โควิด-19 ในต่างประเทศ : นิวซีแลนด์ตั้งเป้าฉีดวัคซีน 90% ก่อนคลายมาตรการรับมือโควิด-19

นิวซีแลนด์เป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศทั่วโลกที่มีอัตราการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ต่อจำนวนประชากรในระดับที่ค่อนข้างต่ำ นับตั้งแต่การแพร่ระบาดครั้งแรก ซึ่งมีจำนวนผู้ติดเชื้อในปี 2563 ไม่ถึงหนึ่งพันรายจากจำนวนประชากรกว่าห้าล้านเศษ องค์การอนามัยโลก ระบุว่า นับตั้งแต่วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2563 – 27 ตุลาคม 2564 ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ของนิวซีแลนด์มีจำนวนทั้งหมด 5,539 ราย และมียอดผู้เสียชีวิต 28 ราย จัดอยู่ในลำดับที่ 185 ของโลก 
สืบเนื่องจากวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2563 นิวซีแลนด์พบชายในฟิลิปปินส์ที่เป็นบุคคลแรกนอกประเทศจีนที่เสียชีวิตจากโควิด-19  แม้จะยังไม่ได้มีการตรวจพบผู้ติดเชื้อแม้แต่รายเดียวในช่วงแรกเริ่มของการระบาดที่นิวซีแลนด์ แต่จาซินดา อาร์เดิร์น นายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์ ได้ประกาศสั่งห้ามนักท่องเที่ยวหรือผู้ที่เดินทางผ่านประเทศจีนเดินทางเข้าสู่นิวซีแลนด์ หลังจากที่องค์กรอนามัยโลกประกาศให้การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า 19 เป็นสภาวะฉุกเฉินด้านสุขภาพระดับโลกในวันที่ 30 มกราคม 2563 โดยหลังจากที่ตรวจพบผู้ติดเชื้อเป็นรายแรกแล้วในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2563 หลังจากนั้น จาซินดาจึงได้ประกาศให้ผู้ที่ประสงค์จะเดินทางไปยังนิวซีแลนด์ทำการกักตัว 14 วัน ยกเว้นผู้ที่เดินทางมาจากประเทศฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิก จากนั้นจึงยกเลิกการรวมตัวในที่ร่มที่มีผู้เข้าร่วมมากว่า 100 คน และปิดพรมแดนนิวซีแลนด์ให้มีเพียงพลเมืองและผู้มีถิ่นพำนักถาวรในนิวซีแลนด์เดินทางได้ 
ถึงแม้ว่านิวซีแลนด์จะไม่เคยใช้มาตรการเคอร์ฟิวหรือกำหนดเวลาเข้าออกเคหสถานก็ตาม แต่ก็เลือกใช้ “ระบบเตือนภัยสี่ระดับ (the 4-tiered Alert Level system)” แทนเพื่อใช้ต่อกรกับการระบาดโควิด-19 โดยระบบเตือนภัยสี่ระดับ แบ่งได้เป็น
1) ระดับหนึ่ง-การเตรียมพร้อม (Alert Level 1-Prepare)
2) ระดับสอง-การลด (Alert Level 2-Reduce)
3) ระดับสาม-การจำกัด (Alert Level 3-Restrict)
4) ระดับสี่-การล็อคดาวน์ (Alert Level 4-Lockdown)
โดยระบบเตือนภัยสี่ระดับนี้มีที่มาจากระบบเตือนภัยไฟป่าซึ่งจะช่วยให้เห็นถึงความเสี่ยงในปัจจุบันและมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมที่จำเป็นอย่างชัดเจน โดยอาจกล่าวได้ว่าการระมัดระวังการแพร่ระบาดตั้งแต่เนิ่น ๆ อย่างรวดเร็วและการสร้างมาตรการมารองรับอย่างจริงจังอาจช่วยชะลอหรือทำให้ประเทศและประชาชนได้รับผลกระทบน้อยลงได้
ล็อคดาวน์ครั้งแรก มาตรการเข้ม บังคับใช้ทั่วประเทศ
21 มีนาคม 2563 นิวซีแลนด์ประกาศใช้มาตรการเตือนภัยระดับที่สอง-การลด เป็นระดับที่ยังควบคุมสถานการณ์ของโรคได้อยู่ แต่ต้องเฝ้าระวังการติดเชื้อภายในประเทศ (Community transmission) โดยสามารถติดต่อกับเพื่อน สังสรรค์เป็นกลุ่ม ไปช้อปปิ้ง หรือท่องเที่ยวในประเทศได้ แต่ต้องปฏิบัติตามคำแนะนำด้านสาธารณสุข หลังจากประกาศให้ประเทศอยู่ในระดับสองได้เพียงสองวัน จำนวนผู้ติดเชื้อได้เพิ่มขึ้น จนมียอดรวมผู้ติดเชื้อ 102 รายและมีสองรายที่คนที่ไม่มีความเชื่อมโยงถึงการเดินทางในต่างประเทศมาก่อน ในวันเดียวกันนั้นเอง รัฐบาลจึงประกาศยกระดับมาตรการเป็นระดับสาม-การจำกัด และวันที่ 25 มีนาคม 2563 จาซินด้าประกาศยกระดับทั้งประเทศเป็นระดับที่สี่-การล็อคดาวน์  โดยเริ่มประกาศใช้มาตรการนี้ในวันเดียวกันตั้งแต่เวลา 12.21 น. เป็นต้นไป 
มาตรการเตือนภัยระดับที่สี่-การล็อคดาวน์ นับว่าเป็นมาตรการสูงสุดจากมาตรการทั้งหมด มีผลบังคับใช้เมื่อมีการแพร่ระบาดในชุมชนอย่างต่อเนื่อง เข้มข้น และการระบาดกระจายไปในวงกว้าง มาตรการนี้กำหนดให้ประชาชนอยู่ในบ้าน ห้ามเดินทางยกเว้นในกรณีจำเป็น ทำงานหรือเรียนหนังสือจากบ้าน ห้ามมิให้มีการรวมตัวกัน ปิดสถานที่ราชการและสถานศึกษาทั้งหมด ปิดธุรกิจทั้งหมดยกเว้นกลุ่มธุรกิจที่จำเป็น เช่น ซุปเปอร์มาร์เก็ต ร้านขายยา ปั๊มน้ำมัน และสาธารณูปโภคอื่นๆ  ใส่หน้ากากอนามัยทุกครั้งที่ออกจากบ้านตามที่กฎหมายกำหนด เป็นต้น 
หลังจากที่มีการประกาศใช้มาตรการอย่างเข้มงวดเป็นเวลาเดือนเศษ ก็ดูเหมือนว่าการประกาศใช้มาตรการระดับที่สี่นั้นสัมฤทธิ์ผล เนื่องจากจำนวนผู้ติดเชื้อในนิวซีแลนด์ลดลงอย่างมีนัยยะสำคัญ รวมแล้วมีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 12 ราย จากจำนวนประชากรราวห้าล้านคน 27 เมษายน 2563 รัฐบาลจึงลดระดับมาตรการระดับที่สี่ไปเป็นมาตรการระดับที่สาม-การจำกัด ซึ่งกำหนดให้การเดินทางยังคงถูกจำกัดอยู่ สามารถเดินทางไปรับทำงาน ไปโรงเรียน ไปรับของที่จำเป็นหรือรับสินค้าได้ ต้องใส่หน้ากากอนามัยทุกครั้งที่ออกจากบ้านโดยรักษาระยะห่างสองเมตรในที่สาธารณะ และหนึ่งเมตรในพื้นที่จำกัด 
เมื่อจำนวนผู้ติดเชื้อลดลงอย่างเห็นได้ชัด รัฐบาลจึงได้ประกาศลดระดับมาตรการไปเป็นระดับที่สอง-การลด ในวันที่ 13 พฤษภาคม 2563 เวลา 23.59 น. โดยกำหนดให้สามารถพบปะสังสรรค์กับเพื่อนได้ ไปช้อปปิ้งและท่องเที่ยวในประเทศได้หากปฏิบัติตตามข้อกำหนดทางด้านสาธารณสุข ธุรกิจ โรงเรียน บริการการเรียนรู้ก่อนวัยเรียน สถาบันการศึกษาระดับอุดมศึกษา และสิ่งอำนวยความสะดวกสาธารณะ เช่น พิพิธภัณฑ์ ห้องสมุด และสระว่ายน้ำ สามารถเปิดให้บริการได้โดยใช้มาตรการด้านสุขภาพเพิ่มเติม นอกจากนี้ประชาชนยังคงต้องสวมหน้ากากอนามัย รักษาระยะห่างเช่นเดียวกับในมาตรการระดับที่สาม โดยในขณะนั้นมีจำนวนผู้ป่วยรวม 1,154 คน และมีผู้เสียชีวิต 22 ราย 
เมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2563 เวลา 23.59 น. รัฐบาลนิวซีแลนด์ได้ลดระดับมาตรการนี้ไปยังมาตรการระดับที่หนึ่ง เดิมทีแล้วรัฐบาลกำหนดจะประกาศระดับนี้ในวันที่ 22 มิถุนายน จึงนับว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่สามารถลดระดับมาตรการได้เร็วกว่าวันที่กำหนดถึง 17 วัน มาตรการระดับที่หนึ่งกำหนดให้ธุรกิจ สิ่งอำนวยความสะดวก โรงเรียน สถานศึกษา และสถานที่ทำงานทั้งหมดสามารถเปิดได้เป็นปกติ โดยต้องมีการเก็บบันทึกข้อมูลการเข้าออกสถานที่อย่างสถานพยาบาล สถานที่ดูแลผู้สูงอายุ ธุรกิจที่ใกล้ชิดกัน สถานที่ต้อนรับ สถานที่สาธารณะ สถานที่ออกกำลังกาย และงานสังสรรค์ทางสังคมโดยสแกนผ่านคิวอาร์โค้ดของแอปพลิเคชัน NZ Covid Tracer นอกจากนั้นยังคงต้องมีการสวมหน้ากากอนามัยในผู้ที่มีอายุมากกว่า 12 ปี ในขณะที่เดินทางด้วยขนส่งสาธารณะ เครื่องบิน รถโรงเรียน หรือเรือเฟอร์รี่ 
ยกระดับอีกครั้ง หลังพบระลอกใหม่ในรอบ 102 วัน 
11 สิงหาคม 2563 เกิดการระบาดระลอกใหม่ขึ้นหลังจากที่ไม่มีการระบาดมานานกว่า 100 วัน เป็นผลให้นิวซีแลนด์พบยอดผู้ติดเชื้อเพิ่มสี่รายในวันนั้น ซึ่งรวมแล้วมียอดผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น 190 รายนับตั้งแต่วันนั้นมา ในวันต่อมารัฐบาลจึงประกาศยกระดับมาตรการสำหรับบริเวณภูมิภาคโอ๊กแลนด์เป็นระดับสาม-การจำกัด เพื่อป้องกันการแพร่กระจายอย่างรวดเร็วของเชื้อ เนื่องจากโอ๊กแลนด์เป็นเมืองที่มีประชากรหนาแน่นที่สุดในประเทศ ขณะเดียวกันก็ได้ยกระดับมาตรการสำหรับพื้นที่อื่นของนิวซีแลนด์เป็นระดับสอง-การลด 
มติชนออนไลน์  รายงานว่า วันที่ 14 สิงหาคม 2564 กระทรวงสาธารณสุขนิวซีแลนด์ได้ออกมาแถลงถึงการพบเจอผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น 12 ราย ซึ่งทั้งหมดนี้มีความเชื่อมโยงกับการระบาดของคลัสเตอร์ในเมืองโอ๊กแลนด์ที่เป็นจุดเริ่มต้นของคลัสเตอร์ระลอกสอง 
ครั้งนี้เป็นอีกครั้งที่นิวซีแลนด์สามารถควบคุมการแพร่ระบาดเอาไว้ได้ วันที่ 30 สิงหาคม 2563 นิวซีแลนด์ได้ลดระดับมาตรการเป็นระดับที่สองบริเวณภูมิภาคโอ๊กแลนด์ โดยมีข้อจำกัดเพิ่มเติมในการเดินทางและการรวมกลุ่มกัน ขณะที่บริเวณอื่นของนิวซีแลนด์ยังคงใช้มาตรการระดับที่สองอยู่เช่นเดิม ในช่วงเดือนสิงหาคม – กันยายน เป็นช่วงที่ยังมีการพบผู้ติดเชื้ออยู่บ้าง ท้ายที่สุดเมื่อยอดผู้ติดเชื้อทรงตัวแล้ว 7 ตุลาคม 2563 เมืองโอ๊กแลนด์และส่วนอื่นๆ ของนิวซีแลนด์ก็ได้ลดระดับมาตรการเหลือเพียงระดับที่หนึ่ง 
สี่เดือนหลังจากนั้น 14 กุมภาพันธ์ 2564 นิวซีแลนด์ได้ยกระดับโอ๊กแลนด์เป็นระดับที่สามอีกครั้งหลังพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 สายพันธ์ุอังกฤษ (The UK Variant B117) ซึ่งมีความสามารถระบาดได้รวดเร็วกว่าสายพันธ์ุทั่วไปกว่า 1.7 เท่าและยังมีปริมาณเชื้อมากกว่าอีกด้วยเนื่องจากโปรตีนหนาม (Spike Protein) สามารถเข้าไปดักจับเซลล์มนุษย์ได้ง่ายขึ้น นิวซีแลนด์สามารถควบคุมเชื้อได้และได้ลดระดับไปเป็นมาตรการระดับหนึ่งในวันที่ 12 มีนาคม 2564
วันที่ 15 เมษายน 2564 เว็บไซต์โกลบอลเฮลท์นาววิเคราะห์สถานการณ์การฉีดวัคซีนของนิวซีแลนด์ว่า ในขณะนั้นประชากรที่มีความสำคัญ แรงงานชายแดน ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลสุขภาพ และญาติๆ กำลังเข้ารับการฉีดวัคซีน โดยคาดว่าประชาชนทั่วไปจะได้รับการฉีดวัคซีนในช่วงครึ่งปีหลัง ทั้งนี้ เนื่องจากนิวซีแลนด์ขาดไม่สามารถพัฒนาวัคซีนด้วยตนเองได้ จึงมีการจัดซื้อวัคซีนจากผู้ผลิตจากต่างประเทศ ซึ่งรัฐบาลได้พยายามกระจายความเสี่ยงด้วยการจัดซื้อวัคซีนจากหลายโครงการ โดยหวังว่าการฉีดวัคซีนครั้งนี้จะช่วยยับยั้งความเสี่ยงไว้ได้จนกว่าจะมีการจำหน่ายอย่างแพร่หลายมากขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง
ขยายล็อคดาวน์ทั่วประเทศหลังสายพันธุ์เดลต้าระบาด
17 สิงหาคม 2564 นิวซีแลนด์ประกาศล็อคดาวน์ทั้งประเทศอีกครั้งเป็นระดับที่สี่หลังพบการระบาดสายพันธุ์เดลต้า ผู้ติดเชื้อรายแรกgเป็นชายอายุ 58 ปีซึ่งมีความเชื่อมโยงกับคลัสเตอร์ของผู้ที่เดินทางกลับจากประเทศออสเตรเลีย นับตั้งแต่นั้นมาจึงได้เกิดการแพร่กระจายไปยังบริเวณอื่นๆ ที่เชื่อมโยงกันกว่า 19 รายจากรายแรกนี้ คลัสเตอร์นี้อาจมีความเป็นไปได้อย่างมากที่จะเกิดจากการเปิดประเทศระหว่างนิวซีแลนด์และออสเตรเลีย ซึ่งสามารถเดินทางได้อย่างอิสระโดยไม่ต้องกักตัวหรือที่เรียกว่า Travel Bubble ที่มีการประกาศเปิดโครงการไปเมื่อวันที่ 19 เมษายน 2564
ไทยรัฐออนไลน์ รายงานเมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2564 ว่า หน่วยงานสาธารณสุขของนิวซีแลนด์ระบุว่า อัตราการติดเชื้อโควิด-19 ในระลอกนี้สูงสุดกว่าในระลอกอื่น ๆตั้งแต่ครั้งแรกที่พบการระบาดเมื่อ 18 เดือนก่อน โดยสถิติเดิมมีผู้ติดเชื้อสูงสุด 89 รายแต่ครั้งนี้มีสถิติผู้ติดเชื้อมากถึง 94 ราย ผู้ติดเชื้อส่วนมากพบในเมืองโอ๊กแลนด์ส่วนอีกเจ็ดรายพบที่เขตไวกาโตซึ่งอยู่ในบริเวณใกล้เคียงกัน
ตั้งเป้าฉีดวัคซีน 90% ก่อนคลายมาตรการรับมือโควิด
22 ตุลาคม 2564 จาซินดา อาร์เดิร์น แถลงถึงการตั้งเป้าเดินหน้าฉีดวัคซีนให้ได้ 90% เพื่อที่จะสามารถคลายมาตรการต่างๆ ที่ใช้รับมือกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยเฉพาะอย่างยิ่งสายพันธุ์เดลต้าได้ นับเป็นเวลากว่าสองเดือนแล้วที่โอ๊กแลนด์อยู่ภายใต้มาตรการล็อคดาวน์เนื่องจากเป็นหนึ่งในเมืองศูนย์กลางการแพร่ระบาดระลอกนี้ ทางการจึงคาดการว่าจะฉีดวัคซีนให้พลเมืองเมืองนี้ครบโดสได้ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า รวมถึงแต่ละพื้นที่ที่ฉีดวัคซีนครบโดสได้ 90% แล้วก็จะมีการคลายมาตรการแต่ยังต้องแสดงหลักฐานการฉีดวัคซีนเพื่อเข้าใช้สถานที่ต่าง ๆ นอกจากนี้ยังมีการจัดงานเทศกาลฉีดวัคซีนโควิด-19 เพื่อกระตุ้นให้ประชาชนมารับวัคซีนมากขึ้นโดยในวันที่ 17 ตุลาคม 2564 มีสถิติผู้ฉีดวัคซีนสูงที่สุดตั้งแต่เริ่มฉีดมา รวมแล้วกว่า 120,000 คน หรือประมาณ 2.5% จากประชากรทั้งหมด  
กระทรวงสาธารณสุขนิวซีแลนด์รายงานข้อมูลการฉีดวัคซีนของนิวซีแลนด์ว่า นับถึงวันที่ 28 ตุลาคม 2564  ประชากรนิวซีแลนด์ได้รับวัคซีนโดสแรกไปแล้วทั้งหมด 74% ได้รับวัคซีนครบทั้งสองโดสแล้ว 62% จากประชากรราวห้าล้านคน โดยวัคซีนที่ฉีดให้กับให้ประชาชนมีทั้งหมดสามตัวด้วยกัน ได้แก่ ไฟเซอร์ จอห์นสันแอนด์จอห์นสัน และแอสตร้าเซเนกา อย่างไรก็ตาม รัฐบาลจะใช้วัคซีนไฟเซอร์เป็นหลัก ส่วนจอห์นสันแอนด์จอห์นสันและแอสตร้าเซเนกานั้นเป็นวัคซีนที่ได้รับอนุมัติให้มีการใช้ชั่วคราวจาก Medsafe หน่วยงานด้านความปลอดภัยของยาและอุปกรณ์ทางการแพทย์แห่งนิวซีแลนด์ ซึ่งจะกำหนดให้ใช้ในผู้ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป
อ้างอิง :
https://www.who.int/countries/nzl/
https://www.thairath.co.th/news/foreign/1795299
https://www.nzdoctor.co.nz/timeline-coronavirus
https://covid19.govt.nz/alert-levels-and-updates/history-of-the-covid-19-alert-system/
https://covid19.govt.nz/alert-levels-and-updates/about-the-alert-system/#alert-level-2-%E2%80%94-reduce
https://www.bbc.com/news/world-asia-53274085
https://www.bbc.com/thai/international-52400706
https://www.bbc.com/thai/international-52967710
https://covid19.who.int/region/wpro/country/nz
https://www.bbc.com/news/world-asia-53274085
https://workpointtoday.com/new-zealand-first-covid-death-in-3-months/
https://www.petcharavejhospital.com/th/Article/article_detail/British-strain-of-Covid
https://thematter.co/brief/140681/140681
https://www.dailynews.co.th/news/85043/
https://www.thairath.co.th/news/foreign/2222785
https://news.thaipbs.or.th/content/308701
https://thestandard.co/new-zealand-aim-full-dose-of-covid-before-lifting-lockdown-measures/
https://www.health.govt.nz/our-work/diseases-and-conditions/covid-19-novel-coronavirus/covid-19-data-and-statistics/covid-19-vaccine-data
https://www.theguardian.com/world/2021/aug/20/new-zealand-covid-outbreak-wellington-cases-lockdown
https://www.healthnavigator.org.nz/medicines/c/covid-19-vaccines/