ภาคประชาชนร้องให้ตรวจสอบคำพิพากษาคดี 112 ของเก็ท-โสภณ

13 พฤศจิกายน 2566 เวลา 9.30 น. ตะวัน-ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ ยื่นหนังสือกรณีคำพิพากษาในคดีของ เก็ท-โสภณ สุรฤทธิ์ธำรงให้มีการตรวจสอบว่าการตัดสินเป็นไปตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายบัญญัติ และมีการตีความสรรพนามเป็นอื่นหรือไม่ ในคดีมาตรา 112, พระราชบัญญัติควบคุมการโฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียง และมาตรา 91 โดยในวันนี้มีการยื่นหนังสือสองที่ คือช่วงเช้าที่ศาลฎีกาและช่วงบ่ายทำเนียบรัฐบาล 

เวลา 9.30 น. ประชาชนประมาณ 10 คนถือป้ายข้อความเรียกร้องให้มีการปล่อยผู้ต้องขังในเรือนจำ และยกเลิกมาตรา 112 จากนั้นตะวันจะยื่นหนังสือถึงประธานศาลฎีกา และอ่านแถลงการณ์ระบุข้อเรียกร้องดังนี้ 

  1. ใน พ.ร.บ.ควบคุมการโฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียง พ.ศ. 2493 มาตรา 4 กำหนดว่า ผู้ที่จะใช้เครื่องขยายเสียงด้วยกำลังไฟฟ้าต้องได้รับอนุญาต และมาตรา 9 กำหนดว่าผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 4 มีความผิดต้องระวางโทษปรับ ไม่เกินสองร้อยบาท ดังนั้นคำพิพากษาคดีแดงที่ อ. 2410/2566 กำหนดบทลงโทษฐานใช้เครื่องขยายเสียงด้วยกำลังไฟฟ้าโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก 6 เดือน นั้น จึงเป็นการตัดสินลงโทษโดยปราศจากบทบัญญัติกฎหมายใดๆ รองรับ ทั้งยังขัดกับบทบัญญัติในตัวบทกฎหมายที่มีอยู่
  2. ตามที่ข้าพเจ้าพร้อมทั้งผู้ทรงคุณวุฒิ และผู้รักความเป็นธรรมเห็นว่าประโยคคำพูดของนายโสภณ สุรฤทธิ์ธำรง ตามคำฟ้องในคดีนี้ เป็นประที่จำเลยใช้เพียงสรรพนามบุรุษที่สอง เป็นประธานของประโยค ซึ่งตามหลักไวยากรณ์หมายถึงผู้ฟังซึ่งหน้าในขณะนั้นคือเจ้าหน้าที่ตำรวจที่กำลังฟังอยู่ จึงไม่ครบองค์ประกอบมาตรา 112

ตะวันกล่าวเสริมว่า ขอร้องเรียนให้มีการตรวจสอบว่าการตัดสินดังกล่าวเป็นไปอย่างถูกต้องตามบทกฎหมายหรือไม่ ทั้งนี้หากเป็นความผิดพลาด ก็ควรที่จะชี้แจงแ ละแก้ไขความผิดพลาดนี้อย่างรวดเร็ว เนื่องจากเป็นการกระทำที่กระทบต่อสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชนอย่างรุนแรง อีกทั้งเพื่อธำรงความเป็นธรรมในสังคมที่ประชาชนควรได้รับจากศาลยุติธรรม

พรเพ็ญ คงขจรเกียรติ ผู้อำนวยการมูลนิธิผสานวัฒนธรรม กล่าวว่า ช่วงนี้เป็นระยะของการเปลี่ยนผ่านจากรัฐบาลทหารเป็นรัฐบาลพลเรือน เราอยากให้รัฐบาลพลเรือนใช้อำนาจและหน้าที่ของตัวเอง ในการส่งเสริมประชาธิปไตย ไม่ใช่ดำเนินเฉกเช่นกับรัฐบาลทหาร 

“จริงๆ เรื่องสิทธิเสรีภาพ เรื่องการเมือง เป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจ และความเป็นอยู่ของประชา ถ้าเอาเรื่องเหล่านี้ไปซุกซ่อนไว้ แล้วปล่อยให้กระบวนการยุติธรรมดำเนินไปโดยไม่มีการกำกับดูแล ก็เปรียบเสมือนการรักษาอำนาจของรัฐบาลทหารในอดีตต่อไป”

เก็ท-โสภณ สุรฤทธิ์ธำรง นักกิจกรรมจากกลุ่มโมกหลวงริมน้ำ ผู้ถูกกล่าวหาในคดี “หมิ่นประมาทกษัตริย์ฯ” ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 จากกรณีปราศรัยในกิจกรรม #ทัวร์มูล่าผัว ที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เมื่อวันที่ 22 เม.ย. 2565

You May Also Like
อ่าน

นัดฟังคำพิพากษาคดีมาตรา 112 เดือนพฤษภาคม 2567

เดือนพฤษภาคม 2567 ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 รวมสิบคดี แบ่งเป็นคำพิพากษาศาลชั้นต้นแปดคดี ศาลอุทธรณ์และฎีกาอย่างละหนึ่งคดี
อ่าน

ย้อนเส้นทางเสรีภาพสื่อของวอยซ์ทีวี หลังประกาศปิดฉาก 15 ปี

ย้อนเส้นทางเสรีภาพสื่อมวลชนของวอยซ์ทีวี ที่เรียกว่า อายุเกือบครึ่งหนึ่งของวอยซ์ทีวีต้องเผชิญกับการคุกคามและปิดกั้นเสรีภาพ