วงเสวนา ‘ฮั้ว สว.จะจบลงอย่างไร’ ชี้สว.ต้องหยุด ! เลือกองค์กรตรวจสอบตัวเอง

25 พฤษภาคม 2568 ที่หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร สถาบันสังคมประชาธิปไตย และคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย จัดเวทีประชาชนถกแถลงและอภิปราย ‘ฮั้ว สว. จะจบลงอย่างไร’ โดยผู้ร่วมเสวนา ประกอบด้วย นันทนา นันทวโรภาส สมาชิกวุฒิสภา (สว.), ยิ่งชีพ อัชฌานนท์ ผู้จัดการ iLaw , ลัดดาวัลย์ ตันติวิทยาพิทักษ์ ประธานคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย, เยี่ยมยอด ศรีมันตะ อดีตผู้สมัคร สว. จังหวัดยโสธร, เมธา มาสขาว ผู้อำนวยการสถาบันสังคมประชาธิปไตย และอุทัย อัตถาพร สว. ในบัญชีรายชื่อสำรอง กลุ่ม 7

นันทนาเสนอเมื่อตอนนี้ สว. ถูกข้อกล่าวหา หยุดการเลือกองค์กรอิสระไว้ก่อนได้ไหม

นันทนา นันทวโรภาส สมาชิกวุฒิสภา (สว.) กล่าวว่า เมื่อได้เป็นหนึ่งใน สว. ชุด 200 คนแล้วก็ทำให้เจ็บช้ำน้ำใจเหลือเกิน เนื่องจาก สว. ชุดนี้ไม่ได้โหวตเห็นชอบกฎหมายตามเสียงของประชาชน กติกาการได้มาซึ่ง สว. ก็วิปริต เนื่องจากกฎหมายออกแบบมาให้ผู้สมัครเลือกกันเองในกลุ่มและเลือกไขว้ ซึ่งผู้สมัครรับเลือกนั้นไม่รู้จักใครเลย รวมทั้งห้ามประชาสัมพันธ์ ห้ามแนะนำตัว จนกระทั่งมีคนนำเรื่องไปฟ้องต่อศาลปกครอง จึงทำให้ผู้สมัครทุกคนสามารถแนะนำตัวได้มากขึ้น

นันทนากล่าวว่า “ดิฉันรู้สึกว่าต้องเข้ามาเป็น สว. เพื่อจะไปแก้กติกาอันนี้ แล้วการแก้กติกาอันนี้เนี่ยมันก็อยู่ในรัฐธรรมนูญฉบับที่รั่วทุกจุด เพราะฉะนั้นไหนๆ ก็เข้ามาแล้ว ถ้าเข้ามาได้ก็จะเข้ามาแก้ตัวที่มันเป็นปัญหา”

หลังการเข้ารับหน้าที่ สว. หลายคนกำลังถูกสอบสวนข้อหาการ “โกงการเลือก” โดย กกต.และ กกต. ชุดใหม่ก็กำลังจะถูกเลือกมา โดยนันทนากล่าวว่า คนไทยหลายคนอยากรู้ว่าเกิดการ “ฮั้วเลือก สว.” ได้อย่างไรและบทสรุปของเรื่องราวนี้จะจบลงอย่างไร ความรู้สึกนี้สะท้อนความไม่เชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม และองค์กรอิสระ ทั้งที่เห็นคนทำผิดแต่ต้องมาสงสัยว่าจะจบอย่างไร ซึ่งมีโอกาสที่คิดไว้หลายทาง เช่น 

ก. จบแบบมวยล้มต้มคนดู อ้างว่าหลักฐานไม่พอเอาผิด ที่หลายคนคิดว่าจะเป็นไปได้ 

ข. กลุ่มสีน้ำเงินถูกดำเนินคดีเล็กๆ น้อยๆ ไม่กี่คน สาวไม่ถึงตัวใหญ่ 

ค. จบแบบสมใจมวลมหาประชาชน คนฮั้วถูกตัดสิทธิทางการเมือง พรรคการเมืองที่เกี่ยวข้องโดนยุบ 

ง. จบแบบหักมุม คือ ทั้งผู้ร้องให้ยุบพรรค รวมถึง DSI ถูกฟ้องกลับ แพ้คดีทั้งหมด 

จ. จบแบบล้มกระดาน เกิดรัฐประหารอีกครั้งหนึ่ง โดยไม่สนใจว่าจะทำให้ประเทศชาติล้มเหลวอย่างไร 

ฉ. จบแบบเกี๊ยะเซี้ยะกันได้ Happy Ending 

นันทนามองว่า มีความเป็นไปได้ตั้งแต่ข้อ ก. ถึง ฉ. แต่ถ้ากระบวนการยุติธรรมเป็นปกติจะไม่มีตัวเลือกแบบนี้แน่นอน การฮั้วมีที่มาจากรัฐธรรมนูญที่มีปัญหา และเป็นต้นตอของปัญหาทั้งปวงจึงต้องเร่งแก้ไข และกล่าวย้ำเตือนว่ากระบวนการเลือกสว.ที่มีผู้สมัครฯ ประมาณ 48,000 คน น้อยกว่าประชากรในเขตเลือกตั้งหนึ่งๆ เสียด้วยซ้ำ สัดส่วนผู้สมัครฯ ที่เลือกกันเองจนได้มาได้สองร้อยคนนั้นไม่ได้ยึดโยงอยู่กับประชาชนเลย ดังนั้นคนกลุ่มคนเล็กๆ จะเป็นตัวแทนของประชาชนเจ็ดสิบล้านคนได้อย่างไร

นันทนากล่าวปิดท้ายว่า “กล่องดวงใจของรัฐธรรมนูญฉบับนี้อยู่ที่องค์กรอิสระ ซึ่งขยายอำนาจไปเรื่อยๆ คำวินิจฉัยผูกพันทุกองค์กร อำนาจเหล่านี้มาจาก สว. ซึ่งไม่ได้มาจากประชาชน จึงเป็นแรงจูงใจให้พรรคการเมืองอยากเป็นเจ้าของ สว. ทำให้องค์กรอิสระไม่เป็นอิสระ แต่เป็นไปตามกำกับของพรรคการเมือง พรรคนั้นจะเป็นเจ้าของประเทศ และเปลี่ยนแปลงทุกอย่างให้บิดเบี้ยวไปได้” 

ท้ายที่สุด นันทนาขอให้ประชาชนร่วมกันสนันสนุนให้เกิดการพูดถึงกรณีที่ สว. จะมีอำนาจในการเลือกผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระอันจะมีหน้าที่มาตรวจสอบ สว. เพราะมองว่ามันไม่สง่างาม มันไม่เหมาะสม และมันไม่ควรใช้อำนาจมากเกินไปจนไม่เห็นหัวประชาชน

สว.สำรองชี้ มีการฮั้วกันมาต้องหยุดทำลายประชาธิปไตย

อุทัย อัตถาพร สว. ในบัญชีรายชื่อสำรอง กลุ่ม 7 เริ่มกล่าวถึงที่มาในการได้รับเลือกเป็นบัญชีรายชื่อสำรองว่า จากกรณีการตั้งข้อหา “โกงการเลือก” อุทัยกล่าวว่าจะต้องใช้ “3 หยุด” ดังนี้ 

1. หยุดการคัดเลือกองค์กรอิสระ โดยที่กลุ่มเครือข่ายองค์กรประชาสังคม กลุ่มเครือข่ายภาคประชาชนต่างๆ จะมีส่วนร่วมในการส่งเสียงให้ สว. หยุดการคัดเลือกองค์กรอิสระ เพราะเขามองว่ามันเป็นวงจรที่เต็มไปด้วยการโกง

2. หยุดการทำลายระบบยุติธรรม อุทัยอธิบายว่า องค์กรอิสระที่เกิดขึ้นนั้นเกิดขึ้นภายใต้รัฐธรรมนูญปี 2540 ซึ่งตามเจตนารมณ์นั้นกำหนดให้เป็นองค์กรที่ทำหน้าที่ตรวจสอบเพื่อให้เกิดการถ่วงดุล จากนั้นจึงได้กล่าวถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม หยุดปฏิบัติหน้าที่ในฐานะผู้กำกับดูแล DSI และรองประธานกรรมการคดีพิเศษ  อุทัยมองว่าตุลาการศาลรัฐธรรมนูญไม่มีอำนาจสั่งการดังกล่าว เปรียบสถานการณ์นี้เหมือนกับเวลาเจ้าหน้าที่ตำรวจไปจับกกลุ่มค้ายาเสพติด พอไปเจอตอใหญ่ๆ ต้นตอเหล่านั้นก็มักจะร้องให้มีการตรวจสอบ และอ้างว่าเจ้าหน้าที่ปฏิบัติโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย 

3. หยุดการทำลาย หลังการโกงที่ทำลายระบบประชาธิปไตย อุทัยอธิบายว่า การคัดเลือกที่มันมีการฮั้วกัน มีการคัดเลือกกันแบบนี้ ใส่เสื้อเหลืองเหมือนกัน พักโรงแรมที่อยุธยา มีการเก็บมือถือตอนประชุมหารือ และลงมติตามโพยของคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง เขามองว่ามีอยู่ 3 ระดับ ระดับการฮั้วลำดับที่ 1 ก็คือฮั้วกันที่เมืองทองธานี 

ฮั้วลำดับที่ 2 ก็คือฮั้วที่รัฐสภา การลงมติต่างๆ ที่มีการล็อกโหวตกัน อย่างที่เมืองทองธานีการฮั้วนั้นมีพยานหลักฐานชัดเจน และจากที่ได้เห็นว่า สว. ที่ได้รับเลือกมานั้นคุณภาพก็เป็นอย่างที่ประชาชนเห็น แต่หากจะกล่าวถึงพยานหลักฐาน อุทัยเห็นด้วยว่าจากการพูดคุยกับนันทนา เขาเชื่อว่าไม่ได้มีโพยใบสั่งเป็นกระดาษอย่างที่ใครหลายคนคิด แต่เป็นการสั่งการผ่านแอพพลิเคชันไลน์มากกว่า เทียบเคียงกับกรณีที่ประชุมวุฒิสภาลงมติลับไม่เห็นชอบให้ สิริพรรณ นกสวน สวัสดี และชาตรี อรรจนานันท์ดำรงตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ อุทัยชี้ว่าคะแนนของการลงมตินั้นใกล้เคียงกับจำนวนสว. สีน้ำเงินที่ผ่านเข้าไปเป็นสว. 

ส่วนฮั้วอันดับที่ 3 คือ การเลือกองค์กรอิสระที่จะลักไก่ สอดแทรกเข้ามาเป็นวาระพิเศษ วาระวิสามัญเพราะฉะนั้นการเลือกองค์กรอิสระของ สว. มันเป็นกระบวนการที่ทำลายประชาธิปไตยโดยพื้นฐาน

📍ร่วมรณรงค์

JOIN : ILAW CLUB

ช่องทางการติดตาม

FACEBOOK PAGE

วิดีโอแนะนำ

Amnestypeople.com
Join iLaw club
Facebook Fanpage