ขนุน-สิรภพยิ้มสู้ให้คำพิพากษาคดี 112 ที่มีธงกับข้อเท็จจริงที่ ‘เขา’ ไม่อยากฟัง

วันที่ 7 มีนาคม 2567 เวลา 15.00 น. ในกิจกรรม Stand together ส่งใจให้ผู้ต้องหา ก่อนเผชิญคำพิพากษา 112 ในเดือนมี.ค. 67  ขนุน-สิรภพ พุ่มพึ่งพุทธ นักกิจกรรมทางการเมืองมาแบ่งปันประสบการณ์ก่อนการเข้าสู่วงการนักกิจกรรมทางการเมืองและการถูกดำเนินคดีมาตรา 112 จากการปราศรัยเรื่องสถาบันกษัตริย์ที่หน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติเมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2563 ซึ่งศาลอาญากรุงเทพใต้นัดฟังคำพิพากษาในวันที่ 25 มีนาคม 2567

ขนุนเล่าถึงภูมิหลังของตนเองก่อนการชุมนุมในปี 2563 ว่า เป็นเด็กธรรมดา ไม่รู้การเมืองอะไรเลย ในช่วงการรัฐประหารก็มีการพูดถึงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาในแง่ที่ขบขันแต่ไม่รู้ว่ากระทบกับชีวิตอย่างไร จุดเปลี่ยนคือไปร่วมกิจกรรมของเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยที่ทำให้รู้ว่า เขาไม่ได้รู้อะไรเลย ต่อมาเขารู้จักกลุ่มการศึกษาเพื่อความเป็นไท มีการร่วมเรียกร้องและทำกิจกรรมต่างๆ ตั้งแต่ช่วงก่อนการชุมนุมในปี 2563

ขนุน-สิรภพยิ้มสู้ให้คำพิพากษาคดี 112 ที่มีธงกับข้อเท็จจริงที่ ‘เขา’ ไม่อยากฟัง

จากการเก็บข้อมูลการชุมนุมตั้งแต่ปี 2563 ขนุนจัดการชุมนุมขนาดเล็กด้วยตัวเองที่มีลักษณะเสียดสีการเมือง เช่น การชุมนุมเสียดสี “สวน” ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยในเดือนกรกฎาคม 2563 ที่เขามองว่า การนำกระถางต้นไม้มาวางเต็มพื้นที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยเหมือนไม่อยากให้คนใช้ลาน จึงมีไอเดียจัดกิจกรรมเสียดสีด้วยการไปตะโกนว่า “สวนสวยจริงๆ” จากนั้นเขาเข้าร่วมการชุมนุมเรื่อยมาและปราศรัยในการชุมนุมขนาดเล็ก ขนุนเป็นหนึ่งในนักกิจกรรมที่ถูกจับกุมตามหมายจับในช่วงคลื่นการชุมนุมปี 2563

ความรู้สึกตอนที่ถูกจับกุมครั้งแรกเขาบอกว่า “ทุกคนมีครั้งแรกมักจะน่ากลัว แต่พอเราผ่านมันไปได้มันคือการเรียนรู้ อย่างครั้งแรกที่ผมโดนก็คือตอนนั้นก็หลังจากการชุมนุม…พี่ๆตำรวจอีกหลายสิบคนมาล้อมหน้าบ้าน ก็โอเคถือว่านอนก่อนเอาแรง ยังไงพรุ่งนี้ไม่รอดอยู่แล้ว…ตอนแรกก็ไปตชด.กัน คือมันตลกถ้าเกิดเราพูดตอนนั้น แต่ถ้าเกิดตอนนั้นโคตรกลัวเลยมันคือความกลัวอย่างหนึ่ง คือเราไม่รู้ว่าเราต้องโดนอะไร เราไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นยังไง เพราะตอนนั้นเป็นคดีแรกของเราแล้วคดีแรกเปิดมาเป็นหมายจับเลย เป็นหมายจับสองใบ ใบแรกเป็นหมายจับของสน.ปทุมวันและใบที่สองเป็นของลุมพินี”

เขาเล่าเหตุที่นำสู่การถูกดำเนินคดีมาตรา 112 จากการปราศรัยเรื่องสถาบันกษัตริย์ที่หน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นเหตุการณ์ต่อเนื่องกันในวันที่ 17 พฤศจิกายน 2563 ที่มีการสลายการชุมนุมที่หน้ารัฐสภา มีการใช้แก๊สน้ำตา การปะทะกับกลุ่มคนเสื้อเหลืองหรือฝ่ายปกป้องสถาบันฯ และมีผู้ชุมนุมถูกยิง วันนั้นทำให้เกิดกระแสความโกรธและนัดชุมนุมที่หน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติในวันถัดมา “เราก็ไปด้วยความโกรธในช่วงเวลานั้นก็พูดออกไปถึงปัญหาการเมืองไทย ในเรื่องของการไม่สามารถเปลี่ยนผ่านไปสู่ประชาธิปไตย” หรือประเด็นแวดล้อมเกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์ และวันถัดมาพล.อ.ประยุทธ์ประกาศใช้กฎหมายทุกบททุกมาตรา ทำให้เขาถูกดำเนินคดีตามมาตรา 112 โดยขนุนถือเป็นจำเลยชุดแรกๆ 

ซึ่งเป็นเหตุจากการปราศรัยดังกล่าว และคดีนี้ทำให้เขาต้องเข้าเรือนจำครั้งแรกในช่วงนัดฟังคำสั่งฟ้องเดือนพฤษภาคม 2564 โดยไม่คาดคิดมาก่อนและไม่มีครอบครัวอยู่ด้วย

“อยู่ห้องเวรชี้ผู้พิพากษาก็บอกว่า ไม่ให้ประกันนะแล้วก็ยิ้มแหยะๆ  คือแบบผมก็ ฮะ! แล้วก็ทุกอย่างมันเกิดขึ้นไวมากผมก็รีบเขียนจดหมายไว้ อย่าเรียกจดหมายเลยคือตอนนั้นแบบมีอะไรเขียนได้เขียนไว้หมดเพราะว่าตอนนั้นตำรวจแบบอยู่ข้างหลังแล้วบอกว่า ไปเข้าห้องนู้นกันนะ ผมยังไม่ได้ทำอะไรเลยก็ยังไม่ได้เตรียมตัวอะไรเลยสักอย่างเลยไม่ได้บอกใคร ไม่ได้พูดอะไรกับใคร ผมแค่บอกทุกคนว่าเอ้ยเดี๋ยวก็ได้ออกมาไม่มีอะไรหรอก…ก็คงประมาณนี้ก็คือมันน่ากลัวการได้เข้าไปไม่มีประสบการณ์หลายๆอย่าง…คือมันน่ากลัวในช่วงเวลาแรกแต่พอเราเรียนรู้มันคือเราต้องปรับตัวถ้าเรากลัวอยู่อย่างนั้น เราก็ไม่ได้ใช้ชีวิตไม่ได้ทำอะไรต่อ”

ในส่วนของเตรียมตัวไปฟังคำพิพากษา “ผมคงแค่ยิ้มสู้เพราะคดีนี้ผมสู้ด้วยรอยยิ้มอยู่ตลอด คือผมเข้าไป มันจะมีเนื้อหาต้องสู้ ผมก็สู้ตามข้อเท็จจริงทุกอย่างเลย ท้ายที่สุดคือ คดี 112 มันไม่ได้สู้ด้วยข้อเท็จจริง แต่เขามีธงไว้อยู่แล้วเราไม่ได้สู้ด้วยข้อเท็จจริง เขาไม่อยากฟังอยู่แล้วตั้งแต่แรกเลยกลายเป็นว่ามันเป็นคดีที่สู้ไปก็ไม่ได้รู้ผลอะไรอีกแล้วเพราะเขาไม่ได้ฟังเราตั้งแต่แรก แต่อย่างน้อยคดีนี้ก็อาจจะมีหวังก็อยากให้รอฟังความหวังที่จะเกิดขึ้นกับการต่อสู้คดี ทั้งพี่ทนายที่ค่อนข้างที่จะเหนื่อยในการสู้คดีกับผมเพราะว่าผมให้เอาเอกสารอะไรไม่รู้แบบเยอะแยะมากมายแบบเอกสารค่อนข้างวิชาการไปสู้หรือพยานที่มาเบิกความ

แต่ถ้าเกิดอยากจะพูดก็คือคงไม่ได้เตรียมใจอะไรมากเพราะว่าวันนั้นผมคงหน้าชาถ้าได้รู้ว่าข่าวแย่ แต่ถ้าเกิดข่าวดีอาจจะไม่เต้นในนั้นอาจจะไปเต้นข้างนอก คงจะมีความสุขแสดงออกอะไรสักอย่างหนึ่ง แต่หวังว่า เป็นข่าวดีสำหรับทุกคน”

ย้อนฟังทั้งหมดที่นี่