เรียกร้องพรรคการเมืองเปิดร่างพ.ร.บ.กัญชาฯ พิจารณารายมาตรา เพื่อการเรียนรู้ของสังคม

14 พฤศจิกายน 2565 ณ สวนครูองุ่น ซอยทองหล่อ 3 “เครือข่ายประชาชนเพื่อการมีกฎหมายควบคุมกัญชาในประเทศไทย” นำโดย ประสิทธิชัย หนูนวล ผู้ประสานงานเครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทย, ธีรวัฒน์ วงศ์สรทัต นายกสมาคมอุตสาหกรรมกัญชา กัญชงและกระท่อมไทย, สาธุ อนุโมทามิ ประธานกลุ่มคนไทยรักชาติ และปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติกัญชา กัญชง พ.ศ. …. อ่านแถลงการณ์เปิดผนึกถึง 12 พรรคการเมืองในสภาผู้แทนราษฎร เรื่อง ความจำเป็นในการมีกฎหมาย พ.ร.บ.กัญชาฯ เพื่อการควบคุมกัญชาทั้งระบบในสังคมไทย

เนื่องจากสภาผู้แทนราษฎรได้บรรจุร่างพ.ร.บ.กัญชาฯ ไว้ในวาระการประชุมวันที่ 23 พฤศจิกายน 2565 แล้ว และมีข่าวว่าพรรคการเมืองบางพรรคพยายามกดดันให้ผู้เสนอ ถอนร่างนี้ออกไปก่อนการพิจารณา ทางเครือข่ายจึงร่วมกันเรียกร้องให้สภาผู้แทนราษฎรเปิดร่างพิจารณาสาระของ พ.ร.บ.กัญชาฯ รายมาตรา เพื่อให้สังคมไทยมีกฎหมายควบคุมกัญชาเชิงระบบ และขอพรรคการเมืองละเว้นผลประโยชน์ส่วนตัว

ในจดหมายเปิดผนึก “เครือข่ายประชาชนเพื่อการมีกฎหมายควบคุมกัญชาในประเทศไทย” กล่าวถึงความจำเป็นในการมีกฎหมายเพื่อควบคุมกัญชาทั้งระบบในสังคมไทย โดยสรุปใจความได้ว่า ตามที่สภาผู้แทนราษฎรได้ผ่านวาระการพิจารณาในวาระแรกของร่าง พ.ร.บ.กัญชาฯ ที่เสนอโดยพรรคการเมือง และแต่งตั้งคณะกรรมาธิการขึ้นมาเพื่อพิจารณาในรายละเอียด เมื่อจัดทำร่างกฎหมายเสร็จแล้ว สภาผู้แทนราษฎรควรจะเปิดร่างเพื่อการอภิปรายอย่างรอบด้าน โดยหากมาตราไหนยังมีข้อบกพร่อง สมาชิกสภาฯ สามารถช่วยกันอภิปรายเพื่อให้มีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น และเมื่อพิจารณาทุกมาตราแล้ว หากสมาชิกสภาฯ เห็นว่าร่างกฎหมายฉบับดังกล่าวไม่ควรใช้บังคับ ก็สามารถลงมติให้ไม่ผ่านการพิจารณาได้

การเปิดร่างเพื่อพิจารณารายละเอียดเป็นการแก้ปัญหาทั้งมวล เพราะจากการสื่อสารในช่องทางต่างๆ พรรคการเมืองมีความเห็นแตกต่างกันแต่ไม่เปิดเนื้อหามาพูดคุยกัน ทั้งนี้การเปิดเนื้อหาของร่างกฎหมายจะทำให้ประชาชนสามารถรับรู้เนื้อหาสาระได้ เพราะข้อบังคับสภาผู้แทนราษฎรกำหนดให้ร่างกฎหมายที่ไม่เข้าสู่วาระการพิจารณา จะไม่สามารถเปิดเผยสาระของร่างกฎหมายสู่สาธารณะได้ ฉะนั้นหากสมาชิกสภาฯ ลงมติ “ไม่พิจารณา” เท่ากับปิดการรับรู้ของประชาชนไปด้วย ทำให้ประชาชนไม่ได้รับรู้ว่าเนื้อหาสาระเป็นเช่นไร

เครือข่ายประชาชนจึงขอเรียนถึงสมาชิกฯ ในทุกพรรคการเมือง ขอให้เปิดร่างพิจารณาสาระของ พ.ร.บ.กัญชา กัญชง… รายมาตรา เพื่อให้สังคมไทยมีกฎหมายควบคุมกัญชาเชิงระบบ หากปัญหาที่เกิดขึ้นจากการใช้ การแปรรูปหรืออื่นใดจากกัญชา โดยไม่มีกฎหมายมาควบคุมย่อมต้องเป็นความรับผิดชอบของสภาผู้แทนราษฎรทั้งหมด มิได้เป็นความรับผิดชอบของพรรคการเมืองใด เพราะสภาได้แต่งตั้งกรรมาธิการของสภาเองในการจัดทำร่างกฎหมาย มิใช่มอบหมายให้พรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่งไปจัดทำกฎหมายฉบับนี้

ชมแถลงการณ์ฉบับเต็มได้คลิกที่นี่ 

“กัญชาก็มีหลายมิติมากๆ ตั้งแต่มิติการปลูก การปฏิรูป การขาย จึงจำเป็นต้องมีกฎหมายระดับพระราชบัญญัติเพื่อการควบคุมในเชิงระบบ จริงอยู่ที่กฎหมายในระดับประกาศกระทรวงก็สามารถทำได้ แต่มันจะกลายเป็นกฎหมายที่แยกกันเป็นท่อนแต่ละท่อนไป ซึ่งเมื่อเป็นแต่ละท่อน เราก็จะไม่เห็นภาพรวมเชิงระบบ และใน พ.ร.บ.กัญชาฯ ฉบับนี้ ก็มีเรื่องมาตรการที่จะทำให้ประชาชนเข้าถึงกัญชา ทำเศรษฐกิจ และควบคุมการบริโภคได้ด้วย ปัญหาต่างๆ ในสังคมไทยสามารถแก้ได้ ถ้าเรามีกติกากลางและช่วยกันพิจารณาปรับปรุง” ประสิทธิชัย ตัวแทนเครือข่ายฯ กล่าวถึงความจำเป็นในการมี พ.ร.บ.กัญชาฯ

สำหรับกรณีที่พรรคก้าวไกลยื่นผู้ตรวจการแผ่นดิน ฟ้องศาลปกครองให้เพิกถอนประกาศสาธารณสุขที่ปลดล็อกกัญชาออกจากยาเสพติดให้โทษ ประสิทธิชัยเห็นว่าเป็นการปิดกั้นโอกาสในการเรียนรู้กัญชาของสังคมไทย

“การเสนอให้มีกฎหมายควบคุมกัญชา เป็นกระบวนการที่ทำให้กัญชากลายเป็นเครื่องมือของการเรียนรู้ในสังคม ทำให้กัญชาเป็นปัจจัยพื้นฐานของสังคม การเดินทางของกระบวนนี้มาถึงครึ่งทางแล้ว ผมจึงไม่เห็นด้วยกับการนำกัญชากลับไปสู่ต้นทางใหม่ คือการเป็นยาเสพติด เพราะมันจะทำให้กระบวนการต่างๆ ไม่สามารถสร้างการเรียนรู้ให้กับสังคมได้เลย ตัวอย่างเช่น การพัฒนาสายพันธุ์กัญชา ซึ่งจะไม่สามารถกระทำได้หากอยู่ในระบบยาเสพติด”

ทิศทางการเคลื่อนไหวต่อจากนี้ ประสิทธิชัยทิ้งท้ายว่าขึ้นอยู่กับการพิจารณาของสภา

“หลังจากที่สภาฯ พิจารณากฎหมายแล้ว เข้าใจว่าอาจจะเป็นช่วงหลังเอเปก ถ้าสภาพิจารณาผ่าน เราก็คงทำงานกันต่อไป แต่ถ้าพิจารณาไม่ผ่าน ขบวนการเคลื่อนไหวของภาคประชาชนก็อาจจะเริ่มต้นขึ้นอีกรอบหนึ่ง แล้วเราคิดว่าในรัฐบาลใหม่ จำเป็นต้องผลักดันกฎหมายฉบับนี้…”