ศาลอนุญาตฝากขังตะวัน – แฟรงค์ต่อ 12 วัน อ้างตำรวจรอผลตรวจกล้องหน้ารถในจุดเกิดเหตุ

วันที่ 20 มีนาคม 2567 เวลา 9.00 น. ศาลอาญา รัชดาฯ นัดไต่สวนคำร้องคัดค้านการฝากขังทานตะวัน ตัวตุลานนท์ หรือ ตะวันและณัฐนนท์ ไชยมหาบุตร หรือแฟรงค์ ผู้ต้องหาคดีตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116 จากเหตุการณ์บีบแตรใส่ตำรวจท้ายขบวนเสด็จของกรมพระเทพฯเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2567 โดยในการไต่สวนนัดนี้ พนักงานสอบสวน สน.ดินแดงยื่นคำร้องขอฝากขังผู้ต้องหาทั้งสองต่ออีกเป็นครั้งที่สี่ ระหว่างวันที่ 21 – 1 เมษายน 2567 หลังการไต่สวนคัดค้านการฝากขัง ศาลอนุญาตให้ฝากขังทั้งสองต่อ ตามคำร้องที่พนักงานสอบสวนอ้างว่าจำเป็นต้องรอผลตรวจคลิปวิดีโอที่ติดหน้ารถยนต์ของประชาชนที่อยู่ในบริเวณที่เกิดเหตุว่ามีการแก้ไขหรือตัดต่อหรือไม่ แม้พนักงานสอบสวนจะยอมรับว่าผู้ต้องหาทั้งสองไม่สามารถจะยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานได้ก็ตาม

ในนัดนี้ทานตะวันซึ่งอยู่ระหว่างเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ ไม่สามารถเชื่อมต่อระบบการประชุมผ่านหน้าจอกับศาสในการไต่สวนได้ ศาลจึงสอบถามบิดาและมารดาของทานตะวันที่อยู่ในห้องพิจารณาคดี เกี่ยวกับข้อขัดข้องดังกล่าว พ่อและแม่ของทานตะวันแถลงต่อศาลว่าเมื่อเป็นเหตุขัดข้องทางเทคโนโลยีก็ขอให้ศาลไต่สวนคำร้องขอฝากขังครั้งที่สี่ลับหลังผู้ต้องหาได้เลย ส่วนณัฐนนท์ซึ่งเข้ารับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์สามารถเข้ากระบวนการไต่สวนได้ 

หลังการไต่สวนศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ฝากขังผู้ต้องหาทั้งสองต่อจนถึงวันที่ 1 เมษายน โดยให้เหตุผลว่าพนักงานสอบสวนยังอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานสำคัญที่จะมีผลต่อการสรุปสำนวนว่าจะสั่งฟ้องผู้ต้องหาหรือไม่

ศาลอนุญาตฝากขังตะวัน - แฟรงค์ต่อ 12 วัน อ้างตำรวจรอผลตรวจกล้องหน้ารถในจุดเกิดเหตุ

ตำรวจรับผู้ต้องหายุ่งเหยิงพยานหลักฐานไม่ได้

พนักงานสอบสวน สน.ดินแดง อ้างเหตุในการยื่นคำร้องขอฝากขังผู้ต้องหาเป็นครั้งที่สี่ ว่า พนักงานสอบสวนยังต้องรอผลตรวจทางวิทยาศาสตร์จากกองพิสูจน์หลักฐานซึ่งเป็นคลิปวิดีโอที่ติดหน้ารถยนต์ของประชาชนในบริเวณที่เกิดเหตุว่ามีการแก้ไขหรือตัดต่อหรือไม่ หากได้รับผลตรวจดังกล่าวแล้วก็จะดำเนินการสรุปสำนวนและมีความเห็นว่าควรสั่งฟ้องหรือไม่ หากมีความเห็นควรสั่งฟ้องก็จะส่งให้พนักงานอัยการพิจารณาต่อไป โดยพนักงานสอบสวนมีหนังสือไปสอบถามถึงระยะเวลาที่จะได้รับผลการตรวจคลิปวิดีโอแล้ว และได้รับคำตอบกลับมาว่าจะได้รับผลตรวจไม่เกินหนึ่งสัปดาห์ จึงคาดว่าจะสามารถสรุปผลการสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานให้เสร็จสิ้นในการฝากขังครั้งที่สี่ได้

ทนายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความ ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ในฐานะทนายความของผู้ต้องหาทั้งสองคนถามค้านพนักงานสอบสวนว่า คลิปวิดีโอดังกล่าวเป็นคลิปที่มาจากผู้ต้องหาทั้งสองหรือไม่ พนักงานสอบสวนตอบว่าคลิปวิดีโอดังกล่าวเป็นของประชาชนที่อยู่ในบริเวณที่เกิดเหตุ เป็นคลิปที่พนักงานสอบสวนและชุดสืบสวนรวบรวมมาตามที่ประชาชนส่งมอบให้กับทางตำรวจ

ทนายกฤษฎางค์ถามต่อต่อว่าจำเลยทั้งสองสามารถเข้าไปเปลี่ยนแปลงหรือยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานได้หรือไม่ พนักงานสอบสวนตอบว่าผู้ต้องหาทั้งสองไม่สามารถแก้ไขเปลี่ยนแปลงคลิปวิดีโอดังกล่าวได้ และหากยังไม่ได้รับผลการตรวจสอบคลิปวิดีโอดังกล่าวก็ไม่เป็นอุปสรรคต่อการสอบสวนคดีนี้ และไม่มีผลต่อการฝากขังผู้ต้องหาทั้งสอง โดยพนักงานสอบสวนไม่คัดค้านหากศาลจะไม่ให้ฝากขังต่อ หรือจะให้ปล่อยตัวชั่วคราวผู้ต้องหาทั้งสอง

ทนายกฤษฎางค์แถลงเพิ่มเติมว่า ข้อเท็จจริงที่ปรากฎจากการไต่สวนคำร้องขอฝากขังครั้งที่หนึ่งจนถึงครั้งที่สี่ในวันนี้แสดงให้เห็นว่า การไม่ขังผู้ต้องหาทั้งสองไม่เป็นอุปสรรคต่อการสอบสวนคดีนี้ อีกทั้งการสอบสวนเสร็จสิ้นแล้ว เพียงแต่การรอผลการตลวจสอบพยานวัตถุซึ่งเป็นคลิปวิดีโอตามที่ปรากฎในคำร้องขอฝากขังครั้งที่ 4 ซึ่งผู้ต้องหาทั้งสองไม่มีโอกาสที่จะเข้าไปแก้ไขดัดแปลงหรือแทรกแซงพยานหลักฐานได้ ซึ่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 87 กำหนดว่า การควบคุมตัวผู้ต้องหาจะต้องกระทำไม่ให้เกินกว่าพฤติการณ์แห่งคดีเพื่อไม่ให้เป็นการลิดรอนสิทธิแก่ผู้ต้องหาทั้งสอง ทั้งการกำหนดเวลาฝากขังตามกฎหมายนั้นกำหนดไว้เพื่อไม่ให้ควบคุมเกินสมควร ไม่ได้หมายความว่าจะต้องคุมขังผู้ต้องหาทั้งสองไว้เต็มตามกำหนดเวลา จึงขอให้ศาลยกคำร้องการขอฝากขังครั้งที่สี่

หลังการไต่สวนศาลแจ้งว่าตามระเบียบของศาลอาญาจะต้องนำคดีไปปรึกษารองอธิบดีที่ได้รับมอบหมายก่อนและจะอ่านคำสั่งว่าจะให้ฝากขังผู้ต้องหาทั้งสองต่อหรือไม่ในเวลา 14.00 น.

ครอบครัวและผู้มาให้กำลังใจรอเจอตะวัน-แฟรงค์ผ่านหน้าจอ

นอกจากคนในครอบครัวแล้ว การไต่สวนในนัดนี้ยังได้รับความสนใจทั้งจากเพื่อนๆและประชาชนที่มาให้กำลังใจผู้ต้องหาทั้งสองด้วย โดยมีผู้เข้าร่วมฟังการไต่สวนประมาณ 20 คน เก้าอี้ด้านซ้ายของห้องพิจารณาคดีมีพ่อและแม่ของทานตะวันมานั่งรอรับฟังการพิจารณาตั้งแต่เช้าจนจบการไต่สวน ระหว่างรอฟังบันทึกรายงานกระบวนพิจารณาคดี ศาลอนุญาตให้ผู้เข้ารับฟังการไต่สวนพูดคุยกับณัฐนนท์ผ่านระบบจอภาพได้ อรวรรณหรือแบม ซึ่งเป็นคู่คดีของตะวันในคดีทำโพลขบวนเสด็จกล่าวด้วยเสียงสั่นเครือและรอยน้ำตาบนใบหน้ากับณัฐนนท์ว่า

“วันนี้ฝนตกหนักเลย ฝนตกหนักแต่ทุกคนพยายามมาที่ศาล รู้ว่า(แฟรงค์) อดทนมาก เก่งมากๆ แล้วก็อยากให้เข้มแข็งจนถึงวินาทีสุดท้าย ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นขอให้ระลึกไว้ตลอดว่า ถ้าเรายังสู้ความยุติธรรมจะอยู่ข้างเรา เพื่อนแล้วก็มวลชนทุกคนคิดถึงแฟรงค์มากๆ ในวันที่ยากลำบากเราก็ยังผ่านมันไปด้วยกันได้ เพราะฉะนั้นถ้าตอนนี้ ถ้าแฟรงค์ยังอดทนอยู่ ยังสู้อยู่ หัวใจยังเต้นอยู่ ขอให้รับรู้เอาไว้ว่าแฟรงค์ไม่ได้ผิดอะไรเลย ความผิดเดียวที่แฟรงค์กับตะวันและทุกคนในประเทศนี้ที่มีอยู่ก็คืออยู่ในประเทศที่ไม่มีผู้ใหญ่รับฟังแฟรงค์ แต่พี่เชื่อว่าเดี๋ยววันใดวันหนึ่งความยุติธรรมจะอยู่ข้างประชาชนสักวันหนึ่ง พี่ก็คิดถึงแฟรงค์มากๆ คิดถึงตะวันมากๆ โลกข้างนอกเป็นของแฟรงค์และตะวัน เป็นของเยาวชนทุกคน อดทนเข้าไว้แฟรงค์”

ศปปส.ยื่นหนังสือคัดค้านการให้ประกันตัว “ตะวัน-แฟรงค์”

ช่วงสายวันเดียวกันแกนนำศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.) เข้ายื่นคำร้องคัดค้านการปล่อยตัวชั่วคราวผู้ต้องหาคดีความมั่นคงของรัฐ ถึงอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา โดยความตอนหนึ่งของคำร้องระบุว่า

“ความตามที่อ้างทั้งหมด ข้าพเจ้าและคณะผู้เข้าชื่อยื่นคำร้องคัดค้านการปล่อยตัวชั่วคราวผู้ต้องหาคดีความมั่นคงของรัฐที่ ๒. นายณัฐนนท์ ไขยมหาบุตร ขอท่านโปรดพิจารณาคำร้องตามหนังสือฉบับนี้เพื่อประโยชน์สุขของสังคมไทย ในการดำเนินชีวิตตามวิถีทางจารีตประเพณีประจำชาติ และเพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างต่อเด็ก เยาวชน ประชาชนทั่วราชอาณาจักร”  คำร้องฉบับดังกล่าวลงชื่อโดย ทรงชัย เนียมหอม ประธานกลุ่มประชาภักดิ์พิทักษ์สถาบันและอัครวุธ ไกรศรีสมบัติ ประธานกลุ่มอาชีวะราชภักดี ดำเนินการในนามผู้ร่วมยื่นคัดค้านการปล่อยตัวชั่วคราว และหนึ่งในสมาชิกศปปส. ได้ขึ้นมาบริเวณหน้าห้องพิจารณาที่ 8013 ซึ่งกำลังมีการไต่สวนการฝากขังของตะวันและแฟรงค์

ศาลอ้างตำรวจอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานสำคัญจึงให้ฝากขังต่อ

เวลา 14.00 น. ศาลออกนั่งบัลลังก์อ่านคำสั่งอนุญาตให้ฝากขังผู้ต้องหาทั้งสองต่อ โดยสรุปได้ว่า

พิจารณาแล้วเห็นว่า คดีอยู่ในระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานซึ่งยังไม่แล้วเสร็จ เนื่องจากผู้ร้องยังรอผลตรวจทางวิทยาศาสตร์จากกองพิสูจน์หลักฐานซึ่งเป็นคลิปวิดีโอว่ามีการแก้ไข ตัดต่อหรือดัดแปลงหรือไม่ คลิปวิดีโอดังกล่าวเป็นภาพเคลื่อนไหวจากกล้องหน้ารถยนต์ของประชาชนในบริเวณที่เกิดเหตุ จึงเป็นหลักฐานสำคัญในคดีที่แสดงถึงพฤติการณ์ของผู้ต้องหาคดีนี้โดยตรงและจำเป็นต้องใช้ประกอบพิจารณาทำความเห็นว่ามีเหตุควรสั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้งสองหรือไม่ จึงเป็นเหตุจำเป็นต้องควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งสองต่อไป คำร้องขอฝากขังครั้งที่สี่จึงชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา  87 และกล่าวต่อว่าศาลให้สิทธิผู้ต้องหาทั้งสองยื่นประกันตัวตามกฎหมายพร้อมกำชับให้พนักงานสอบสวนเร่งรัดการสอบสวนให้เสร็จโดยเร็วเพื่อมิให้ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งสองเกินกว่าพฤติการณ์แห่งคดี