แถลงการณ์ “จับตาเอฟทีเอ: ยุคสมัยที่มาตรา 190 หายไปจากรัฐธรรมนูญ”

แถลงการณ์ “จับตาเอฟทีเอ: ยุคสมัยที่มาตรา 190 หายไปจากรัฐธรรมนูญ”
ขณะนี้ทางรัฐบาลของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กำลังเตรียมการเพื่อรื้อฟื้นการเจรจาความตกลงการค้าเสรีระหว่างไทยและสหภาพยุโรป (เอฟทีเอ ไทย-อียู) และขอเข้าร่วมเป็นสมาชิกความตกลงที่ครอบคลุมและก้าวหน้าสำหรับหุ้นส่วนทางเศษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (CPTPP) ซึ่งทั้งสองความตกลงนี้จะมีผลกระทบต่อเกษตรกรทั้งจากการผูกขาดเมล็ดพันธุ์ การเปิดตลาดนำเข้าสินค้าเกษตรจากต่างประเทศให้มากกว่าที่เป็นอยู่ กระทบต่อระบบหลักประกันสุชภาพถ้วนหน้าและการเข้าถึงยาของประชาชน กระทบต่อการกำหนดนโยบายด้านการสาธารณสุข สังคม สิ่งแวดล้อมและการคุ้มครองผู้บริโภค และยังกระทบต่อผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อมของไทยหากต้องเปิดการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐที่เป็นเครื่องยนต์เศรษฐกิจที่สำคัญของไทยให้กับผู้ประกอบการจากต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม งานวิจัยและเตรียมความพร้อมเพื่อเข้าเจรจาขณะนี้ กลับมีความชัดเจนแค่ตัวเลขการส่งออกและรายได้ที่จะเพิ่มขึ้น แต่ผลกระทบที่จะเกิดขึ้น ยังไม่มีการพิจารณาลงรายละเอียดมากเพียงพอที่จะเปรียบเทียบผลได้และผลเสียอย่างชัดเจน
จากงานศึกษาวิจัยที่สนับสนุนโดยสำนักงานคณะกรรมการสมัชชาสุภาพแห่งชาติ ด้านผลกระทบต่อการเข้าถึงยาและระบบหลักประกันสุขภาพ ประเทศไทยจะต้องสูญเสียงบประมาณซื้อยาในราคาแพงขึ้น 27,833 ล้านบาท ถ้ายอมรับเงื่อนไขขยายการคุ้มครองสิทธิบัตรอีก 5 ปี และประเทศไทยจะมีค่าใช้จ่ายด้านยาแพงขึ้น 81,356 ล้านบาท ถ้ายอมตกลงในเรื่องการผูกขาดข้อมูลยานาน 5 ปี  ตามที่สหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรปเคยเรียกร้องในการเจรจาความตกลงเขตการค้าเสรีฉบับต่างๆ ที่หยุดชะงักไป
ด้านการเกษตร เกษตรกรจะต้องมีต้นทุนการผลิตในเรื่องเมล็ดพันธุ์ที่แพงขึ้น 84,000 ล้านบาทถึง 143,000 ล้านบาท ถ้าไทยยอมรับข้อผูกมัดที่ต้องเข้าร่วมหรือนำมาตรการในสนธิสัญญายูปอพ 1991 มาบังคับใช้ ซึ่งจะก่อให้เกิดการผูกขาดเมล็ดพันธุ์ เกษตรกรไม่สามารถเก็บเมล็ดพันธุ์และส่วนขยายพันธุ์ไปเพาะปลูกต่อได้
ทั้งนี้ กลุ่มศึกษาช้อตกลงเขตการค้าเสรีภาคประชาชน (เอฟทีเอว็อทช์) ซึ่งติดตามการเจรจาการค้าเสรีและการแก้ไขรัฐธรรมนูญตลอดสองทศวรรษที่ผ่านมา พบว่า เป็นเพราะเนื้อหารัฐธรรมนูญแห่งราอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 ในส่วนของการจัดทำหนังสือสัญญาระหว่างประเทศนั้น ล้าหลังที่สุดเท่าที่เคยมีมา โดยดึงอำนาจการตัดสินใจทั้งหมดไปอยู่ที่ฝ่ายบริหาร ตัดการตรวจสอบจากฝ่ายนิติบัญญัติ ตัดเนื้อหาเชิงกระบวนการประชาธิปไตย นั่นคือตัดการมีส่วนร่วมของประชาชนในการกำหนดนโยบายสาธารณะ ยิ่งไปกว่านั้นยังเปลี่ยนการเยียวยาที่รวดเร็ว เหมาะสม เป็นธรรม เป็นแค่การเยียวยาเท่าที่จำเป็นโดยไม่จำเป็นต้องคำนึงถึงความเป็นธรรมระหว่างผู้ที่ได้ประโยชน์กับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการปฏิบัติตามหนังสือสัญญานั้น นอกจากนี้ เดิมจะต้องมีงานวิจัยรองรับการเจรจา แต่เมื่อไม่มีความจำเป็นต้องให้ข้อมูลแก่ประชาชนก่อนการเจรจาและไม่จำเป็นต้องให้ข้อมูลแก่รัฐสภาด้วยการนำเสนอกรอบการเจรจาต่อรัฐสภาเพื่อพิจารณา งานวิจัยที่มีคุณภาพอาจไม่ได้ถูกสนับสนุนให้ทำและนำไปใช้เพื่อพิจารณาทำความตกลงอย่างเต็มที่
“หากก่อนหน้านี้ใครบอกว่า รัฐบาลทักษิณเจรจาเอฟทีเอแบบไม่สนใจใคร จนผลได้กระจุกในกลุ่มทุนใกล้ชิดรัฐบาล แต่ผลเสียกระจายไปทั่ว ดังที่เห็นจากผลกระทบจากสินค้าเกษตรนำเข้าต่างๆ ที่ขณะนี้เกษตรกรไทยกำลังเผชิญกับภาวะความยากลำบากอย่างยิ่ง หรือ ผลกระทบจากการรับขยะสารพิษ พลาสติก และขยะต่างๆเข้ามาในประเทศไทย รับตั้งแต่ความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจไทยและญี่ปุ่น (JTEPA) เป็นต้นมา สิ่งเหล่านี้ จะหวนกลับมาอีกครั้งในการเจรจาเอฟทีเอฉบับใหญ่ๆตามรัฐธรรมนูญฉบับนี้”
กลุ่มศึกษาช้อตกลงเขตการค้าเสรีภาคประชาชน (เอฟทีเอว็อทช์) ขอเป็นอีกหนึ่งแรงสนับสนุนและช่วยผลักดันการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ และในส่วนของการเจรจาหนังสือสัญญาระหว่างประเทศนั้น กระบวนการธรรมาภิบาลซึ่งประกอบด้วยการศึกษาผลกระทบของการจัดทำความตกลง การรับฟังความคิดเห็นของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียและประชาชนที่เกี่ยวข้องที่ไม่ได้ลดประสิทธิภาพการเจรจา และการตรวจสอบการเจรจาของฝ่ายนิติบัญญัติจะต้องกลับมาเป็นหลักการสำคัญในรัฐธรรมนูญเพื่อนำไปสู่การตรวจสอบนโยบายสาธารณะและสร้างธรรมาภิบาลในการทำหนังสือสัญญาระหว่างประเทศ แน่นอนว่า เราจะเผชิญความยากลำบากในการผลักดันเรื่องนี้ร่วมกับภาคีต่างๆ แต่ที่ผ่านมาก็ไม่เคยง่าย เพื่อไม่ให้ผลได้กระจุกตัวแต่ในกลุ่มทุนชนชั้นนำ แล้วปล่อยให้สาธารณชนไทยแบกรับผลเสียอีกต่อไป
กลุ่มศึกษาข้อตกลงเขตการค้าเสรีภาคประชาชน
(เอฟทีเอ ว็อทช์)
21 มกราคม 2563
You May Also Like
อ่าน

ข้าราชการลาออกชั่วคราวเพื่อลงสมัคร สว. 67 ได้

กฎหมายหลายฉบับได้เปิดช่องให้ข้าราชการปัจจุบันสามารถลาออกเพื่อสมัครเป็น สว. ได้โดยมีผลทันทีนับแต่วันที่ยื่นลาออก และหากไม่ได้รับการเลือกเป็น สว. ก็ยังมีทางเลือกสามารถกลับไปรับราชการได้ตามเดิมเช่นกัน
อ่าน

5 คูหา เปลี่ยนประเทศไทย: ปฏิทินแห่งความหวังสู่รัฐธรรมนูญใหม่

17 มีนาคม 2567 านเสวนา “5 คูหา เปลี่ยนประเทศไทย: ปฏิทินแห่งความหวังสู่รัฐธรรมนูญใหม่” ชวนมองไปข้างหน้า เดินหน้าเขียนรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ มีกระบวนการอย่างไร ประชาชนจะทำอะไรได้บ้าง รวมถึงการเลือก สว. ชุดใหม่