ศึกเลือกตั้งองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2568 นับเป็นสนามวัดพลังและความนิยมทางการเมืองของพรรคการเมืองต่างๆ ก่อนการเลือกตั้งทั่วไปในปี 2570 เนื่องจากการเลือกตั้ง อบจ. เป็นสนามการเมืองท้องถิ่นที่มีขนาดใหญ่ที่สุดใช้ทั้งจังหวัดเป็นเขตเลือกตั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเลือกตั้งนายก อบจ.
หลังจากการเลือกตั้งทั่วไปในปี 2566 มีการวัดพลังของพรรคการเมืองต่างๆ ผ่านการเลือกตั้งนายก อบจ. ใน 26 จังหวัด ผลการเลือกตั้งพบว่า 21 จังหวัด นายก อบจ.คนเดิม หรือนายกคนใหม่ในเครือข่ายนายก อบจ.คนเดิมยังรักษาแชมป์ไว้ได้ ขณะที่มีเพียง 5 จังหวัดเท่านั้นที่เปลี่ยนขั้วการเมืองท้องถิ่นในจังหวัดได้ ทั้งนี้นายก อบจ.ที่ชนะเลือกตั้งทั้ง 26 จังหวัด เกี่ยวข้องกับพรรคเพื่อไทย 10 จังหวัด และพรรคภูมิใจไทย 10 จังหวัด
สำหรับการเลือกตั้ง อบจ. วันเสาร์ที่ 1 กุมภาพันธ์นี้ จะมีการเลือกนายก อบจ. 47 จังหวัด โดยมีพรรคที่ส่งผู้สมัครอย่างเป็นทางการ หรือผู้สมัครนายก อบจ.บางคนก็มีเครือข่ายพรรคการเมืองต่างๆ สนับสนุนอยู่
เราทำข้อมูลผู้สมัครนายก อบจ.แยกเป็นรายภาคเพื่อให้เห็นว่าแต่ละพรรคเน้นในพื้นที่ที่ไหนและพรรคไหนลงสมัครแข่งกันบ้าง
ภาคเหนือ
การเลือกตั้งนายก อบจ.ภาคเหนือ เกิดขึ้นใน 7 จังหวัด โดยพรรคเพื่อไทยส่งลงมากที่สุด 6 จังหวัด และมีถึง 5 จังหวัด ที่ลงสนามในฐานะเจ้าของเก้าอี้เดิม มีเพียงจังหวัดเดียว คือจังหวัดเชียงรายที่พรรคเพื่อไทยต้องต่อสู้กับแชมป์เก่าภายใต้แรงหนุนจากพรรคภูมิใจไทย
ขณะที่พรรคประชาชนซึ่งได้คะแนน สส.บัญชีรายชื่อ และ สส.เขตจำนวนมากในภาคเหนือ ส่งนายก อบจ. ลงใน 3 จังหวัด โดยสนามที่เป็นไฮไลท์ของภาคเหนือคือ จังหวัดเชียงใหม่ ที่แกนนำของทั้งพรรคเพื่อไทยและพรรคประชาชนต่างลงไปช่วยหาเสียงกันอย่างคึกคัก ขณะที่จังหวัดแม่ฮ่องสอนเป็นเพียงจังหวัดเดียวที่ 2 พรรคการเมืองใหญ่ ไม่ได้ส่งผู้สมัครนายก อบจ.

ภาคอีสาน
การเลือกตั้งนายก อบจ.ในภาคอีสานมีทั้งหมด 11 จังหวัด โดยพรรคเพื่อไทยส่งผู้สมัครมากที่สุด คือ 8 จังหวัด และมีอีก 2 จังหวัดอยู่ในเครือข่ายพรรคเพื่อไทย อย่างไรก็ตามในสนามท้องถิ่นอีสาน พรรคเพื่อไทยกลับมีแชมป์เก่าแค่คนเดียวคือ ที่จังหวัดนครราชสีมา ขณะที่พรรคคู่แข่งอย่างเครือข่ายพรรคภูมิใจไทย ลงสนามใน 6 จังหวัด และเป็นอดีตนายกที่ลงรักษาเก้าอี้ถึง 5 คน ขณะที่สนามนายก อบจ. ที่จังหวัดอำนาจเจริญก็เป็นผู้สมัครนายก อบจ. คนใหม่ในเครือข่ายนายก อบจ.คนเดิม ขณะที่พรรคประชาชนส่งผู้สมัครนายก อบจ.เพียงจังหวัดเดียว คือ จังหวัดมุกดาหาร

ภาคตะวันออก
ภาคตะวันออกมีการเลือกตั้งนายก อบจ. จำนวน 7 จังหวัด พรรคประชาชนส่งผู้สมัครอย่างเป็นทางการมากที่สุดถึง 6 จังหวัด ยกเว้นจังหวัดฉะเชิงเทรา ในการเลือกตั้งปี 2566 พรรคประชาชนถือว่าที่นั่ง สส. ภาคตะวันออกได้เป็นส่วนใหญ่และสามารถเหมา สส.ได้ยกจังหวัดในจังหวัดระยอง จันทบุรี และตราด ขณะที่จังหวัดชลบุรีเองก็กวาด สส.ไปเกินครึ่งจังหวัด และมี สส.ในทุกจังหวัดยกเว้นจังหวัดนครนายก แต่ในการเลือกตั้งนายก อบจ. ปี 2668 พรรคประชาชนได้ จักรพันธ์ จินตนาพากานนท์ อดีตนายก อบจ.สมัยที่แล้วมาร่วมทีมเพื่อรักษาเก้าอี้นายก อบจ.ต่ออีกสมัย โดยมีคู่แข่งสำคัญ นิดา ขยายงาม อดีตรองประธานสภา อบจ.นครนายก ที่คาดว่าได้แรงหนุนจาก สส.นครนายก พรรคเพื่อไทย และอดีต สส.นครนายก พรรคภูมิใจไทย
ขณะที่พรรคเพื่อไทยส่งผู้สมัครอย่างเป็นทางการเพียงแค่คนเดียว คือ ณภาภัช อัญชสาณิชมน อดีต ส.อบจ.ปราจีนบุรี โดยมีคู่แข่งคนสำคัญ อำไพ กองมณี ที่คาดว่าเป็นตัวแทนของบ้านใหญ่ตระกูลวิลาวัลย์ สังกัดพรรคภูมิใจไทย อย่างไรก็ตามเครือข่ายบ้านใหญ่ในภาคตะวันออกอย่างน้อย 3 จังหวัด ก็อยู่ในเครือข่ายของพรรคเพื่อไทยคือ จังหวัดชลบุรีของ “ตระกลูคุณปลื้ม” และจังหวัดตราดที่มีวิเชียร ทรัพย์เจริญ นายก อบจ. 6 สมัย ลงรักษาเก้าอี้ โดยมีคู่แข่งสำคัญคือพรรคประชาชน อีกจังหวัดคือจังหวัดฉะเชิงเทรา ที่ส่งคนใน “ตระกลูฉายแสง” โดยความยิมยอมพร้อมใจของบ้านใหญ่ทุกหลังและทุกพรรคการเมืองในจังหวัด

ภาคกลาง/ตะวันตก
การเลือกตั้ง อบจ. ภาคกลางและตะวันตก มีทั้งหมด 11 จังหวัด เครือข่ายพรรคพลังประชารัฐ ลงสนามในฐานะแชมป์เก่าใน 4 จังหวัด โดยมี 2 จังหวัด คือ จังหวัดสมุทรปราการและสมุทรสงคราม มีคู่ท้าชิงจากพรรคประชาชน ซึ่งสามารถยึดเก้าอี้ สส.ได้ทั้งจังหวัดในปี 2566 ขณะที่พรรคเพื่อไทยไม่ได้ส่งผู้สมัครนายก อบจ.ลงในพื้นที่ภาคกลางและตะวันตกเลย แต่มีผู้สมัครนายก อบจ. ที่เป็นเครือข่ายลงสมัครอยู่ 6 จังหวัด และจำนวน 3 จังหวัดคืออดีตนายก อบจ. โดยจังหวัดที่นับว่าเป็นไฮไลท์อยู่ที่จังหวัดสุพรรณบุรี ที่อดีตนายก อบจ. บุญชู จันทร์สุวรรณ ที่เคยเป็นเครือข่ายเดียวกับพรรคชาติไทยพัฒนา ได้รับสนับสนุนจากแกนนำพรรคเพื่อไทยและแกนนำเสื้อแดง เพื่อสู้กับผู้สมัคร นายก อบจ.จากพรรคชาติไทยพัฒนา ซึ่งเป็นผู้สมัครคนเดียวที่พรรคชาติไทยพัฒนาส่งลงเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ

ภาคใต้
การเลือกตั้งนายก อบจ. ในสมรภูมิภาคใต้มีทั้งหมด 11 จังหวัด มีเพียงพรรคประชาชนเท่านั้นที่ส่งผู้สมัครนายก อบจ. อย่างเป็นทางการจำนวน 4 จังหวัด ขณะที่พรรคเพื่อไทยไม่ได้ส่งผู้สมัครเลย นอกจากนี้สนามภาคใต้ยังเป็นพื้นที่ที่ไม่พรรคใดผูกขาดอีกแล้ว นับตั้งแต่พรรคประชาธิปัตย์หมดความนิยมลงไป เครือข่ายพรรคภูมิใจไทยภายใต้การดูแลของพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน มีผู้สมัครนายก อบจ. ในเครือข่ายอย่างน้อย 7 จังหวัด และมีแชมป์เก่าอยู่ 3 จังหวัด ขณะที่เครือข่ายพรรคประชาธิปัตย์ ลงแข่งขันอย่างน้อย 4 จังหวัด และเป็นแชมป์เก่าอยู่ 3 จังหวัด ส่วนในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้เครือข่ายพรรคประชาชาติ 3 คน คืออดีตนายก อบจ. เช่นกัน
