหารายได้อย่างเร่งด่วน เพราะเป็นเสาหลักของครอบครัว มีภาระต้องเลี้ยงดูภรรยาและบุตรอีกจำนวน 3 คน
อย่างไรก็ตาม ศาลก็มีคำสั่งไม่ให้ประกันตัวเนื่องจาก เห็นว่าเป็นคดีร้ายแรง เกรงว่าปล่อยตัวไปแล้วจะหลบหนีคดี
ระหว่างฝากขังรวม 84 วัน ภรรยาพยายามยื่นขอประกันตัวเธียรสุธรรมอย่างน้อย 4 ครั้ง แต่ก็ไม่เป็นผล  
วันที่ 31 มีนาคม 2558 ศาลนัดสอบคำให้การ   รถของเรือนจำพิเศษกรุงเทพมาส่งเธียรสุธรรมที่ศาลในเวลา 10.00 น. ศาลทหารสั่งพิจารณาคดีเป็นการลับ ทำให้ภรรยาและญาติของเธียรสุธรรมรวมทั้งผู้สังเกตการณ์คดีไม่สามารถเข้าฟังได้ ภรรยาของเธียรสุธรรมทำได้เพียงแนบแผ่นกระดาษที่ลูกๆเขียนบรรยายถึงพ่อ ให้ทนายความนำไปยื่นในคำร้องประกอบคำรับสารภาพ เพื่อให้ศาลลงโทษสถานเบา
  
เมื่อศาลสั่งพิจารณาลับ ในห้องพิจารณาคดีจึงมีเพียงผู้พิพากษา อัยการทหาร จำเลย ทนายจำเลย และเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์เท่านั้น ภายหลังการพิจารณาคดี ทนายความเปิดเผยว่าเธียรสุธรรมให้การรับสารภาพทุกข้อกล่าวหา ศาลจึงอ่านคำพิพากษาทันที    
เธียรสุธรรม รับสารภาพว่าเป็นผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ “ใหญ่ แดงเดือด” โพสต์ข้อความรูปภาพวิจารณ์คสช. และพาดพิงสถาบันกษัตริย์ฯ จำนวน 5 ข้อความ ถือเป็นความผิด 5 กรรม ศาลทหารกรุงเทพลงโทษจำคุกเธียรสุธรรมในความผิดฐานหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ฯและความผิดตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์มาตรา 14(3) จากการโพสต์ข้อความ ข้อความละ 10 ปี 5 ข้อความ รวม 50 ปี  
  
เนื่องจากเธียรสุธรรมให้การรับสารภาพจึงลดโทษลงกึ่งหนึ่ง คงโทษจำคุก 25 ปี นอกจากนี้ ศาลสั่งด้วยว่า เวลา 7 วันที่จำเลยถูกควบคุมตัวตามกฎอัยการศึกไม่สามารถนำมาหักลบจากเวลาที่จำเลยจะต้องรับโทษได้
“จำคุก 50 ปี” เป็นสถิติใหม่ของการกำหนดโทษในความผิดฐานหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ฯ เท่าที่ไอลอว์เคยบันทึกมา
ขณะถูกจับกุม เธียรสุธรรม อายุ 58 ปี ก่อนถูกจับกุมเขาประกอบอาชีพผู้รับเหมาก่อสร้าง เป็นกำลังหลักหาเลี้ยงครอบครัว ที่ประกอบด้วย ภรรยา ลูกที่ติดจากภรรยาที่กำลังศึกษาชั้นมัธยมปลาย และลูกบุญธรรมที่กำลังศึกษาโรงเรียนเตรียมทหาร 
ภรรยาของเธียรสุธรรมยอมรับว่า การขาดหายไปของเธียรสุธรรม ทำให้ครอบครัวได้รับผลกระทบมาก ทั้งด้านจิตใจ และ รายได้ซึ่งตอนนี้ส่วนใหญ่มาจากร้านขายเครื่องเขียนที่เพิ่งกลับมาทำอีกครั้ง โดยก่อนหน้านี้เคยทำเเล้วให้ผู้อื่นเช่ากิจการต่อ อย่างไรก็ตามกำลังใจจากลูกๆ ก็ยังพอเยียวยาให้ชีวิตมีความหวังบ้าง และยังรอคอยวันได้พบกันพร้อมหน้าอีกครั้ง 
“เราพบกันช่วงเทศกาลเมื่อหน้าร้อนของปีหนึ่ง..พี่เลี้ยงน้องมาก่อนเจอพี่ใหญ่ พี่ใหญ่ทราบดีว่าพี่ชอบช่วยเหลือคน ยิ่งน้องน่าสงสารที่พ่อแม่เลิกกัน เด็กๆ เหล่านี้เป็นเด็กที่ขาดพ่อ..พี่พยายามเติมเต็มคำว่าพ่อที่ดี ให้กับลูกพี่และน้องหนึ่งลูกบุญธรรม พอมาเจอกับพี่ใหญ่ ดีใจเด็กๆชื่นชมว่าพ่อเก่ง เก่งมาก เด็กก็พยายามถามถึงการเรียน ว่าต้องทำอย่างไรจะเก่งแบบพ่อ ด้วยความรู้ที่พี่ใหญ่มีมักจะเอาออกมาสอนเด็กๆในช่วงวันหยุด เช่น สอนการออกเสียงการพูดภาษาอังกฤษ การวางแผนการเรียนว่าต้องไปทางไหนอย่างไร”  
“จากเสาหลักของครอบครัว เป็นบุคคลบันดาลใจของลูกๆ ให้ขยันตั้งใจเรียน และสิ่งที่เด็กน้อยตามหามาทั้งชีวิตคือความรักความอบอุ่น มาวันนี้สิ่งนั้น กลับถูกพลัดพรากไป แบบโหดร้ายเหลือเกิน สำหรับเขา พวกเขาไม่เข้าใจว่าทำไม โทษมันหนักขนาดนี้” ภรรยาของเธียรสุธรรมเล่า
“สุดท้ายพี่คือหัวหน้าครอบครัวที่ต้องดูแลทุกๆคน เพราะสถานการณ์มันบีบให้เราต้องเป็น และการจะทิ้งคนๆหนึ่งไว้ที่คุกเพียงแค่คำว่าลำบาก นั่นไม่ใช่จากชีวิตของผู้หญิงอย่างพี่ ยามดีๆ เขาก็ดูแลเราและลูกเราดีถึงจะเป็นเวลาสั้นๆ พี่จึงทิ้งพี่ใหญ่ไม่ลง และจะสู้ต่อไปจนสุดแรง เท่าที่จะทำได้นะ” เหล่านี้คือคำตัดพ้อ ของภรรยาหลังคำพิพากษาออกมา 
ในคราฤดูร้อน ไม่เป็นเช่นเคย
หากเรื่องนี้ทำให้คุณอยากรู้รายละเอียดของคดี คลิกที่นี่เพื่อเข้าสู่ฐานข้อมูลของเรา