จำคุกทนายอานนท์ 2 ปี 20 วัน กรณีปราศรัยม็อบแฮร์รี่ พอตเตอร์ 2 รวม โทษ 3 คดี 10 ปี 20 วัน

29 เมษายน 2567 ที่ห้องพิจารณาคดี 703 ศาลอาญากรุงเทพใต้ ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดีของอานนท์ นำภา จากการปราศรัยในการชุมนุม แฮร์รี่ พอตเตอร์ 2 เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2664  โดยศาลลงโทษจำคุกข้อหาตามมาตรา 112 จำคุก 3 ปี, ในข้อหาฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ จำคุก 30 วัน และใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาต ปรับ 150 บาท ลดโทษให้ 1 ใน 3 เหลือจำคุกในข้อหา 112 2 ปี, ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ 20 วัน  และใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาต ปรับ 100 บาท รวมจำคุก 2 ปี 20วัน ปรับ 100 บาท

เวลาประมาณ 09.00 น. ที่ห้องพิจารณาคดี 703 มีประชาชนมารอหน้าห้องพิจารณาคดีเพื่อรอมาฟังคำพิพากษาและให้กำลังใจอานนท์ นำภา ประมาณ 20 คน จากนั้นเวลาประมาณ 09.25 น. อานนท์เดินทางมาถึงห้องพิจารณาคดีในชุดนักโทษหน้าตาสดใส ในห้องพิจารณาคดีมีผู้มาร่วมรับฟังคำพิพากษาประมาณ 40 คน จนที่นั่งเต็มความจุ โดยมีครอบครัวของอานนท์ ทั้งแม่ ยาย หลาน และลูกๆ ของอานนท์มาด้วย

เวลา 09.30 น. ศาลออกนั่งพิจารณาและเริ่มอ่านคำพิพากษาทันที คำพิพากษาโดยสรุปว่า ในฐานความผิด พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ นั้น แม้จำเลยจะอ้างว่าตัวจำเลยอยู่ห่างจากผู้ชุมนุมอื่นๆ แต่จากพยานหลักฐานแสดงให้เห็นว่าอานนท์เป็นผู้นัดหมายในการชุมนุม และกลุ่มผู้ชุมนุมไม่มีการเว้นระยะห่างและใส่หน้ากากอนามัย รวมถึงไม่มีการตั้งจุดคัดกรองโรค ถือเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายห้ามรวมตัวเกิน 5 คนขึ้นไป ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดฯ ลงโทษจำคุก 30 วัน ส่วนข้อหาฝ่าฝืนเจ้าพนักงานควบคุมโรค ให้ยกฟ้อง

เรื่องการใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาต จากพยานหลักฐานเห็นว่ามีการใช้เครื่องขยายเสียงจริง และพยานโจทก์มายืนยันว่าอานนท์ไม่ได้ขออนุญาตใช้เครื่องขยายเสียงจริง จึงมีความผิดลงโทษปรับ 150บาท

สุดท้ายในส่วนของประมวลฎหมายอาญามาตรา 112 พิเคราะห์แล้วเห็นว่าจากทางนำสืบของโจทก์เห็นว่าอานนท์เป็นผู้ปราศรัยตามฟ้องในคดีนี้จริง โดยในส่วนคำปราศรัยของอานนท์นั้นมีพยานโจทก์มาเบิกความในทางเดียวกันว่าคำปราศรัยดังกล่าว เป็นการโจมตีใส่ร้ายรัชกาลที่ 10 โดยใส่ร้ายว่ามีการนำทรัพย์สินส่วนรวมไปเป็นทรัพย์สินส่วนพระองค์ ทำให้เกิดความเสื่อมเสียและดูไม่ดีต่อพระองค์ท่าน และจากทางนำสืบของโจทก์แม้จะไม่สามารถทราบเจตนาที่แท้จริงของอานนท์ว่ามีเจตนาดูหมิ่นหรือหมิ่นประมาทหรือไม่ แต่ในเอกสารหมาย จ.23 มีข้อความชัดเจน และเมื่อพิจารณาข้อความดังกล่าวจากพยานหลักฐานทั้งหมดเห็นว่า จำเลยปราศรัยโจมตีรัชกาลที่ 10 ให้ประชาชนเข้าใจว่ามีความโลภ เป็นการใส่ความให้เสื่อมเสียเกียรติยศ ถูกดูหมิ่น เกลียดชัง และด้อยค่า ซึ่งรัฐธรรมนูญ 2560 ได้คุ้มครองสถาบันพระมหากษัตริย์ไว้ผู้ใดจะละเมิดมิได้ อีกทั้งประมวลกฎหมายอาญาก็ได้มีกฎหมายหมิ่นประมาท ดูหมิ่น พระมหากษัตริย์ฯ แยกออกมาโดยเฉพาะ โดยไม่มีข้อยกเว้นเหมือนกฎหมายหมิ่นประมาทและดูหมิ่นทั่วไป และการนำสืบพยานของจำเลยไม่สามารถหักล้างพยานหลักฐานโจทก์ได้ การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดลงโทษจำคุก 3 ปี

ในการพิจารณาคดีจำเลยให้การเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาคดี จึงลดโทษให้ 1 ใน 3 คงเหลือจำคุกในข้อหาตามมาตรา 112 2 ปี, ฝ่าฝืน  พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ 20 วัน  และใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาตฯ ปรับ 100 บาท รวมจำคุก 2 ปี 20 วัน ปรับ 100 บาท ข้อสังเกตในคดีนี้คือ ในการอ่านคำพิพากษาศาลจะไม่อ่านข้อความที่ปราศรัยที่เป็นเหตุแห่งการฟ้องคดี โดยจะอ่านเป็นข้อความตามเอกสารหมาย จ.26 แทนข้อความทั้งหมด 

หลังอ่านคำพิพากษาจบ ประชาชนในห้องพิจารณาคดีต่างเดินไปให้กำลังใจกับอานนท์ และมีการระดมเงินค่าปรับ 100 บาท ที่ต้องจ่ายศาล จากนั้นผู้คุมจะนำตัวอานนท์ออกจากห้องพิจารณาคดีในเวลาประมาณ 10.00 น.  สำหรับคดีนี้ถือเป็นคดี 112 คดีที่ 3 จากทั้งหมด 14 คดีของอานนท์ นำภา ที่ศาลชั้นต้นได้ตัดสินแล้ว โดยอานนท์มีโทษจำคุกเฉพาะความผิดตามมาตรา 112 รวมทั้งหมด 10 ปี และตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ อีก 20 วัน