ก่อนร่วมชุมนุมครั้งนั้นเราเป็นคนแข็งแรงแล้วเราก็เชื่อว่าเราทำกิจกรรมถึกๆลุยๆได้ แต่หลังจากวันนั้นเรามักจะมีอาการชาที่ด้านซ้ายของร่างกาย ยกของหนัก ใช้ร่างกายหนักๆไม่ได้เหมือนเมื่อก่อน บางครั้งถึงขั้นชาจนเดินไม่ได้เลยก็มี การใช้กำลังของเจ้าหน้าที่ครั้งนั้นไม่ได้แค่ทำให้เราเจ็บปวดทางกายนะแต่มันส่งผลต่อสภาพจิตใจของเราด้วย
ถึงวันนี้เราพิสูจน์ให้ที่บ้านเห็นแล้วว่าเราไม่ได้ทำกิจกรรมทางการเมืองแบบเอามัน แต่เรามีเป้าหมาย เราหวังให้เกิดความเปลี่ยนแปลงบางอย่างที่ดีกว่าให้สังคมไทย สำหรับตัวเราหากมองย้อนไปก็ยอมรับว่าเหตุการณ์เมื่อวันที่ 22 พฤษภา 2558 สร้างบาดแผลให้กับเราไม่น้อยโดยเฉพาะเรื่องร่างกายของเราที่ไม่เหมือนเดิมแต่ถึงย้อนเวลาได้เราก็ยังจะมาร่วมชุมนุมนะเพราะอย่างน้อยเราได้ยืนยันว่าเราเป็นคนที่สมบูรณ์ เป็นคนที่มีความคิดความเชื่อของตัวเองไม่ใช่หุ่นยนต์ที่ทำตามโปรแกรมที่รัฐบอก เราคิดว่ามันก็คุ้มกับสิ่งที่เสียไป
หลังถูกตั้งข้อหาครั้งนั้นชลธิชาและนักกิจกรรมอีกหกคนไม่ยอมเข้ารายงานตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจตามหมายเรียกแต่เดินทางไปที่หน้าสน.ปทุมวันในวันที่ 24 มิถุนายน 2558 เพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษเจ้าหน้าที่ตำรวจฐานทำร้ายร่างกายจากกรณีการสลายการชุมนุมแทน
เหตุการณ์ในวันที่ 24 มิถุนายน 2558 จบลงโดยที่ไม่มีใครถูกจับกุมตัวแม้ชลธิชาและเพื่อนนักกิจกรรมอีกหกคนจะถูกออกหมายจับเพราะไม่ยอมเข้าพบพนักงานสอบสวนตามนัดแล้วก็ตาม หลังจากนั้นในวันที่ 25 มิถุนายน 2558 ชลธิชากับนักกิจกรรมอีกหกคนและนักกิจกรรมกลุ่มดาวดินจากมหาวิทยาลัยขอนแก่นอีกเจ็ดคนที่มาให้กำลังใจพวกเขาตั้งแต่วันที่ 24 มิถุนายน ที่หน้าสน.ปทุมวันก็ร่วมกันเดินเท้าจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ท่าพระจันทร์ มาชูป้าย “เผด็จการจงพินาศ ประชาธิปไตยจงเจริญ” ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย
นักกิจกรรมชายทั้ง 13 คนถุกฝากขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ ส่วนชลธิชาซึ่งเป็นนักกิจกรรมหญิงคนเดียวที่ถูกดำเนินคดีถูกส่งตัวไปฝากขังที่ทัณฑสถานหญิงกลาง ชลธิชาและนักกิจกรรมทั้งหมดถูกปล่อยตัวหลังใช้ชีวิตอยู่ในเรือนจำ 12 วัน หลังศาลทหารกรุงเทพยกคำร้องของพนักงานสอบสวนที่ขอให้ศาลคุมตัวพวกเขาต่อไปอีก 12 วัน