ผู้เสียหายจากสปายแวร์เพกาซัสขอกมธ. พัฒนาการเมืองฯ ตรวจสอบการใช้งาน กมธ. เล็งเรียกประยุทธ์ให้ข้อมูล

15 กันยายน 2565 เวลา 14.00 น. ที่อาคารรัฐสภา สัปปายะสภาสถาน ผู้เสียหายจากสปายแวร์เพกาซัสนำโดยยิ่งชีพ อัชฌานนท์ ผู้จัดการโครงการอินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชนและนักกิจกรรม เช่น ไผ่-จตุภัทร์ บุญภัทรรักษา จากทะลุฟ้าและอั๋ว-จุฑาทิพย์ ศิริขันธ์ จากเยาวชนปลดแอกเข้ายื่นหนังสือต่อณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคก้าวไกลและประธานคณะกรรมาธิการพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชนเพื่อเรียกร้องให้ตรวจสอบการใช้สปายแวร์เพกาซัสกับผู้เห็นต่างทางการเมือง ณัฐชากล่าวว่า กมธ. พัฒนาการเมืองฯ จะเชิญ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม มาให้ข้อมูลเกี่ยวกับการใช้สปายแวร์เพกาซัส

ยิ่งชีพหนึ่งในผู้เสียหาย กล่าวถึงความร้ายแรงของการใช้สปายแวร์เพกาซัสสอดแนมข้อมูลประชาชน ซึ่งมีการใช้ในอย่างน้อย 45 ประเทศทั่วโลก บริษัทเอกชนอย่าง Apple และ WhatsApp มีการฟ้องบริษัท NSO Group ในฐานะผู้ผลิตสปายแวร์เพกาซัส กรณีนี้จึงเป็นการต่อสู้ระดับโลกเพื่อปกป้องสิทธิส่วนบุคคลของผู้ใช้งานโทรศัพท์มือถือ ปีที่ผ่านมาได้ทราบว่าประเทศไทยก็มีการใช้สปายแวร์ดังกล่าวเช่นเดียวกัน โดย NSO Group ได้ระบุชัดเจนว่า จะขายสปายแวร์เพกาซัสให้กับรัฐบาลเท่านั้น ดังนั้นผู้ที่จะใช้งานได้ต้องเป็นรัฐบาลเท่านั้น ผู้เสียหายทุกคนไม่เคยมีประวัติในการแสดงออกเชิงคัดค้านต่อรัฐบาลต่างประเทศเลย จึงคิดเป็นอื่นได้ยากว่า ไม่ใช่รัฐบาลไทย นอกจากนี้ทางผู้เสียหายมีการเตรียมพยานหลักฐานต่าง ๆ ในการดำเนินคดีกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป 

จากนั้นนักกิจกรรมที่เป็นผู้เสียหายได้แก่ ไผ่-จตุภัทร์, อั๋ว-จุฑาทิพย์และนาย-วิชพรรษ ศรีกสิพันธ์ จาก We volunteer กล่าวในทำนองเดียวกันว่า หากรัฐบาลเป็นประชาธิปไตยจริงจะไม่สอดแนมข้อมูลประชาชน แต่ควรส่งเสริมสิทธิ เสรีภาพ และศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของประชาชน การใช้สปายแวร์เพกาซัสอยู่บนหลักคิดที่ต้องการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของประชาชน ทุกอย่างที่เคยเป็นส่วนตัวโดนสอดแนมโดยรัฐและไม่เป็นส่วนตัวอีกต่อไป นอกจากนี้ การนำงบประมาณไปใช้กับสปายแวร์ดังกล่าวสามารถนำไปใช้ประโยชน์อย่างอื่นได้มากมาย 

ณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ กล่าวว่า หลังจากทราบข้อมูลเบื้องต้นจากผู้เสียหายก็เกิดความกังวลอย่างยิ่ง เนื่องจากการสอดแนมเจาะระบบโทรศัพท์มือถือเป็นเรื่องร้ายแรง มีการสอดแนมโทรศัพท์ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร นักกิจกรรม นักวิชาการ จึงเป็นเรื่องที่ไม่ชอบมาพากล การใช้งบประมาณไปกับเรื่องพวกนี้ต้องมีการตรวจสอบอย่างจริงจัง หลังจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจจนถึงวันนี้ ยังไม่ได้รับการชี้แจงอย่างเป็นทางการจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง วันนี้ทาง กมธ. พัฒนาการเมืองฯ รับหนังสือและมีข้อมูลที่บ่งบอกถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอยู่สองถึงสามหน่วยงาน ซึ่งอยู่ภายใต้กระทรวงกลาโหม ดังนั้น กมธ. พัฒนาการเมืองฯ จึงมีความจำเป็นต้องเชิญ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สองหน่วยงานนี้ต้องให้ความชัดเจนกับประชาชนว่า การสั่งซื้อสปายแวร์นี้มีความจำเป็นอย่างไร หน่วยงานใดบ้างเป็นผู้ใช้ ใช้กับกลุ่มบุคคลใด และมีกลุ่มเป้าหมายทางการเมืองเกี่ยวข้องหรือไม่  

นอกจากนี้ ณัฐชา ชี้แจงว่า อาจมีการทำหนังสือขอความร่วมมือไปยังบริษัท NSO Group ซึ่งเป็นบริษัทเอกชนในประเทศอิสราเอล เพื่อให้คำชี้แจงกับทางกมธ. ว่า ขายให้กับใครและมีเงื่อนไขอย่างไร โดยกมธ. พัฒนาการเมืองฯ จะนำเรื่องนี้เข้าสู่ระเบียบวาระการประชุมในครั้งถัดไป (สัปดาห์แรกของเดือนตุลาคม 2565)

หลังจากการยื่นเรื่องต่อ กมธ. พัฒนาการเมืองฯ ในวันนี้ กลุ่มผู้เสียหายจากสปายแวร์เพกาซัสยังมีนัดหมายเข้ายื่นเรื่องร้องเรียนต่อคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ในวันที่ 21 กันยายน 2565 เวลา 13.30 น. ที่สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ศูนย์ราชการ แจ้งวัฒนะ

สำหรับสปายแวร์เพกาซัสนับได้ว่าเป็นอาวุธสอดแนมทางไซเบอร์ที่ก้าวหน้าที่สุดในโลก ซึ่งถูกพบแล้วว่าถูกเอามาใช้กับคนไทยที่เห็นต่างจากรัฐ เหยื่อหลายคนได้รับการเตือนจาก Apple ในเดือนพฤศจิกายน 2564 ว่า โทรศัพท์ของพวกเขาอาจถูกเจาะโดยการโจมตีที่สนับสนุนโดยรัฐ  จากการสืบสวนค้นหาข้อเท็จจริงที่ยังคงไม่เสร็จสิ้นพบว่ามีคนที่ถูกเจาะโดยเพกาซัส 35 คน หนึ่งในนั้นมีเบญจา แสงจันทร์ ส.ส.พรรคก้าวไกล คนส่วนใหญ่ที่ถูกเจาะมีบทบาทในการประท้วงเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตย สนับสนุนการปฏิรูปการเมืองและสถาบันพระมหากษัตริย์ ระหว่างปี 2563-2564