“สิ่งที่เป็นภัยต่อเราอาจจะไม่ใช่สปายแวร์แต่คือพลเอกประยุทธ์” ถอดเต็ม การอภิปราย “เพกาซัส” ของพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์

21 กรกฎาคม 2565 เวลา 15.51 น. พิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล อภิปรายเรื่องสปายแวร์เพกาซัสที่ก่อนหน้านี้มีการเปิดเผยว่า มีประชาชนตกเป็นเป้าหมายการเจาะข้อมูลอย่างน้อย 30 คน คือ นักกิจกรรม 24 คน นักวิชาการ 3 คนและเอ็นจีโอ 3 คน เขาอภิปรายอ้างถึงรายงานการศึกษาของ Citizen Lab พบว่า ในไทยเริ่มใช้ตั้งแต่วันที่ 27 พฤษภาคม 2557 หรือหลังการรัฐประการเพียงไม่ถึงสัปดาห์ สปายแวร์ชนิดนี้เป็นสปายแวร์สัญชาติอิสราเอลที่จะขายให้กับรัฐเท่านั้น คาดการณ์ว่า รัฐบาลไทยใช้เงินกับสปายแวร์ตัวนี้ไม่น้อยกว่า 700 ล้านบาท ความร้ายแรงคือ การใช้สปายแวร์สอดแนมชนิดนี้สามารถเข้าถึงความเป็นส่วนตัวและข้อมูลในโทรศัพท์ได้ เปิดกล้อง เปิดไมค์ ค้นหาประวัติการโทรได้

รับชมการอภิปรายย้อนหลัง ที่นี่

เอกสารของวิกิลีกส์และการวิจัยของ Citizen Lab ยังพบว่า รัฐไทยมีการซื้อสปายแวร์อีกสองตัวคือ RCS หรือ Remote control system ที่กรมราชทัณฑ์และกองทัพบกจัดซื้อ และ Circles ที่มีสามหน่วยงานที่ใช้สปายแวร์นี้คือ หน่วยข่าวกรองของกองทัพบก ใช้ตั้งแต่วันที่ 19 มีนาคม 2562 กอรมน.ใช้ตั้งแต่ 12 กรกฎาคม 2559 กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) ใช้ตั้งแต่วันที่ 12 กันยายน 2557

ในส่วนการวิเคราะห์ช่วงเวลาของการเจาะของเพกาซัสพบว่า เกิดขึ้นครั้งแรกเมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2563 เวลาดังกล่าวมีการชุมนุมเพราะทุกคนคือแกนนำที่มักจะใช้กลยุทธ์ในการเปลี่ยนสถานที่ ทำให้ต้องเจาะหาข้อมูลการชุมนุมเขาระบุว่า “แกงบ่อยมากจนเสียหน้า การข่าวผิดพลาดจนเสียหน้า งัดเพกาซัสมาโจมตีมาสอดแนม ถ้ามองอีกมุมหนึ่งคือ พลเอกประยุทธ์เข้าขั้นตกต่ำมากคือ อย่างที่เรารู้ว้า เพกาซัสสามารถใช้งานจำกัดเวลาที่ซื้อมาแทนที่จะสอดแนมพ่อค้ายาเสพติด สอดแนมอาชญากร หยุดสอดแนมอาชญากรก่อน มาสอดแนมผู้ชุมนุมเพราะโดนแกง เสียหน้าอดทนไม่ไกว อยากจะรู้เหลือเกินว่า เย็นนี้เขาจะไปชุมนุมที่ไหนกัน และวัตถุประสงค์ที่สามคือ ตัดท่อน้ำเลี้ยง อยากจะหาแหล่งเงินมาจากไหน เมื่อสักครู่ผมเอ่ยชื่อของนิราภร อ่อนขาวที่ถูกโจมตีมากที่สุดเพราะว่า บัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อของเธอก็เลยถูกโจมตีรัวๆ ถึง 14 ครั้ง”

นอกจากนี้ยังเปิดเผยเหยื่อที่เป็นนักการเมืองอีกห้าคนที่ถูกเจาะจากเพกาซัสเช่นกันและยังไม่ได้เปิดเผยมาก่อนคือ เบญจา แสงจันทร์คือวันที่ 14 และ 24 มิถุนายน 2564 และอีกครั้งราวๆเดือนกรกฎาคม 2564 เบญจาเป็นส.ส.พรรคก้าวไกลที่ใช้ตำแหน่งของตัวเองประกันตัวผู้ชุมนุบ่อยครั้งที่สุด และถูกโจมตีหลังจากที่เธออภิปรายงบประมาณที่เกี่ยวข้องกับสถาบันพระมหากษัตริย์, ปกรณ์ อารีกุล ว่าที่ผู้สมัครส.ส.นครศรีธรรมราชถูกโจมตีสองครั้ง, ชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกลหนึ่งครั้ง, พรรณิการณ์ วาณิช สองครั้งและรศ.ดร.ปิยบุตร แสงกนกกุล มากที่สุดแปดครั้ง

การโจมตีนักการเมืองเกิดขึ้นในช่วงใกล้เคียงกับการอภิปรายสำคัญในสภา เป็นการหวังจะมารู้ข้อมูลล่วงหน้าและอภิปรายเรื่องอะไรหรือไม่ ถ้าเป็นจริงนี่คือ กระบวนการขัดขวางการตรวจสอบถ่วงดุลตามวิถีทางประชาธิปไตยอย่างชัดเจน “จากพฤติกรรมการสอดแนมนักการเมืองฝ่ายตรงข้าม ปฏิเสธไม่ได้ว่า นี่คือ การช่วงชิงทางการเมือง การสอดแนมข้อมูล พฤติการณ์การทำงานของพวกเรา ตั้งใจที่จะทำลายขั้วตรงข้ามทางการเมือง ผมยืนยันอีกครั้งว่า ต้องย้ำตรงนี้ว่า NSO จะขายเพกาซัสให้แก่รัฐบาลหรือหน่วยงานราชการเท่านั้น โดยต้องได้รับความเห็นชอบจากกระทรวงกลาโหมของอิสราเอลเสียก่อน ดังนั้นการที่คนไทยอย่างน้อย 35 คน ถูกโจมตีด้วยอาวุธไซเบอร์ตรงนี้ยืนยันได้เลยว่าต้องเป็นฝีมือของรัฐบาล ต้องเป็นฝีมือของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาแน่นอนเพราะไม่มีเหตุผลใดที่รัฐบาลอื่นเขาจะมาโจมตี 35 คนดังกล่าว…ผมยืนยันว่า การค้นพบครั้งนี้เป็นแค่ยอดภูเขาน้ำแข็งเท่านั้น”

“ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 32 ได้รับรองสิทธิความเป็นส่วนตัวเอาไว้การจำกัดสิทธิต้องมีกฎหมายอนุญาตให้ทำและทำเท่าที่จำเป็นเพื่อประโยชน์สาธารณะ ทำเท่าที่จำเป็นสำคัญมากคือ ทำไปแล้วสามารถบรรลุวัตถุประสงค์ในการรักษาความมั่นคงของรัฐได้ สองจำเป็นต้องทำวิธีนี้เพราะไม่มีวิธีอื่นแล้ว สามทำไปแล้วได้ประโยชน์มากกว่าผลเสีย เห็นได้ว่า สิทธิในความเป็นส่วนตัวจำกัดได้แต่ต้องทำเท่าที่จำเป็น ย้ำว่า จำกัด ไม่ใช่กำจัด การค้นตำรวจจะต้องมีหมายค้น ขอหมายศาล มีเหตุค้น เมื่อเข้าไปค้นแล้วต้องออกไป ไม่ใช่ไปนอนแช่อยู่บ้านเขา แต่กรณีของ 35 คนที่เรียนมาไม่มีหมาย ไม่มีกฎหมายไม่มีเหตุและที่สำคัญไปติดตามเฝ้าเขา 24 ชั่วโมงเปลี่ยนมือถือประชาชน เป็นเครื่องสอดแนม เป็นเครื่องมือติดตามตัว เครื่องดักฟังตลอด 24 ชั่วโมง หากวันนี้พลเอกประยุทธ์หรือพลเอกชัยชาญ ช้างมงคลจะลุกขี้นมาตอบผมว่า หากไม่ได้ทำอะไรผิดแล้วจะไปกลัวทำไม ไม่เห็นต้องกลัวอะไร…งั้นเอาแบบนี้ดีไหมครับ ผมเสนอเรามาทำรายการตามติดชีวิตประยุทธ์ ประวิตร ลองไปตั้งกล้องสอดแนมในห้องประชุม ห้องทำงาน ตามไปถึงที่บ้านในห้องน้ำ 24 ชั่วโมง ผมมีเหตุเพราะสองคนนี้เคยก่อรัฐประหาร เป็นภัยต่อประชาธิปไตย เป็นภัยต่อประเทศ ต้องระวัง สอดแนมติดตามตัว เอาไหมครับ?”

เขายืนยันว่า 35 คนนี้ไม่ใช่ผู้ก่อการร้าย ไม่ใช่ผู้ค้ายาเสพติด ไม่ได้ค้ามนุษย์ ไม่ได้ฟอกเงิน ไม่ได้เป็นกองกำลังติดอาวุธพวกเขามีเพียงแค่ปากและปากกามีเพียงแค่ความหวังดี มีความคิดความอ่านที่อยากเห็นประเทศไทยไปได้ไกลกว่านี้ การแสดงออกของพวกเขาผมยืนยันว่า ไม่ได้ทำให้รัฐไทยล่มสลาย แต่สิ่งเดียวที่พวกเขามีคือ ความไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลนี้ ไม่เห็นด้วยกับการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของคนที่ชื่อประยุทธ์ จันทร์โอชา ถึงรัฐบาลลจะอ้างว่า เป็นประชาธิปไตยมาจากการเลือกตั้งแต่หากมีพฤติกรรมสอดแนมประชาชนแบบนี้ด้วยอาวุธสงครามไซเบอร์ที่ทรงอานุภาพแบบนี้ผมยืนยันว่า รัฐบาลเป็นรัฐบาลเผด็จการเต็มรูปแบบ ถือเป็นรัฐบาลที่ละเมิดสิทธิส่วนบุคคลของประชาชนอย่างร้ายกาจที่สุดและเป็นรัฐบาลที่คุกคามการพัฒนาอย่างใหญ่หลวงของประชาธิปไตย

พิจารณ์ตั้งคำถามว่า ประชาชนจะมีเสรีภาพอย่างไร นักการเมืองและการวางแผนต่อสู้ทางการเมืองจะอยู่ในสายตาของพลเอกประยุทธ์ กระบวนการสอดแนมครั้งนี้คือ การจัดการกับผู้ที่เป็นภัยความมั่นคงของประยุทธ์ เขาย้ำว่า สิ่งที่เป็นภัยต่อเราอาจจะไม่ใช่สปายแวร์เพกาซัสแต่คือพลเอกประยุทธ์

รายละเอียดการอภิปรายของพิจารณ์

“เมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่แล้วที่เราพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2566 ในวาระที่หนึ่ง ผมได้ร่วมพิจารณา…ได้พูดถึงพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาในฐานะรมต.กลาโหมว่า ดูแล้วเหมือนสมุหกลาโหมสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนต้นเพราะว่าในการจัดสรรงบประมาณโดยเฉพาะงบด้านบุคลากรกองทัพบกสูงถึง 70 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับงบประมาณของกองทัพดูแล้วพลเอกประยุทธ์ให้ความสำคัญกับการสะสมไพร่พลทหารราบเอาไว้รบพุ่งกับข้าศึก นั่นคือในแง่มุมในการจัดการบริหารงบประมาณในภารกิจป้องกันประเทศ ในทางกลับกันกับพี่น้องประชาชนคนในชาติที่ไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลที่วิพากษ์วิจารณ์พลเอกประยุทธ์ที่ออกมาประท้วงไล่พลเอกประยุทธ์ พลเอกประยุทธ์กลับเล่นงานพวกเขาด้วยอาวุธไซเบอร์เทคโนโลยีขั้นสูง กับประชาชนที่เห็นต่างพลเอกประยุทธ์กลับทุ่มงบประมาณทั้งคน เวลาลงทุนจัดหาไซเบอร์ อาวุธไซเบอร์ เทคโนโลยีระดับโลกเรียกว่า ล้ำสมัยสุดๆ ไม่ต่างอะไรเลยครับกับอาชญากรไซเบอร์ คือมันย้อนแย้งกันเหลือเกินที่ในตอนที่จะทำภารกิจป้องกันประเทศ ใช้ทหารเยอะๆ ส่วนอาวุธซื้อเท่าที่จำเป็น ดูแล้วเป็นกองทัพที่ไม่ทันสมัยเอาเสียเลย แต่พอจะจัดการกับประชาชนที่เห็นต่างอันนี้ทันสมัยสุดๆ จัดหนัก จัดเต็ม ใช้อาวุธไซเบอร์ที่ร้ายกาจที่สุดเท่าที่มีบนโลก…

ผมจะชี้ให้ประชาชนเห็นว่า ไม่ใช่เฉพาะเพียงความล้มเหลวในการจัดการเศรษฐกิจปากท้อง หรือการทุรจิตคอร์รัปชั่น แต่พลเอกประยุทธ์จงใจปฏิบัติหน้าที่และใช้อำนาจขัดต่อรัฐธรรมนูญและกฎหมาย ฝ่าฝืนและไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง ขาดจิตสำนึกในความเป็นประชาธิปไตย ไร้การเคารพซึ่งสิทธิเสรีภาพของประชาชน จงใจคุกคามและละเมิดสิทธิส่วนบุคคลอย่างร้ายกาจที่สุด อย่างที่สังคมไทยไม่เคยพบเจอมาก่อน และที่สำคัญที่สุดทั้งหมดนั้นใช้ทรัพยากรของแผ่นดิน ใช้คนใช้งบประมาณจากภาษีของประชาชน เพื่อให้ตนเองได้อยู่ในอำนาจนานที่สุด ก่อนที่จะเข้าสู่ประเด็นสำคัญว่า ใช้อาวุธสงครามไซเบอร์เล่นงานประชาชนอย่างไร เราลองมาไล่เรียงกันดูว่า ตลอดหลายปีที่ผ่านมา พลเอกประยุทธ์คุกคามประชาชน ละเมิดสิทธิส่วนบุคคลอย่างไร ย้อนกลับไปในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ เพื่อนส.ส.ของผม วิโรจน์ ลักขณาอดิศร ได้ออกมาเปิดโปงกองทัพไซเบอร์ของรัฐบาล กระบวนการไอโอของกองทัพที่มีภารกิจในการสอดแนมโซเชียลมีเดียของพี่น้องประชาชนที่เห็นต่างกับรัฐบาล คอยเข้าไปคอมเมนท์ด่าทอ ยุยงปลุกปั่น ครั้งนั้นวิโรจน์เปิดเอกสารที่รายชื่อบุคคลที่มองว่าเป็นภัยความมั่นคงของรัฐ สื่อมวลชนเช่น The Standard Workpoint News และประชาไท นักวิชาการอย่างอาจารย์ชาญวิทย์ เกษตรศิริ อาจารย์โกวิท วงศ์สุรวัฒน์ …. นักการเมืองฝ่ายตรงข้ามเช่น ธนาธร ปิยบุตร พรรณิการ์ รังสิมันต์โรม พล.ต.อ.เสรีพิสุทธิ์ เตมียเวศ… ถามว่า คนเหล่านี้เป็นภัยความมั่นคงของประเทศหรือความมั่นคงของประยุทธ์ ยังไม่พอยังมีการติดตามถึงตัวด้วยการติดจีพีเอส ไม่ว่าจะพรรณิการ์ โตโต้ ปิยรัฐ จงเทพ ศรีไพร นนทรีย์ นักเคลื่อนไหวด้านสิทธิแรงงานล้วนแล้วแต่โดนติดจีพีเอสที่รถส่วนตัวทั้งสิ้น ทำไปเพื่ออะไรครับ

นอกจากนั้นยังมีหนังสือที่ลงนามโดยเลขาธิการสมช. เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2563 เรียนผู้บัญชาการตำรวจสันติบาลตามที่รองนายกรัฐมนตรี (พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ) เป็นประธานการประชุมหัวหน้าหน่วยงานด้านข่าวกรองและความมั่นคงแห่งชาติเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2563 ซึ่งสมช.ได้นำผลการประชุมกราบเรียนนายกฯและรมว.กลาโหมแล้ว สำนักงานขอแจ้งมติที่ประชุมดังนี้…จากวรรคหนึ่งนี่ชัดเจนว่า พลเอกประยุทธ์ทราบเรื่องนี้ ข้อหนึ่งหน่วยข่าวติดตามความเคลื่อนไหวแกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมที่เตรียมการจัดการชุมนุมใหญ่ในห้วงวันที่ 23-27 พฤศจิกายน 2563 มีการติดตามนักศึกษาที่เคลื่อนไหว หลักฐานที่แน่นหนาเช่นนี้พลเอกประยุทธ์ไม่เคยรับ

ล่าสุดพลเอกประยุทธ์ติดตาม 24 ชั่วโมงทุ่มทุนใช้สปายแวร์เพกาซัส เพกาซัสเป็นสปายแวร์ที่ย้ำอีกครั้งว่า อานุภาพร้ายกาจที่สุด เพกาซัสถูกผลิตโดยเอกชนในประเทศอิสราเอลชื่อว่า NSO ซึ่งก็เหมือนกับอาวุธสงครามประเภทหนึ่งที่จะขายให้กับรัฐบาล หรือหน่วยงานของรัฐบาลเท่านั้น เอกชนเขาไม่ขายให้ ยืนยันครับว่าเป็นอาวุธสงคราม การจะขายได้ต้องได้รับการอนุมัติจากกระทรวงกลาโหมประเทศอิสราเอลเสียก่อน โดยผู้ผลิตทาง NSO อ้างว่าสปายแวร์ตัวนี้ว่ามีวัตถุประสงค์เพื่อให้ใช้ในการเฝ้าติดตามการก่อการร้ายเพื่อทลายเครือข่ายการค้านมนุษย์และยาเสพติดตลอดจนอาชญากรรมต่าง ๆ ที่เป็นอันตรายต่อรัฐ แล้วถามว่าทำงานอย่างไร ผมยกตัวอย่างแบบนี้ครับ สมมติว่า วันนี้พลเอกประยุทธ์ขอยืมมือถือของท่านประธานพร้อม Password สักชั่วโมงสองชั่วโมง ท่านประธานจะให้หรือไม่ ผมเชื่อว่า คงไม่มีใครจะยอมให้มือถือพร้อม Password กับใครโดยเฉพาะกับพลเอกประยุทธ์ เพราะอะไรครับ เพราะทุกวันนี้มือถือข้อมูลความเป็นส่วนตัวทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นตารางนัดหมาย อีเมล์ รูปถ่าย ประวัติการสนทนาในแชทไลน์ ในโซเชียลมีเดียต่าง ๆ เรียกว่าถ้าเอามือถือเราไปดู รู้แน่ว่า เราเคยเข้าอินเทอร์เน็ตค้นหาอะไรบ้าง หรือแม้กระทั่งข้อมูลทางการเงินการลงทุนถ้าใครเคยใช้ iBanking พูดง่าย ๆ คือรู้การดำเนินชีวิตของเราทั้งหมด

เพกาซัสมันทำได้มากกว่าท่านประธานยื่นมือถือพร้อมรหัสให้แก่พลเอกประยุทธ์เพราะเมื่อเพกาซัสมันฝังตัวเข้าไปในมือถือเราแล้ว พลเอกประยุทธ์ดูได้ทุกอย่างที่ผมกล่าวไปแล้วโดยที่มือถือยังอยู่กับเรายังอยู่ในกระเป๋าเราและเราไม่รู้ตัวเลย นอกจากนั้นยังสามารถดักฟังโทรศัพท์อ่านข้อความโซเชียลมีเดียแบบเรียลไทม์หรือปัจจุบันทันด่วน รู้ว่า เราจะเดินทางไปไหนแบบเรียลไทม์ ดูประวัติย้อนหลังว่า เราเคยไปที่ไหน การโทรเข้าโทรออก ในมือถือเราเห็นการโทรเข้าออกอย่างน้อยสองสามวัน แต่พลเอกประยุทธ์ดูได้หมดว่า เครื่องนี้เคยโทรไปหาใครบ้าง รับสายใครบ้าง รวมถึงการส่งข้อความก็ดูได้หมดแล้วก็อย่าคิดนะครับว่า การโทรด้วยไลน์ โทรด้วยซิกแนล เทเลแกรมแล้วเราจะรอด ไม่รอดนะครับถ้าเจอเพกาซัส ถ้าพลเอกประยุทธ์เจาะเข้ามาได้แล้วทำได้แม้กระทั่งสั่งเปิดปิดกล้องเพื่อถ่ายรูป ถ่ายวิดีโอของเราได้ ทำได้แม้กระทั่งสั่งเปิดปิดไมค์เพื่อบันทึกบทสนทนา เพื่อให้เห็นภาพผมยกตัวอย่างแบบนี้ครับว่า ถ้าท่านประธานใช้โทรศัพท์อาม่าอากงโทรได้อย่างเดียว แต่อย่าคิดว่ารอดนะครับ เพราะว่าถ้าเจาะท่านประธานไม่ได้สิ่งที่พลเอกประยุทธ์จะทำคือเจาะไปที่ผู้ช่วยของท่าน เพราะรู้ว่าอยู่ด้วยกันก็จะสามาระล้วงข้อมูลเปิดไมโครโฟนได้…ถัดมาอีกภาพมาเจาะพิจารณ์ รู้ว่า พิจารณ์มีนัดคุยกับท่านประธานบ่อยๆ อาจจะคุยเรื่องที่พลเอกประยุทธ์อยากรู้ เจาะโทรศัพท์พิจารณ์เข้ามาเสร็จ ดูตารางนัดหมาย..พอถึงเวลานัดหมายก็เข้ามาเปิดกล้อง เข้ามาเปิดไมโครโฟนและได้ยินทุกอย่างที่ประชุมกัน แต่ถ้าเกิดว่า ตอนประชุมตัดสัญญาณโทรศัพท์ก็ไม่รอดนะครับ สมมติว่า เราประชุมกันบ่ายสามผมเปิด Airplane mode ตอนบ่ายสาม แต่พลเอกประยุทธ์เข้ามาก่อนหน้านั้นมาเปิดกล้องและไมโครโฟนทิ้งไว้ แม้ผมจะเปิด Airplane mode เขาก็จะบันทึกไว้ ประชุมเสร็จก็ดึงข้อมูลเหล่านี้ไปดูได้ แม้ใช้ Airplane mode ก็ไม่เป็นประโยชน์ อย่างเดียวที่ทำได้คือต้องไม่พกมือถือ

พิจารณ์เปิดสไลด์แสดงภาพหน้าจอวิธีการทำงานของเพกาซัสระบุว่า หน้าจอนี้แสดงให้เห็นเวลาที่แสดงผล อันนี้เป็นเพกาซัสรุ่นปี 2015 ที่สามารถให้เราเห็นตารางนัดหมาย ตารางประวัติการโทรเข้าออกและฟังบทสนทนาย้อนหลัง อีกภาพหนึ่งเป็นการดูประวัติการเดินทาง นอกจากนั้นจะมีระบบการเตือนภัยคือ พื้นที่ hot zone กำหนดอาณาเขตได้ เมื่อไหร่ที่เป้าหมายเดินทางมาในพื้นที่นี้จะแจ้งเตือนกลับไปที่พลเอกประยุทธ์ หรือจะเป็นการเตือนภัยแบบที่สองคนมาเจอกัน โทรศัพท์สองเบอร์นี้มาเจอกัน ระบบก็จะเตือนกลับไป หรือการแจ้งเตือนด้วยหมายเลขโทรศัพท์ หรือการเตือนแบบเป็นคีย์เวิร์ดเช่น “I here too” ก็จะแจ้งเตือนกลับไป การไปต่างประเทศก็ไม่รอด…เพกาซัสคืออาวุธสงครามที่ทรงพลังอย่างมากข้อมูลข่าวสารข่าวกรองต่างๆ เป็นสิ่งสำคัญในการกำหนดยุทธศาสตร์และยุทธวิธี

แต่ที่ทำให้เพกาซัสน่ากลัวกว่าทุกสปายแวร์ที่มีอยู่ในโลกมีอยู่สี่ประการคือ

  • หนึ่ง ป้องกันไม่ได้ คือในเวอร์ชั่นแรกของเพกาซัสมันยังพอป้องกันได้คือ มันอาศัยความผิดพลาดของผู้ใช้หมายความว่า เวลาเขาโจมตีเขาจะส่งข้อความหรืออีเมล์เข้ามา เพกาซัสจะฝังตัวเข้ามาได้ แต่รุ่นใหม่ป้องกันไม่ได้เพราะมันมีสิ่งที่เรียกว่า zero click ไม่ต้องคลิกเลย โดยที่เราไม่เห็นไม่รู้ตัว ไอโฟนประมวลผลและเพกาซัสจะฝังตัวลงในโทรศัพท์ทันที ไม่รู้ตัวจนกว่าเราจะเอาไปตรวจ
  • สอง เพกาซัส โฆษณาว่า โจมตีแล้วแทบไร้ร่องรอยในการตรวจสอบ ดังนั้นการตรวจสอบไม่ใช่เรื่องง่ายครับ กรณีของประเทศไทยรอบนี้ที่เราตรวจสอบพบคือ เราจะต้องเอาข้อมูลที่ได้จากโทรศัพท์ส่งไปให้ CL ที่แคนาดาเพื่อตรวจสอบ
  • สาม ฝังอยู่ตลอดไป ยกเว้นว่า เราจะมีการอัพเกรด iOS หรือเราจะเปลี่ยนเครื่องและเบอร์พร้อมกัน
  • สี่ เปลี่ยนเบอร์ก็ไม่จบเพราะเมื่อไหร่ที่ทางการทราบเบอร์ก็จะเกิดขึ้นอีก

Citizen Lab องค์กรที่ศึกษาการใช้สปายแวร์ชนิดนี้ใช้เวลาสองปีในการค้นหาว่า มีที่ไหนใช้เพกาซัสบ้าง มี 45 ประเทศที่ใช้และหนึ่งในนั้นคือประเทศไทย ในรายงานนี้ถ้าเข้าไปอ่านพบว่า เขาพูดถีงระบบปฏิบัติการในแต่ประเทศที่ใช้ระบบปฏิบัติการเพกาซัส โดยตั้งชื่อตามแม่น้ำ สัตว์ประจำชาติ เช่น สิงคโปร์ชื่อ เมอร์ไลออน ส่วนประเทศไทยชื่อช้าง ไม่รู้จะตรงกับช้างชื่อเล่นของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมหรือไม่ แต่เรื่องราวที่ทำให้เพกาซัสมันโด่งดัง เริ่มต้นรายงานข่าวเมื่อปี 2564 ที่มีการปล่อยเบอร์โทรศัพท์ 50,000 เบอร์ที่เชื่อว่า โจมตีโดยเพกาซัสออกมา ทำให้ Forbbidden stories ร่วมกับสำนักงานข่าว 16 สำนัก ร่วมมือกันในการขุดคุ้ยเอกสารหลุดนี้ภายใต้โครงการที่ชื่อว่า the pegasus project … จากรายงานความร่วมมือในครั้งนั้นนำไปสู่การเปิดโปงว่า รัฐบาลในหลายประเทศได้ใช้เพกาซัสในการโจมตีพลเมืองที่เป็นนักกิจกรรม นักเคลื่อนไหว นักสิทธิมนุษยชนผู้เห็นต่างกับรัฐบาล จนสื่อกลุ่มนี้เขาขนานนามเพกาซัสว่า เป็นภัยอันตรายต่อประชาธิปไตยทั่วโลก กรณีที่โด่งดังที่สุดคือกรณีของ จามาล คาซอกกี นักหนังสือพิมพ์ที่อยู่ตรงข้ามรัฐบาลซาอุฯ อย่างเปิดเผยและวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลอย่างตรงไปตรงมา วันที่ 2 ตุลาคม 2561 เขาหายตัวไปหลังจากเข้าไปทำธุระที่สถานกงสุลซาอุฯ ในตุรกี เราไม่มีทางรู้ได้เลยครับว่า ว่าเป็นผู้นำของรัฐบาลซาอุหรือเปล่าที่สั่งอุ้มฆ่าคาซอกกี เราไม่มีทางรู้เลยครับว่า เป็นอดีตสายลับของซาอุฯหรือไม่ที่ลงมือสังหาร แต่รู้แน่ๆคือ โทรศัพท์ของคนใกล้ชิดของคาซอกกีสองคนถูกโจมตีโดยเพกาซัส ซึ่งเป็นอาวุธสงครามที่รัฐบาลซาอุฯ ซื้อไว้ โดนโจมตีทั้งก่อนและหลังการสังหาร …ระหว่างการยกตัวอย่างประเทศต่างๆ ประธานฯ ขอให้หลีกเลี่ยงการยกตัวอย่างบุคคลที่สามที่เกี่ยวข้อง

จากการที่บุคคลสำคัญทั่วโลกและเจ้าหน้าทีระดับสูงถูกโจมตี ทำให้เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมารัฐสภาแห่งสหภาพยุโรปมีการตั้งคณะกรรรมาธิการวิสามัญเพื่อสอบสวนเรื่องเพกาซัสและระบบสอดแนมอื่นๆ อันนี้เป็นเครื่องยืนยันว่า เพกาซัสมีอยู่จริงและใช้อย่างผิดวัตถุประสงค์ในหลายประเทศ ทีนี้ถามว่า บริษัทเทคยักษ์ใหญ่ของโลกมีการเคลื่อนไหวอย่างไรต่อเรื่องนี้ Meta หรือ Facebook ดำเนินคดีกับ NSO เนื่องจากพบหลักฐานว่า NSO ได้โจมตีผู้ใช้ Whatsapp 1,400 บัญชี ซึ่งอันนี้กำลังอยู่ในกระบวนการของศาล หรือ Apple ปี 2564 ฟ้องร้อง NSO เรียกร้องให้รับผิดชอบพฤติการณ์การสอดแนม ในคำฟ้องระบุยืนยันว่า NSO ใช้เทคโนโลยี Zero click คือการโจมตีแบบที่ผู้ใช้ไม่รู้ตัว

อย่างไรก็ตามช่วงเดือนพฤศจิกายน 2564 รัฐบาลสหรัฐฯ ออกประกาศแบลคลิสต์ NSO คือ การห้ามซื้อ ห้ามใช้และไม่ขายผลิตภัณฑ์ทางเทคโนโลยีให้ NSO เมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า Apple จะออก Lockdown mode เพื่อป้องกันการโจมตีจากสปายแวร์ แถลงการณ์ระบุชื่อบริษํทของ NSO นี่เป็นเครื่องยืนยันว่า ออกมาเพื่อป้องกัน Zero click ของเพกาซัส

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในหลายประเทศยืนยันว่า เพกาซัสถูกใช้ในทางที่ผิด ผมยืนยันว่า นี่ไม่ใช่เหตุผล พี่น้องบางส่วนอาจจะสนับสนุนรัฐบาลนี้บอกว่า ก็ประเทศไหนเขาก็ทำกัน พลเอกประยุทธ์ไม่ผิดอะไร ผมคิดว่า เหตุผลนี้ใช้ไม่ได้ ต้องยืนยันว่า การโจมตีสอดแนมประชาชนที่เห็นต่างแบบนี้อย่างไรก็เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนและสิทธิส่วนบบุคล ที่โลกยอมรับไม่ได้ สุดท้ายแล้วรัฐบาลของอิสราเอลรู้สึกถูกกดดันจึงประกาศลดการส่งออกผลิตภัณฑ์ที่เป็นสปายแวร์ทั้งหมด จากเดิมมี 102 ประเทศ ให้เหลือ 37 ประเทศ 65 ประเทศที่ยกเลิกไปมีประวัติที่ใช้ผิดวัตถุประสงค์ อย่างประเทศไทยมีผู้นำประเทศจากการรัฐประหาร มีประวัติในการละเมิดสิทธิมนุษยชนมาโดยตลอด รัฐบาลอิสราเอลไม่ขายให้อยู่แล้ว แต่แม้ไม่มีคำสั่งขายให้รัฐบาลไทยไม่ได้แปลว่า พลเอกประยุทธ์จะหยุดใช้ คือเพกาซัสถูกซื้อมาแล้ว สัญญาเซ็นมาแล้วก็ยังใช้งานต่อเนื่องได้ เพียงแต่อัพเกรดเวอร์ชั่นไม่ได้ ซื้อใหม่ได้ แต่ว่า ไม่เหนือความสามารถของพลเอกประยุทธ์ที่จะไปต่อรองขอร้องให้เขาขายใหม่ เนื่องจากมีปรากฏข่าวว่า รัฐบาลบางประเทศที่เป็นข่าวว่า ถูกยกเลิกก็ซื้อกลับมาใหม่ได้

…คำถามต่อมาคือเพกาซัส สปายแวร์เป็นสปายแวร์ตัวเดียวที่รัฐบาลใช้หรือไม่ Citizen Lab ออกรายงานมาเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมานี้ ในรายงานฉบับนี้มีการระบุว่า พบเพกาซัสตั้งแต่พฤษภาคม 2557 ในประเทศไทย คือช่วงใกล้เคียงกับการทำรัฐประหาร หลักฐานที่ยืนยันคือพบว่า เซิร์ฟเวอร์ของเพกาซัสทำงานในไทม์โซนของไทยและโดเมนชื่อ siamha THtube และ thainews เป็นประเทศไทยแน่นอน วันที่ 27 พฤษภาคม 2557 ไม่กี่วันหลังการรัฐประหาร นอกจากนี้ยังมีหลักฐานว่า ซื้อสปายแวร์อื่นๆด้วย RCS หรือ Remote control system มีเอกสารเผยแพร่จากวิกีลีกส์ที่ซื้อตั้งแต่ปลายสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ต่อเนื่องมาในปี 2557 มีคุณสมบัติคล้ายกับเพกาซัส ดักฟังโทรศัพท์ได้ แต่ไม่มี Zero click จากข้อมูลที่รั่วไหลออกมาคือ มีกรมราชทัณฑ์จัดซื้อในปี 2556 ใช้งบประมาณ 13.5 ล้านบาท และกองทัพบกใช้งบไป 14.4 ล้านบาท ผมเชื่อว่า ความพยายามในการจัดหาสปายแวร์ในรัฐบาลยิ่งลักษณ์น่าจะเป็นด้วยเรื่องความมั่นคงของประเทศจริงๆ ผมไม่เชื่อว่า รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งจะใช้อาวุธไซเบอร์สอดแนมประชาชน แต่หลังการรัฐประหารยึดอำนาจของพลเอกประยุทธ์ ผมเชื่อเหลือเกินว่าทิศทางการใช้สปายแวร์เปลี่ยนไป พุ่งเป้าไปที่ประชาชนที่ไม่เห็นด้วยกับการยึดอำนาจ หลักฐานอีกชิ้นที่ยืนยันว่า ไทยมีสปายแวร์ RCS คือ รายงานของ Citizen Lab เมื่อปี 2557 พบว่า มี 21 ประเทศใช้สปายแวร์และแน่นอนว่ามีไทยอยู่ในนั้น ใช้ตั้งแต่ตุลาคม 2556 สปายแวร์ตัวที่สองคือ circles โดยในเดือนธันวาคม 2563 Citizen Lab ออกมาเผยแพร่รายงานที่เกี่ยวกับสปายแวร์ตัวนี้ใช้ใน 25 ประเทศและมีประเทศไทยด้วย สปายแวร์ตัวนี้มาจาก NSO เช่นกันแต่แตกต่างคือไม่ได้โจมตีที่โทรศัพท์ แต่โจมตีที่เครือข่ายของโทรศัพท์เพื่อดักฟังและข้อมูล SMS และค้นหาตำแหน่งของมือถือ เหมือนกับเพกาซัสที่จะขายให้กับรัฐบาลและหน่วยงานรัฐเท่านั้น พบว่า มีสามหน่วยงานที่ใช้ Circles คือ หน่วยข่าวกรองของกองทัพบกที่ใช้ตั้งแต่ 19 มีนาคม 2562 กอ.รมน.ใช้ตั้งแต่ 12 กรกฎาคม 2559 บช.ปส.ใช้ 12 กันยายน 2557 จากการค้นหาพบสิบโครงการที่มีทั้งการจ้างบำรุงรักษาและการซื้อระบบที่ไม่ได้ระบุว่า Circlesแต่เขียนชัดเจนว่า เป็นชุดค้นหาตำแหน่งมือถือ มูลค่า 227 ล้านบาท

หลักฐานการซื้อและการวิจัยมาขนาดนี้ แต่พลเอกประยุทธ์ยังปฏิเสธหน้าตาเฉย ไม่เคยยอมรับ ซึ่งมันเป็นเรื่องตลก คือถ้าเรามีสปายแวร์เพื่อใช้งานด้านความมั่นคงอธิบายบอกใครทุกคนก็เข้าใจ แต่ทำไมไม่พูดก็เพราะใช้ผิดวัตตุประสงค์ เอาสปายแวร์เหล่านี้มาเล่นงานผู้ไม่เห็นด้วยกับการรัฐประหาร ไม่ยอมรับเลยโกหก นี่คือท่าไม้ตายของเผด็จการทั่วโลก ท่าที่หนึ่งคือ ไม่รู้ ไม่ได้ซื้อ ไม่มี ไม่ยอมรับ พอจวนตัว มีหลักฐาน ท่าไม้ตายท่าที่สอง ถ้าจวนตัวก็จะรับครึ่งหนึ่ง เมื่อวานนี้ส.ส.เพื่อไทยถามและชัยวุฒิ รัฐมนตรีดีอีตอบทำนองรับว่า มีจริงแต่ไม่ใช่อำนาจของดีอี อ้างว่า เป็นเรื่องความมั่นคงและยาเสพติด พอหลักฐานเริ่มเปิดก็รับครึ่งหนึ่ง ถ้ามีหลักฐานเพิ่มเติมอีกว่า ผิดกฎหมายก็จะใช้ไม้ตายท่าที่สามคือโบ้ยว่า ไม่มีส่วนรู้เห็น แต่ท่าไม้ตายสุดท้ายที่เฉพาะตัวของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา อาจจะบอกว่า คนที่ถูกโจมตีสอดแนมเป็นภัยความมั่นคงสมควรต้องโดนอยู่แล้ว ป้ายสีว่า คนเหล่านี้ก้าวล่วงสถาบันฯ ไม่เคยหยุดพฤติกรรมที่เอาสถาบันกษัตริย์มาเป็นเกราะป้องกันตัว ปกปิดความผิดตัวเองเพื่อให้ตัวเองอยู่ในอำนาจ สิ่งที่ส.ส.อมรัตน์อภิปรายคือการทุจริตในกองทัพ ทุจริตชัดเจนแต่โบ้ย บ่ายเบี่ยงโดยการเอาสถาบันฯ มาเป็นเกราะกำบัง นี่แหละคือ ท่าไม้ตายของพลเอกประยุทธ์คือจนมุมเมื่อไหร่ จำนนด้วยหลักฐานเมื่อไหร่ดึงฟ้าต่ำทันที

การค้นพบของไอลอว์เริ่มต้นจากการที่ Apple ส่งอีเมล์แจ้งเตือนผู้ใช้โทรศัพท์ เป็นที่มาให้ร่วมมือการค้นหาการโจมตีจนพบว่า มีประชาชนที่ถูกโจมตี 30 คน มีข้อจำกัดในการตรวจสอบคือทำได้ในไอโฟนเท่านั้นหรือการล้างเครื่องแบบตั้งค่าโรงงานไปแล้วทำให้ค้นหาร่องรอยไม่ได้ จากการวิเคราะห์มีการโจมตีมากในช่วงที่มีการชุมนุมพีคในช่วงปีที่ผ่านมา ผู้ที่ถูกโจมตีมากที่สุดคือ นิราภร อ่อนขาว เป้าประสงค์ในการโจมตีคือ เพื่อหาข้อมูลเกี่ยวกับพฤติกรรมการใช้อินเทอร์เน็ต, เพื่อหาข้อมูลเกี่ยวกับการชุมนุมและเพื่อข้อมูลเกี่ยวกับผู้ให้ความช่วยเหลือทางการเงิน

“แกงบ่อยมากจนเสียหน้า การข่าวผิดพลาดจนเสียหน้า งัดเพกาซัสมาโจมตีมาสอดแนม ถ้ามองอีกมุมหนึ่งคือ พลเอกประยุทธ์เข้าขั้นตกต่ำมากคือ อย่างที่เรารู้ว้า เพกาซัสสามารถใช้งานจำกัดเวลาที่ซื้อมาแทนที่จะสอดแนมพ่อค้ายาเสพติด สอดแนมอาชญากร หยุดสอดแนมอาชญากรก่อน มาสอดแนมผู้ชุมนุมเพราะโดนแกง เสียหน้าอดทนไม่ไกว อยากจะรู้เหลือเกินว่า เย็นนี้เขาจะไปชุมนุมที่ไหนกัน และวัตถุประสงค์ที่สามคือ ตัดท่อน้ำเลี้ยง อยากจะหาแหล่งเงินมาจากไหน เมื่อสักครู่ผมเอ่ยชื่อของนิราภร อ่อนขาวที่ถูกโจมตีมากที่สุดเพราะว่า บัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อของเธอก็เลยถูกโจมตีรัวๆ ถึง 14 ครั้ง”

เราไม่อาจรู้ว่า การโจมตีแต่ละครั้งกินระยะเวลากี่นาที กี่ชั่วโมงหรือกี่วัน ผมแนะนำว่า อย่าเสียเวลาเลยครับ มันไม่มีหรอกครับกลุ่มทุน ท่อน้ำเลี้ยงหรือเงินบริจาคที่จะมาเป็นก้อนๆทีละมากๆ คือถ้าจำกันได้ตอนที่ราษฎรประสงค์ระดมทุนเงินช่วยเหลือการประกันตัวอานนท์และเพนกวินเมื่อต้นปีที่ผ่านมา รอบนั้นใช้เวลาสามชั่วโมงได้เงินบริจาคทะลุสิบล้านบาท ฉะนั้นยอมรับเถอะว่า การชุมนุมที่ผ่านมาไม่มีนักการเมืองกลุ่มการเมืองที่ไปชี้นำจูงจมูกคือการเรียกร้องของประชาชนอย่างแท้จริง

นักวิชาการถูกโจมตี เช่น รศ.ดร.ประจักษ์ ก้องกีรติจำนวนสองครั้ง สฤณี อาชวนันนทกุล หนึ่งครั้งและพวงทอง ภวัครพันธุ์ ห้าครั้ง “อาจารย์ทั้งสามท่านนี้ ดูอย่างไรก็ไม่ใช่อาชญากร ไปสอดแนมเขาทำไม มีอยู่อย่างเดียวที่เป็นจุดร่วมของนักวิชาการทั้งสามท่านนี้คือ ทุกท่านเป็นนักวิชาการที่แอคทีฟในการออกมาวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลนี้” สรุปแล้วพลเอกประยุทธ์จะลุแก่อำนาจจะสอดแนมทุกคนที่วิจารณ์ตัวเองหรือ? อีกกลุ่มหนึ่งคือ ภาคประชาสังคม ไอลอว์ที่ยิ่งชีพโดนไปสิบครั้ง “ทุกอย่างที่ไอลอว์เชื่อ ทุกอย่างที่ไอลอว์ทำมันอยู่ตรงข้ามกับพลเอกประยุทธ์ทั้งสิ้น ไอลอว์ยึดในประชาธิปไตยพลเอกประยุทธ์ใครๆก็รู้ไม่เคยเชื่อในสิทธิมนุษยชน แต่ถึงแม้เราจะเชื่อไม่เท่ากันหรือเชื่อแตกต่างกัน จะอยู่ฝั่งตรงข้ามกันแต่ไม่ใช่เหตุผลที่เป็นศัตรูกันและไม่ใช้เหตุผลที่พลเอกประยุทธ์จะเอาเพกาซัสไปโจมตีเขา”

สุดท้ายรายชื่อที่ยังไม่ได้เปิดเผยมาก่อนคือ เพื่อนนักการเมือง เบญจา แสงจันทร์คือ 14 และ 24 มิถุนายน 2564 และอีกครั้งราวๆเดือนกรกฎาคม 2564 เบญจาเป็นส.ส.พรรคก้าวไกลที่ใช้ตำแหน่งของตัวเองประกันตัวผู้ชุมนุมบบ่อยยครั้งที่สุด และถูกโจมตีหลังจากที่เธออภิปรายงบประมาณที่เกี่ยวข้องกับสถาบันพระมหากษัตริย์ ปกรณ์ อารีกุล ว่าที่ผู้สมัครส.ส.นครศรีธรรมราชถูกโจมตีสองครั้ง ชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกลหนึ่งครั้ง..พรรณิการณ์ วาณิช สองครั้งและรศ.ดร.ปืยบุตร แสงกนกกุล มากที่สุดแปดครั้ง การโจมตีเกิดในช่วงใกล้เคียงกับการอภิปรายสำคัญในสภานี่หวังจะมารู้ข้อมูลล่วงหน้าและอภิปรายเรื่องอะไร ถ้าเป็นจริงนี่คือ กระบวนการขัดขวางการตรวจสอบถ่วงดุลตามวิถีทางประชาธิปไตยอย่างชัดเจน ส่วนส.ส.ท่านอื่นหลายท่านในทีนี้ใช้แอนดรอยด์ที่ยังตรวจสอบไม่ได้ หรือกรณีของธนาธรที่โทรศัพท์เสียไปก่อนเลยไม่ได้เช็คว่า โดนหรือไม่โดนอย่างไร

จากพฤติกรรมการสอดแนมนักการเมืองฝ่ายตรงข้าม ปฏิเสธไม่ได้ว่า นี่คือ การช่วงชิงทางการเมือง การสอดแนมข้อมูล พฤติการณ์การทำงานของพวกเรา ตั้งใจที่จะทำลายขั้วตรงข้ามทางการเมือง ผมยืนยันอีกครั้งว่า ต้องย้ำตรงนี้ว่า NSO จะขายเพกาซัสให้แก่รัฐบาลหรือหน่วยงานราชการเท่านั้น โดยต้องได้รับความเห็นชอบจากกระทรวงกลาโหมของอิสราเอลเสียก่อน ดังนั้นการที่คนไทยอย่างน้อย 35 คน ถูกโจมตีด้วยอาวุธไซเบอร์ตรงนี้ยืนยันได้เลยว่าต้องเป็นฝีมือของรัฐบาล ต้องเป็นฝีมือของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาแน่นอนเพราะไม่มีเหตุผลใดที่รัฐบาลอื่นเขาจะมาโจมตี 35 คนดังกล่าว…ผมยืนยันว่า การค้นพบครั้งนี้เป็นแค่ยอดภูเขาน้ำแข็งเท่านั้น

การหาหลักฐานจัดซื้อจัดจ้างภายใต้รัฐบาลที่มีงบประมาณลับหรืองบราชการลับเยอะเหลือเกินไม่ใช่เรื่องง่ายโดยเฉพาะอย่างยิ่งหน่วยงานด้านความมั่นคงที่กำกับดูแลโดยพลเอกประยุทธ์ ทั้งกองทัพ ทั้งกอ.รมน. หน่วยข่าวกรองต่างๆ ไม่ใช่ตรวจสอบได้ง่าย เมื่อสักครู่ที่เปิดเผยเรื่อง Circles ที่ใช้โดยบช.ปส. หน่วยงานเดียว 300 ล้านบาทแต่สำหรับเพกาซัสจะใช้เงินไปเท่าไหร่ เทียบเคียงกับต่างประเทศผมเชื่อว่า ใช้น้อยที่สุดคือ 700 ล้านบาท เทียบจากรัฐบาลกาน่า สัญญารัฐบาลกาน่าและ NSO งบประมาณแปดล้านเหรียญสหรัฐประมาณ 290 ล้านบาท และค่าบำรุงรักษาอีกรวม 354 ล้านบาท ซึ่งเป็นสัญญาในปี 2015 สิ่งที่กาน่าซื้อไม่ใช่ Zero click …โปแลนด์ตรวจพบใช้ครั้งแรกปี 2017 จากการตรวจสอบใช้เงินประมาณ 200 ล้านบาท ส่วนในไทยจะต้องซื้อประมาณสองเวอร์ชั่น ประเมินแล้วใช้เงินอาจถึง 1,000 ล้านบาท

ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 32 ได้รับรองสิทธิความเป็นส่วนตัวเอาไว้การจำกัดสิทธิต้องมีกฎหมายอนุญาตให้ทำและทำเท่าที่จำเป็นเพื่อประโยชน์สาธารณะ ทำเท่าที่จำเป็นสำคัญมากคือ ทำไปแล้วสามารถบรรลุวัตถุประสงค์ในการรักษาความมั่นคงของรัฐได้ สองจำเป็นต้องทำวิธีนี้เพราะไม่มีวิธีอื่นแล้ว สามทำไปแล้วได้ประโยชน์มากกว่าผลเสีย เห็นได้ว่า สิทธิในความเป็นส่วนตัวจำกัดได้แต่ต้องทำเท่าที่จำเป็น ย้ำว่า จำกัด ไม่ใช่กำจัด การค้นตำรวจจะต้องมีหมายค้น ขอหมายศาล มีเหตุค้น เมื่อเข้าไปค้นแล้วต้องออกไป ไม่ใช่ไปนอนแช่อยู่บ้านเขา แต่กรณีของ 35 คนที่เรียนมาไม่มีหมาย ไม่มีกฎหมายไม่มีเหตุและที่สำคัญไปติดตามเฝ้าเขา 24 ชั่วโมงเปลี่ยนมือถือประชาชน เป็นเครื่องสอดแนม เป็นเครื่องมือติดตามตัว เครื่องดักฟังตลอด 24 ชั่วโมง หากวันนี้พลเอกประยุทธ์หรือพลเอกชัยชาญ ช้างมงคลจะลุกขี้นมาตอบผมว่า หากไม่ได้ทำอะไรผิดแล้วจะไปกลัวทำไม ไม่เห็นต้องกลัวอะไร…งั้นเอาแบบนี้ดีไหมครับ ผมเสนอเรามาทำรายการตามติดชีวิตประยุทธ์ ประวิตร ลองไปตั้งกล้องสอดแนมในห้องประชุม ห้องทำงาน ตามไปถึงที่บ้านในห้องน้ำ 24 ชั่วโมง ผมมีเหตุเพราะสองคนนี้เคยก่อรัฐประหาร เป็นภัยต่อประชาธิปไตย เป็นภัยต่อประเทศ ต้องระวัง สอดแนมติดตามตัว เอาไหมครับ?

ผมยืนยันว่า 35 คนนี้ไม่ใช่ผู้ก่อการร้าย ไม่ใช่ผู้ค้ายาเสพติด ไม่ได้ค้ามนุษย์ ไม่ได้ฟอกเงิน ไม่ได้เป็นกองกำลังติดอาวุธพวกเขามีเพียงแค่ปากและปากกามีเพียงแค่ความหวังดี มีความคิดความอ่านที่อยากเห็นประเทศไทยไปได้ไกลกว่านี้ การแสดงออกของพวกเขาผมยืนยันว่า ไม่ได้ทำให้รัฐไทยล่มสลาย แต่สิ่งเดียวที่พวกเขามีคือ ความไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลนี้ ไม่เห็นด้วยกับการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของคนที่ชื่อประยุทธ์ จันทร์โอชา ถึงรัฐบาลลจะอ้างว่า เป็นประชาธิปไตยมาจากการเลือกตั้งแต่หากมีพฤติกรรมสอดแนมประชาชนแบบนี้ด้วยอาวุธสงครามไซเบอร์ที่ทรงอานุภาพแบบนี้ผมยืนยันว่า รัฐบาลเป็นรัฐบาลเผด็จการเต็มรูปแบบ ถือเป็นรัฐบาลที่ละเมิดสิทธิส่วนบุคคลของประชาชนอย่างร้ายกาจที่สุดและเป็นรัฐบาลที่คุกคามการพัฒนาอย่างใหญ่หลวงของประชาธิปไตย

ในตอนท้ายเขาตั้งคำถามว่า ประชาขนจะมีเสรีภาพอย่างไร นักการเมืองและการวางแผนต่อสู้ทางการเมืองจะอยู่ในสายตาของพลเอกประยุทธ์ กระบวนการสอดแนมครั้งนี้คือ การจัดการกับผู้ที่เป็นภัยความมั่นคงของประยุทธ์ เขาย้ำว่า สิ่งที่เป็นภัยต่อเราอาจจะไม่ใช่สปายแวร์เพกาซัสแต่คือพลเอกประยุทธ์

อ่านรายงานข้อค้นพบเพกาซัสในไทย

You May Also Like
อ่าน

กสม.ชี้หน่วยงานรัฐไทยเอี่ยวใช้สปายแวร์เพกาซัส ชงครม.สั่งสอบ-เรียกเอกสารลับ

กสม. เชื่อว่า มีการใช้สปายแวร์ เพกาซัสละเมิดสิทธิจริง โดยพิจารณาจากความน่าเชื่อถือของการตรวจสอบทางเทคนิคคอมพิวเตอร์ และบริบทแวดล้อมในต่างประเทศ นอกจากนี้ยังระบุด้วยว่า หน่วยงานรัฐไทยมีส่วนเกี่ยวข้องกับการใช้สปายแวร์
อ่าน

ขนุน สิรภพ “คงแค่ยิ้มสู้” ระหว่างศาลอุทธรณ์ไม่ให้ประกันตัวในคดีมาตรา 112

ขนุน สิรภพ “คงแค่ยิ้มสู้” ระหว่างศาลอุทธรณ์ไม่ให้ประกันตัวในคดีมาตรา 112 . สิรภพ พุ่มพึ่งพุทธ หรือขนุน นิสิตรัฐศาสตร์จากมศว จำเลยในคดีมาตรา 112 จากการกล่าวปราศรัยระหว่างการชุมนุม #ม็อบ18พฤศจิกา . 25 มีนาคม ที่ผ่านมาศาลอาญากรุงเทพใต้พิพากษา จำคุก 3 ปี แต่เนื่องจากการนำสืบของจำเลยเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาอยู่บ้าง ศาลจึงลดโทษหนึ่งในสามคงจำคุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา . จนถึงวันนี้(4 เมษายน 2567) เป็นเวลา 10 วันแล้วที่ศาลอุทธรณ์ไม่ให้ประกันตัว