ยุทธศักดิ์: บทสนทนาราคาแพงของคนขับแท็กซี่

ด้วยสภาพการทำงานที่บังคับให้ต้องนั่งอยู่ในห้องโดยสารแคบๆคนเดียวทั้งวัน คนขับแท็กซี่หลายๆคน จึงมักจะชวนผู้โดยสารคุย เพื่อคลายความเหงา บทสนทนาของคนขับแท็กซี่กับผู้โดยสารก็มักเป็นเรื่องทั่วๆไป อย่างลมฟ้าอากาศ กีฬา เรื่องปากท้อง ไปจนถึงเรื่องการเมือง บทสนทนาระหว่างผู้โดยสารกับคนขับแท็กซี่คงไม่ใช่เรื่องพิเศษหรือมีอะไรน่าจดจำ ถึงที่หมายจ่ายค่าโดยสารก็ลืมกันไป ยุทธศักดิ์เองก็คงหวังให้บทสนทนาเรื่องการเมืองระหว่างเขากับผู้โดยสารคนหนึ่งเป็นเช่นนั้น เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นจริง คือยุทธศักดิ์กำลังรับโทษจำคุกด้วยมาตรา 112 เพราะบทสนทนาที่ออกรสเกินไป       
————————————————————————————————-
ยุทธศักดิ์ เป็นคนขับรถแท็กซี่ธรรมดาๆคนหนึ่ง รถแท็กซี่ที่เขาขับเช่ามาจากอู่แห่งหนึ่งในย่านห้วยขวาง ยุทธศักดิ์ไม่เคยไปร่วมชุมนุมทางการเมือง ไม่ว่ากับเสื้อสีใด เนื่องจากต้องทำมาหากิน
8 มกราคม 2557 ยุทธศักดิ์รับผู้โดยสารคนหนึ่งจากซอยสุขุมวิท 55 ไปส่งที่ซอยอารีย์ ช่วงนั้น บรรยากาศทางการเมืองกำลังคุกรุ่น มีการชุมนุมยืดเยื้อเพื่อประท้วงรัฐบาล การเมืองจึงกลายเป็นส่วนหนึ่งของบทสนทนาระหว่างยุทธศักดิ์กับผู้โดยสาร แม้ว่าเครื่องปรับอากาศจะทำให้อากาศในรถจะเย็นสบาย แต่บทสนทนาระหว่างยุทธศักดิ์กับผู้โดยสารก็ทำให้บรรยากาศในรถร้อนระอุขึ้นมา เมื่อการถกเถียงในประเด็นการเมืองเริ่มร้อนแรงขึ้น และมีการพาดพึงถึงสถาบันฯ ผู้โดยสารก็ใช้โทรศัพท์บันทึกบทสนทนาไว้ เมื่อยุทธศักดิ์ขับรถไปส่งผู้โดยสารถึงที่หมาย เขาก็ขับรถจากไปโดยไม่ได้เอะใจเลยว่า การถกเถียงประเด็นการเมืองระหว่างเขากับผู้โดยสาร จะกลายเป็นหลักฐานที่ใช้ในการดำเนินคดีเขาในเวลาต่อมา
ผู้โดยสารนำคลิปเสียงบทสนทนาระหว่างเธอกับยุทธศักดิ์ไปมอบให้พนักงานสอบสวนหลังเกิดเหตุ 1 วัน แต่หลังจากนั้นก็ยังไม่มีการจับกุม ยุทธศักดิ์ยังคงใช้ชีวิตและทำมาหากินตามปกติ จนกระทั่งมีการรัฐประหารในปลายเดือนพฤษภาคม และมีการเร่งรัดนำตัวผู้ถูกกล่าวโทษในคดี 112 มาเข้ากระบวนการยุติธรรม ยุทธศักดิ์จึงถูกจับกุมในวันที่ 2 มิถุนายน 2557 เขาถูกควบคุมตัวจากบริเวณใกล้ๆอู่แท็กซี่ย่านห้วยขวางไปที่สถานีตำรวจนครบาลพญาไท ซึ่งเป็นที่ๆผู้โดยสารมาร้องทุกข์ไว้ 
ยุทธศักดิเป็นโรคเบาหวาน ต้องฉีดอินซูลินเป็นประจำ หลังนอนที่โรงพักได้หนึ่งคืนเขาก็จำเป็นต้องฉีดอินซูลินอีกครั้ง จึงได้ประสานขอให้เพื่อนที่ขับแท็กซี่อู่เดียวกันนำมาให้ ยุทธศักดิ์ขออนุญาตร้อยเวรที่เฝ้าห้องควบคุมตัวฉีดยา แต่ไม่ได้รับอนุญาต เพราะร้อยเวรเกรงว่า หากยุทธศักดิ์เป็นอะไรไปก็จะต้องรับผิดชอบ ยุทธศักดิ์พยายามอธิบายว่าเขาฉีดยาเองเป็นประจำอยู่แล้ว และหากไม่ได้ฉีดอาการจะกำเริบ แต่ร้อยเวรไม่ยอม ยืนยันว่าต้องให้แพทย์มาฉีดให้เท่านั้น ซึ่งก็คงเป็นไปได้ยาก สุดท้ายยุทธศักดิ์จึงขอให้ร้อยเวรติดต่อพนักงานสอบสวนเจ้าของสำนวนเพื่อขออนุญาต ซึ่งพนักงานสอบสวนก็เข้าใจและบอกกับร้อยเวรว่าให้ยุทธศักดิ์ฉีดยาได้ ยุทธศักดิ์จึงถูกนำตัวออกมานอกห้องขังชั่วคราวเพื่อให้ฉีดยาได้สะดวก 
ในวันเดียวกันนี้มีคนขับแท็กซี่คนหนึ่ง ซึ่งไม่เคยรู้จักกับยุทธศักดิ์มาก่อน หิ้วขนมและน้ำมาฝากยุทธศักดิ์ โดยบอกว่ามาเยี่ยมในฐานะเพื่อนร่วมอาชีพ ร้อยเวรผู้รับฝากของอนุญาตให้ยุทธศักดิ์นำขนมและน้ำบรรจุขวดพลาสติกเข้าไป แต่ไม่อนุญาตให้นำเครื่องดื่มบรรจุกระเป๋องเข้าไป โดยอธิบายว่าเป็นระเบียบของโรงพักเพราะกระป๋องน้ำอัดลมอาจใช้เป็นอาวุธได้  
ยุทธศักดิ์ถูกควบคุมตัวที่สถานีตำรวจอยู่สองคืน เจ้าหน้าที่ก็นำตัวเขาไปที่ศาลอาญาในวันที่ 4 มิถุนายน เพื่อขออำนาจศาลฝากขัง ทันทีที่มาถึงศาลในช่วงเที่ยงยุทธศักดิ์ก็รีบประสานให้ญาติมายื่นประกันตัว ยุทธศักดิ์รอญาติซึ่งอยู่ไกลถึงฝั่งธนอย่างกระวนกระวายใจ เพราะหากญาติมายื่นเอกสารไม่ทัน เขาก็ต้องเข้าไปอยู่ในเรือนจำ เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้าจนกระทั่งราวบ่ายสามโมง ชายชรากับหญิงวัยกลางคน ซึ่งเป็นญาติห่างๆของยุทธศักดิ์เดินทางมาที่ศาล
ทันทีที่มาถึง ญาติของยุทธศักดิ์ก็รีบลงไปที่ห้องขังใต้ถุนศาล การพูดคุยของยุทธศักดิ์กับญาติเป็นไปอย่างยากลำบาก ระยะห่างจากห้องขังและเขตที่กั้นไว้ให้ญาติยืน ห่างกันราว 2 เมตร ขณะที่โทรศัพท์สายตรงที่ต่อไว้ให้คนด้านในและด้านนอกคุยกันก็ใช้ไม่ได้ ญาติและผู้ถูกควบคุมตัวจึงต้องตะโกนคุยกันท่ามกลางเสียงดังอึงอื้อตลอดเวลา ยุทธศักดิ์จึงทำได้แค่กับญาติตะโกนทักทายกันสั้นๆ ก่อนที่ญาติจะรีบขึ้นมาเพื่อยื่นหลักทรัพย์ประกันตัว 
ชายชราซึ่งแทนตัวว่า “อาเจ็ก” เล่าว่า ตอนนี้ยุทธศักดิ์ไม่มีใคร เพราะแยกออกมาอยู่ตัวคนเดียวหลายปีแล้ว อาเจ๊กเองก็ไม่ได้เจอหน้าเขามานานแล้ว แต่ก็เป็นญาติคนเดียวที่ยังติดต่อกันอยู่บ้าง เจ้าหน้าที่ศาลผู้รับคำร้องขอประกันตัวช่วยเหลือญาติของยุทธศักดิ์ซึ่งไม่รู้เรื่องกฎหมายและไม่เคยขึ้นโรงขึ้นศาลในการเขียนคำร้องเป็นอย่างดีแต่ก็บอกว่า คงยากที่ศาลจะให้ประกันตัว
… ซึ่งก็เป็นเช่นนั้น …. 
หลังจากนั่งรอคำสั่งศาลได้ประมาณชั่วโมงเศษ เจ้าหน้าที่ศาลก็เรียกญาติของยุทธศักดิ์ไปที่หน้าเคาเตอร์พร้อมกับแจ้งว่า ศาลยกคำร้องประกันตัว เพราะคดีหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ฯ เป็นคดีร้ายแรง กระทบกระเทือนต่อจิตใจประชาชน และมีโทษสูง หากปล่อยตัวไปเกรงว่าจะมีการหลบหนี     
เมื่อญาติบอกยุทธศักดิ์ว่าเขาไม่ได้ประกันตัว ยุทธศักดิ์ก็ตะโกนขอบคุณอาเจ็กและลูกสาวของอาเจ็กที่ช่วยเดินเรื่องประกันให้ พร้อมกับสั่งเสีย ว่าให้ช่วยจัดการเรื่องห้องเช่ารวมทั้งทรัพย์สินในห้องพัก เพราะตนเองคงจะไม่ได้กลับไปอีกนาน
———————————————————-
ยุทธศักดิ์ถูกศาลพิพากษาในเดือนสิงหาคม 2557 ว่ามีความผิดตามมาตรา 112 และถูกตัดสินจำคุก 5 ปี แต่ศาลลดโทษเหลือ 2 ปี 6 เดือน เพราะยุทธศักดิ์รับสารภาพ ทุกวันนี้คนขับแท็กซี่แปลกหน้าที่ส่งขนมและน้ำให้ยุทธศักดิ์ที่สถานีตำรวจยังเดินทางไปเยี่ยมยุทธศักดิ์ที่เรือนจำอยู่บ่อยๆ
หากเรื่องนี้ทำให้คุณอยากรู้รายละเอียดของคดี คลิกที่นี่เพื่อเข้าสู่ฐานข้อมูลของเรา