คนจนที่ถูกบดบังด้วยสิ่งปลูกสร้างทางเศรษฐกิจใต้เงา คสช.

ข้อมูลโดย เครือข่ายสลัมสี่ภาค 

หลังจากการยึดอำนาจของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เมื่อ 22 พฤษภาคม 2557 และกลายเป็นรัฐบาลบริหารประเทศ คสช. เร่งผลักดันโครงการพัฒนาของรัฐทั้งทางคมนาคม และการพัฒนาเศรษฐกิจเมือง เช่น โครงการรถไฟรางคู่, รถไฟความเร็วสูง, โครงการรถไฟในกรุงเทพมหานคร, โครงการสมาร์ทซิตี้ทั้งในกรุงเทพมหานคร และขอนแก่น เป็นต้น แต่ด้วยความเร่งด่วนของโครงการใหญ่หลายโครงการ ทำให้รัฐรีบเร่งในการเริ่มโครงการโดยไม่ได้สนใจถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อคนในพื้นที่ของโครงการพัฒนาของรัฐแต่ละโครงการ ซึ่งคนจนที่ไม่มีที่ดินเป็นของตนเองได้รับผลกระทบเป็นวงกว้างหลายหมื่นคน การออกมาเรียกร้องกับรัฐบาลตลอดเวลาเกือบ 5 ปีก็ไม่ได้รับการแก้ไข 

โครงการเกี่ยวกับรถไฟเกิดขึ้นหลายโครงการ ทำให้คนจนริมทางรถไฟถูกไล่รื้อที่อยู่อาศัย

ในยุค คสช. มีโครงการเกี่ยวกับการคมนาคมเกิดขึ้นมากมาย แต่โครงการที่ส่งผลกระทบต่อประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มคนจนที่ไม่มีที่ดินอยู่อาศัยมากที่สุดคือโครงการเกี่ยวกับการสร้างทางรถไฟ จากรายงานของเครือข่ายสลัมสี่ภาค พบว่ามีอย่างน้อย 2 โครงการใหญ่ที่เกิดขึ้นในยุค คสช. แล้วส่งผลกระทบต่อชุมชนริมทางรถไฟ และยังไม่ได้รับการแก้ปัญหาจากรัฐบาล

หนึ่ง โครงการก่อสร้างรถไฟรางคู่ช่วง หาดใหญ่ – สงขลา 

สำหรับโครงการรถไฟรางคู่ การรถไฟแห่งประเทศไทยได้วางแผนการก่อสร้างรางคู่ทั่วประเทศออกเป็น 3 ระยะ คือ ระยะแรก เริ่มตั้งแต่ปี 2553 – 2558 ระยะที่ 2 ตั้งแต่ปี 2558 – 2563 และระยะที่ 3 ซึ่งจะทำให้มีทางรถไฟรางคู่ครอบคลุมทั่วประเทศ ตั้งแต่ปี 2563 – 2568 ซึ่งโครงการก่อสร้างรถไฟรางคู่ช่วง หาดใหญ่ – สงขลา นั้นอยู่ในระยะที่ 2 ของแผนการสร้างรถไฟรางคู่ แต่ขณะนี้โครงการได้ผ่านความเห็นชอบต่อรายงาน EIA และมีแผนจะเริ่มก่อสร้างภายใน ปี 2562 นี้ ซึ่งโครงการดังกล่าวมีชุมชนริมทางรถไฟที่ได้รับผลกระทบต้องรื้อที่อยู่อาศัยราว 3,000 หลังคาเรือน และได้รับผลกระทบทางอ้อม อีกกว่า 5,000 ครัวเรือน หลังจากการเจรจากับทางกระทรวงคมนาคมตลอดระยะเวลา 5 ปี ในช่วงที่ คสช. บริหารประเทศ ก็ยังไม่มีความชัดเจนเรื่องการชดเชยเยียวยาให้กับทางชาวบ้าน และเรื่องพื้นที่รองรับในการสร้างที่อยู่อาศัยแห่งใหม่ก็ยังไม่มีการจัดสรรให้ชาวบ้านแต่อย่างใด 

สอง โครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงจังหวัดขอนแก่น

สำหรับโครงการรถไฟความเร็วสูงนั้นเป็นความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทย กับ รัฐบาลจีน โดยจะเป็นการเชื่อมรถไฟความเร็วสูงจากไทยถึงจีนได้ โดยโครงการแบ่งเป็น 3 ระยะ ซึ่งระยะแรกเป็นสถานีบางซื่อ กรุงเทพ – นครราชสีมา ซึ่งได้เริ่มก่อสร้างไปแล้วตั้งแต่ปี 2561 ส่วนช่วงที่ 2 ช่วงนครราชสีมา – หนองคาย และช่วงที่ 3 คือจุดเชื่อมต่อไปยังนครหลวงเวียงจันทน์ สปป.ลาว 

ปัญหาที่เกิดขึ้นกับเครือข่ายสลัม 4 ภาค คือในช่วงการก่อสร้างช่วงที่ 2 ระหว่างจังหวัดนครราชสีมา – หนองคาย ต้องผ่านพื้นที่จังหวัดขอนแก่น ซึ่งมีชุมชนริมทางรถไฟที่ได้รับผลกระทบต้องถูกให้รื้อถอนบ้านเรือน และย้ายที่อยู่อาศัยออกจากริมทางรถไฟประมาณ 200 หลังคาเรือน และการเจรจากับทางกระทรวงคมนาคมตลอดระยะเวลา 5 ปี ก็ยังไม่มีความชัดเจนเรื่องการชดเชยเยียวยาให้กับทางชาวบ้าน และเรื่องพื้นที่รองรับในการสร้างที่อยู่อาศัยแห่งใหม่ก็ยังไม่มีการจัดสรรให้ชาวบ้านแต่อย่างใด แต่โครงการสร้างรถไฟความเร็วสูงก็ยังดำเนินต่อไปเรื่อยๆ

โครงการพัฒนาเมือง ไล่ที่คนจนเพื่อเอาพื้นที่ไปพัฒนาเศรษฐกิจเมือง

นอกจากการพัฒนาด้านคมนาคมแล้ว การพัฒนาเศรษฐกิจเมืองให้ดีขึ้นก็เป็นอีกจุดมุ่งหมายหนึ่งของรัฐบาล คสช. แต่ผลกระทบกลับตกไปสู่คนจนในเมืองที่อยู่ในพื้นที่มาก่อน หลายครอบครัวถูกไล่ที่เพียงเพราะไม่ได้เป็นเจ้าของที่ดินที่อยู่อาศัย อีกทั้งการไล่รื้อชุมชนเหล่านี้ รัฐยังไม่มีการจัดหาที่รองรับการอยู่อาศัยด้วย ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นพื้นที่ของคนในเครือข่ายสลัม 4 ภาค ที่ได้รับผลกระทบดังนี้

หนึ่ง โครงการเขตเศรษฐกิจย่านสถานีแม่น้ำ ในกรุงเทพมหานคร

โครงการนี้เป็นโครงการที่การรถไฟแห่งประเทศไทย ต้องการพัฒนาพื้นที่ทิ้งร้างบริเวณสถานีรถไฟติดแม่น้ำ มีพื้นที่ทั้งหมด 277 ไร่ เป็นพื้นที่ติดแม่นํ้าเจ้าพระยา พื้นที่ดังกล่าวมีชุมชนอาศัยอยู่โดยไม่มีครอบครองที่ดิน ซึ่งเมื่อเริ่มโครงการ การรถไฟแห่งประเทศไทยได้ขับไล่ และแจ้งให้รื้อถอนที่อยู่อาศัยในพื้นที่ดังกล่าวออกให้หมด ส่งผลกระทบกับชาวชุมชนในที่ดินรถไฟย่านนั้นราว 300 หลังคาเรือนที่ต้องถูกไล่รื้อ โดยรัฐบาลไม่ได้เข้ามาช่วยแก้ไข และจัดสรรที่ดินอยู่อาศัยผืนใหม่ให้กับชุมชนที่ถูกไล่รื้อด้วย

สอง โครงการเมืองสมาร์ทซิตี้ 

อีกหนึ่งโครงการใหญ่ในการพัฒนาเมืองของรัฐบาล คสช. คือโครงการ สมาร์ทซิตี้ หรือสร้างเมืองอัจฉริยะ ที่เริ่มต้นโครงการเมื่อปี 2561 โดยจะทำให้เมืองเป็นเมืองที่น่าอยู่ และทันสมัย เพื่อให้รองรับกับโลกแห่งอนาคตที่จะมาถึง มีจังหวัดนำร่องทั้งหมด 7 จังหวัด คือ กรุงเทพมหานคร ฉะเชิงเทรา ภูเก็ต เชียงใหม่ ชลบุรี ระยอง และขอนแก่น แต่ในแต่ละพื้นที่ก็มีประชาชนได้รับผลกระทบ เนื่องจากโครงการสมาร์ทซิตี้ ต้องใช้ที่ดินเป็นวงกว้าง ทำให้ประชาชนถูกไล่รื้อบ้าน และต้องย้ายออกจากที่อาศัย เช่นที่ โครงการเมืองสมาร์ทซิตี้ (คลองเตย) ใช้พื้นที่ท่าเรือเดิม 2,353 ไร่ ส่งผลกระทบโดยตรงกับชาวชุมชนคลองเตยที่อยู่ในพื้นที่กว่า 13,000 ครัวเรือนต้องย้ายออก และอาจส่งผลกระทบด้านที่อยู่อาศัยในอนาคต เนื่องจากหากโครงการนี้ได้ดำเนินการจะทำให้ความต้องการใช้ที่ดินเพิ่มมากขึ้น ซึ่งคนจนในย่านเขตคลองเตย และเขตยานนาวา จะได้รับผลกระทบเหล่านี้เช่นกัน ยังมีโครงการเมืองสมาร์ทซิตี้ (ขอนแก่น) ส่งผลกระทบกับชาวชุมชนในที่ดินรถไฟย่านนั้นราว 500 หลังคาเรือนที่ต้องถูกไล่รื้อ และต้องหาที่อยู่อาศัยใหม่ โดยประชาชนในทั้งสองพื้นที่ได้คัดค้านรัฐบาลในโครงการสมาร์ทซิตี้ และเรียกร้องกับรัฐบาลแล้วในการเยียวยา ทดแทน แต่ก็ไม่ได้รับการช่วยเหลือแต่อย่างใด