คดีมาตรา 112 “ปณิธาน” กรณีคอมเมนต์ในกลุ่ม “รอยัลลิสต์มาร์เก็ตเพลส

13 พฤษภาคม 2568 เวลา 09.00 น. ศาลอาญานัด ‘ปณิธาน’ ชายชาวสระแก้วฟังคำพิพากษาศาลฎีกา ในหมายเลขคดีดำที่ อ.1835/2565 หลังศาลชั้นต้นเคยพิพากษาให้จำคุกสี่ปี โดยไม่รอลงอาญาก่อนจะลดโทษให้เหลือสองปีเนื่องจากปณิธานรับสารภาพ ต่อมาศาลอุทธรณ์ลดโทษเหลือหนึ่งปีหกเดือน

ข้อมูลจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนระบุว่า เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2565 เจ้าหน้าที่ตำรวจประมาณ 5-10 นายเข้าแสดงหมายจับของศาลอาญาถึงที่ทำงานของปณิธาน พร้อมทั้งยึดโทรศัพท์มือถือและได้สอบถามว่าปณิธาน ได้แสดงความเห็นในกลุ่มเฟซบุ๊กใต้โพสต์ของ “Pavin Chachavalpongpun” ในกลุ่ม “รอยัลลิสต์มาร์เก็ตเพลส” เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2564 และเป็นเจ้าของบัญชีผู้ใช้ที่แสดงความเห็นด้วยหรือไม่

ในชัันสอบสวน ปณิธานถูกสอบสวนขณะไม่มีทนายความร่วมอยู่ด้วย  ซึ่งปณิธานให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหาและเมื่อพนักงานสอบสวนยื่นขอฝากขังต่อศาล ศาลอนุญาตให้ประกันตัวโดยครอบครัวต้องกู้ยืมหลักทรัพย์จำนวน 90,000 บาทเป็นประกัน

คดีนี้อัยการบรรยายฟ้องว่า การแสดงความเห็นว่า “สวัสดี” ใต้โพสต์ภาพพระบรมฉายาลักษณ์รัชกาลที่สิบเป็นการล่วงละเมิด หมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายรัชกาลที่สิบ ซึ่งประชาชนทั่วไปที่เห็นภาพและข้อความ “สวัสดี” เข้าใจความหมายได้ว่าสื่อถึงรัชกาลที่สิบ โดยทำให้รัชกาลที่สิบเสื่อมเสียพระเกียรติยศ ชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น ถูกเกลียดชัง และประชาชนเสื่อมศรัทธา ในนัดสอบคำให้การปณิธานให้การปฏิเสธ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นรับสารภาพในขั้นตรวจพยานหลักฐาน

ปณิธานระบุว่า การกลับคำให้การรับสารภาพเนื่องจากตนประกอบอาชีพสุจริตและไม่เคยกระทำความผิดใดมาก่อน จึงคาดหวังว่าจะได้รับโอกาสให้รอลงอาญา เพื่อกลับไปประกอบอาชีพและเลี้ยงดูครอบครัว

ศาลชั้นต้นจำคุก 4 ปีรับสารภาพลดโทษกึ่งหนึ่ง

24 พฤศจิกายน 2564 ศาลอาญาพิพากษาจำคุกปณิธานสี่ปี ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และ พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2560 มาตรา 14 (3) แต่เนื่องจากปณิธานให้การรับสารภาพเป็นประโยช์แก่การพิจารณา ลดโทษให้กึ่งหนึ่งเหลือสองปี ศาลระบุว่าแม้ว่าจำเลยจะไม่เคยกระทำความผิด ประกอบอาชีพสุจริตเพื่อเลี้ยงดูภรรยาที่กำลังจะคลอดบุตรก็ตาม แต่การกระทำของจำเลยทำให้กษัตริย์เสื่อมเสียเกียรติยศ ชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น-เกลียดชัง เป็นกรณีร้ายแรงไม่สมควรให้รอการลงโทษ เขาได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวระหว่างอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ลดโทษเหลือ 1 ปี 6 เดือนเหตุบวชให้ “องค์ภา”

ในชั้นอุทธรณ์ ปณิธานโต้แย้งคำพิพากษาศาลชั้นต้นในประเด็นอัตราโทษ โดยขอให้ศาลอุทธรณ์ลงโทษสถานเบาและรอการลงโทษ หรือรอการกำหนดโทษเพื่อให้โอกาสตนเป็นพลเมืองดี หาเลี้ยงครอบครัว ต่อมาในวันที่ 6 ธันวาคม 2566 ปณิธานพร้อมภรรยาเดินทางจากสระแก้วเข้าสู่กรุงเทพมหานครเพื่อฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ 

โดยศาลอุทธรณ์ระบุว่า ในข้ออุทธรณ์ของจำเลย แม้ว่าจำเลยจะไม่เคยกระทำความผิดและเป็นหัวหน้าครอบครัวประกอบกับทำมาหากินโดยสุจริต ศาลก็ไม่ยกเป็นเหตุให้บรรเทาโทษได้ จึงให้คงโทษจำคุกไว้สองปี เพราะการกระทำของจำเลยมีความร้ายแรงต่อสถาบันพระมหากษัตริย์

แต่ในข้ออุทธรณ์ของจำเลยที่ระบุว่าได้ไปร่วมอุปสมบทเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแก่สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภาฯ ในวัดแห่งหนึ่งในสระแก้วเป็นข้ออุทธรณ์ที่รับฟังได้จึงลดโทษจากจำคุกสองปี เป็นหนึ่งปีหกเดือน โดยไม่รอลงอาญา ก่อนจะให้ประกันตัวในชั้นฎีกาด้วยวงเงิน 100,000 บาท

ข้อมูลการจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนระบุว่า ปณิธานอายุย่าง 25 ปี (ในปี 2566) เป็นหัวหน้าครอบครัว ทำงานเลี้ยงดูทุกคนในครอบครัวด้วยตัวคนเดียว ส่วนภรรยาทำหน้าที่เลี้ยงดูบุตรดูที่บ้าน ปณิธานทำอาชีพรับเหมาก่อสร้าง มีรายได้วันละ 500 บาท วันไหนที่ต้องหยุดงานก็จะไม่มีรายได้ วันที่มาศาลก็จะต้องหยุดงานเพราะต้องเดินทางมาจากจังหวัดสระแก้ว

RELATED TAGS

📍ร่วมรณรงค์

JOIN : ILAW CLUB

ช่องทางการติดตาม

FACEBOOK PAGE

วิดีโอแนะนำ