สรุปประชุมสภา ประชาธิปัตย์เป็นประธาน พลังประชารัฐ-ภูมิใจไทย รองประธาน ท่ามกลางการถกเถียงอันดุเดือด

วันนี้ (26 พฤษภาคม 2562) เป็นวันที่สองของการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อให้ที่ประชุมลงมติเลือกรองประธานสภาจำนวนสองคน หลังเมื่อวานนี้ที่ประชุมเสียงข้างมากลงมติเลือก 'ชวน หลีกภัย' อดีตนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นประธานสภาคนใหม่
 
สำหรับการลงมติเลือกรองประธานสภาส่อแววจะวุ่นตั้งแต่ช่วงเช้า หลัง พรรคอนาคตใหม่เสนอชื่อ เยาวรัตน์ วงษ์ประภารัตน์ ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ และพรรคพลังประชารัฐ เสนอชื่อ สุชาติ ตันเจริญ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ โดยความวุ่นวายเกิดจากการประท้วง ส.ส.พรรณิการ์ วาณิช พรรคอนาคตใหม่ ที่ขอหารือที่ประชุมให้มีการแสดงวิสัยทัศน์ระหว่างผู้ถูกเสนอชื่อสองคน แต่ทาง ส.ส.พรรคพลังประชารัฐคัดค้านจนประธานต้องเบรกการประชุมแล้วจึงมาลงคะแนนเสียงกันต่อ
อย่างไรก็ดี ผลการลงมติเลือกรองประธานสภาคนที่หนึ่ง คือ สุชาติ ตันเจริญ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ได้ตำแหน่งด้วยคะแนนเสียง 248 เสียง ในขณะที่ เยาวรัตน์ วงษ์ประภารัตน์ ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ ได้คะแนนไปเพียง 246 เสียง ทั้งนี้ระหว่างการนับคะแนนปรากฎว่ามีการเขียนคะแนนของ ส.ส. เยาวลักษณ์ เกินไป 1 คะแนน จนต้องมีการลบออกในภายหลัง
สำหรับการลงมติรองประธานสภาคนที่สอง มีการเสนอชื่อสองคน ได้แก่ ศุภชัย โพธ์สุ ส.ส.นครพนม พรรคภูมิใจไทย และ นพ.ประสงค์ บูรณ์พงศ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย แต่ทว่าหลังการนับคะแนนได้เกิดการประท้วงจาก ส.ส.พรรคเพื่อไทย เนื่องจากพบกรณีเขียนชื่อผู้ถูกเสนอชื่อผิดจาก ศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.พรรคภูมิใจไทย ไม่ใช่นายศุภชัย โพธิ์สุ ผู้ถูกเสนอชื่อเป็นรองประธานสภาฯ จึงอยากให้มีการตรวจสอบบัตรลงคะแนนใหม่เพื่อวินิจฉัยว่า เป็นบัตรดีหรือบัตรเสีย แต่ 'ชัย ชิดชอบ' ประธานสภาชั่วคราวฯ ก็ไม่ทำหน้าที่วินิจฉัยประเด็นดังกล่าว
อีกกรณีที่ ส.ส.พรรคเพื่อไทยและอนาคตใหม่ต้องลุกขึ้นประท้วง คือ มีกรณีใช้กล้องคลิปวิดีโอขณะการลงคะแนนนั้น ซึ่งอาจผิดรัฐธรรมนูญที่กำหนดให้ลงคะแนนลับ และเรียกร้องให้มีการเก็บบัตรเหล่านี้เป็นหลักฐานเพื่อตั้งคณะกรรมการสอบสวนบัตรลงคะแนนเหล่านี้ในภายหลัง แต่ 'ชัย ชิดชอบ' ก็ไม่ยอมวินิจฉัยประเด็นดังกล่าวว่าจะทำอย่างไร
สุดท้าย ประธานสภาชั่วคราวตัดบท ด้วยการประกาศคะแนนการเลือกรองประธานสภาคนที่สอง โดย ศุภชัย โพธ์สุ เป็นผู้ชนะ ด้วยคะแนนเสียง 256 ในขณะที่ นพ.ประสงค์ บูรณ์พงศ์ ได้คะแนนไปเพียง 239 เสียง
โดยเมื่อวานนี้ ในการลงมติเลือกประธานสภาผู้แทนราษฎรก็เต็มไปด้วยความดุเดือด หลังตัวแทน ส.ส. ของพรรคพลังประชารัฐเสนอให้มีการเลื่อนลงมติประธานสภาออกไปก่อน แต่ทางพรรคเพื่อไทยและพรรคอนาคตใหม่ไม่ยินยอม โดยกล่าวว่า โดยคะแนนเสียงคงไม่ชนะ แต่จะไม่ยอมต่อเวลาเพื่อให้มีการต่อรองที่นั่งของพรรคการเมือง ควรจะเริ่มต้นการเลือกประธานสภาในทันที
จนสุดท้ายต้องมีการลงมติว่าเลื่อนหรือไม่เลื่อน แต่ฝ่ายไม่เลื่อนเป็นฝ่ายเสียงข้างมาก และผลสุดท้ายก็ได้ ชวน หลีกภัย จากพรรคประชาธิปัตย์เป็นประธานสภา ด้วยคะแนนเสียง 258 ต่อ 235 เสียง งดออกเสียง 1 ท่ามกลางข้อสงสัยว่าจะเกิด 'งูเห่า' ในพรรคที่ประกาศตัวไม่สนับสนุนคสช. หรือไม่ เพราะถ้ารวมเสียงของ ส.ส. ฝ่ายไม่หนุนคสช. ต้องได้เสียงมากกว่า 235 เสียง