- คดีชุมนุม, คดีมาตรา112, คดีมาตรา116, ฐานข้อมูลคดี
ชูเกียรติ: ติดป้ายที่ทิ้งขยะบนพระบรมฉายาลักษณ์รัชกาลที่สิบ
ผู้ต้องหา
สถานะคดี
คดีเริ่มในปี
โจทก์ / ผู้กล่าวหา
ชูเกียรติ แสงวงศ์ หรือจัสตินไทยแลนด์ นักกิจกรรมจากสมุทรปราการไปเข้าร่วมการชุมนุมของกลุ่ม Redem ที่สนามหลวงในวันที่ 20 มีนาคม 2564
ระหว่างที่การชุมนุมดำเนินไปผู้ชุมนุมบางส่วนใช้เชือกดึงตู้คอนเทนเนอร์ที่เจ้าหน้าที่นำมาวางเป็นแนวป้องกันบนท้องสนามหลวงลงมา จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงเริ่มใช้กำลังทำการสลายการชุมนุม
ในระหว่างที่การชุมนุมดำเนินไป เจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบที่กระจายตัวอยู่ในพื้นที่พบเห็นว่า มีคนนำกระดาษเอสี่เขียนข้อความ "ที่ทิ้งขยะ สิ่งปฏิกูล" ไปติดบนพระบรมฉายาลักษณ์ของรัชกาลที่สิบที่ติดตั้งอยู่ใกล้ศาลฎีกาฝั่งพระแม่ธรณีบีบมวยผม
ในเวลาต่อมาเจ้าหน้าที่ได้ทำการสืบสวนขยายผล จนทราบว่าชูเกียรติน่าจะเป็นบุคคลที่กระทำการดังกล่าวจึงขอออกหมายจับชูเกียรติก่อนทำการจับกุมเขาที่บริเวณใกล้บ้านพักในวันที่ 22 มีนาคม 2564
ชูเกียรติถูกนำตัวไปฝากขังที่ศาลอาญาในวันที่ 23 มีนาคม 2564 จากนั้นเขาถูกคุมขังต่อเนื่องเป็นเวลา 71 วัน ศาลอาญาอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวชูเกียรติในคดีนี้ในวันที่ 1 มิถุนายน 2564 แต่เขามาได้รับการปล่อยตัวจริงๆในวันที่ 2 มิถุนายน 2564 เนื่องจากต้องยื่นประกันตัวในคดี 112 อีกสองคดีที่ศาลอื่น
สารบัญ
ภูมิหลังผู้ต้องหา
ข้อหา / คำสั่ง
การกระทำที่ถูกกล่าวหา
ในการจัดกิจกรรมดังกล่าวจำเลยกับพวกไม่ได้จำกัดทางเข้าออกในการเข้าร่วมกิจกรรม และไม่จัดให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมสวมหน้ากากอนามัยและไม่จัดให้มีการเว้นระยะระหว่างกันอย่างน้อยหนึ่งเมตร
พฤติการณ์การจับกุม
หลังการจับกุมเจ้าหน้าที่สน.ชนะสงครามไม่ได้นำตัวชูเกียรติไปที่ สน.ชนะสงคราม อ้างว่าสน.ชนะสงครามกำลังปรับปรุงห้องขังใหม่ ทำให้ไม่มีที่ควบคุมขังผู้ต้องหา ชูเกียรติถูกนำตัวไปที่ สน.ห้วยขวางซึ่งไม่ใช่ สน.ที่รับผิดชอบพื้นที่เกิดเหตุแทน
สำหรับสัญญาประกันของชูเกียรติ ศาลตีราคาประกันเป็นเงิน 200,000 บาท พร้อมกำหนดเงื่อนไขห้ามไม่ให้ชูเกียรติทำกิจกรรมที่กระทำความเสื่อมเสียต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ห้ามร่วมการชุมนุมที่ก่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง ห้ามเดินทางออกนอกราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาตและให้มาศาลตามนัด
บันทึกสังเกตการณ์ในชั้นศาล
หมายเลขคดีดำ
ศาล
เนื้อหาอื่นๆที่เกี่ยวข้อง
แหล่งอ้างอิง
ทนายความมาได้รับแจ้งในภายหลังว่าชูเกียรติถูกควบคุมตัวอยู่ที่สน.ห้วยขวางวจึงรีบเดินทางติดตามไปและได้พบชูเกียรติในเวลาประมาณ 00.54 น. โดยชูเกียรติแจ้งทนายความด้วยว่าเขาถูกพาตัวมาที่สน.ห้วยขวางโดยไม่ทราบสาเหตุ
ระหว่างถูกควบคุมตัวเจ้าหน้าที่ยึดโทรศัพท์มือถือของเขาไว้ ทำให้เขาไม่สามารถติดต่อผู้ไว้วางใจหรือทนายความได้ นอกจากนั้นตำรวจก็จะทำการสอบสวนเขาโดยให้เขาใช้ทนายความที่ตำรวจเตรียมไว้แต่เขาไม่ยอมจึงถูกนำตัวเข้าห้องขัง
อย่างไรก็ตามศาลอาญามีคำสั่งยกคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวชูเกียรติโดยให้เหตุผลว่า
พฤติการณ์แห่งคดีมีความร้ายแรงและมีอัตราโทษสูง ทั้งผู้ต้องหาเคยได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวในคดีความผิดลักษณะเดียวกันมาแล้วแต่ก็ยังกระทำการในลักษณะเดียวกันอีก เชื่อว่าหากปล่อยตัวผู้ต้องหาจะไปก่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองอีก ชูเกียรติจึงถูกนำตัวไปที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ
ในวันเดียวกันมีประชาชนมาชุมนุมที่หน้าศาลอาญาเพื่อติดตามสถานการณ์และมีผู้ชุมนุมบางส่วนเข้ามาชุมนุมในบริเวณศาลด้วย ผู้ชุมนุมยังนำรายชื่อประชาชนที่ร่วมลงชื่อเรียกร้องสิทธิในการปล่อยตัวชั่วคราว 11,035 คน มายื่นต่อศาลด้วย
เบื้องต้นศาลแจ้งทนายความในวันที่ 29 เมษายน 2564 ว่า ศาลจะยังไม่อ่านคำสั่งขอปล่อยตัวชั่วคราว หากยังมีการชุมนุม ขณะที่ญาติของจำเลยและประชาชนที่มารอฟังผลประกันไม่ยอมและยืนยันว่าจะปักหลักรอที่ศาลจนกว่าจะมีคำสั่ง
ในเวลา 18.00 น. ไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวผู้ต้องหาทั้งหมดรวมทั้งชูเกียรติ ศาลอาญาและศาลอุทธรณ์เคยสั่งไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวโดยระบุเหตุผลไว้ชัดแจ้งแล้ว กรณีไม่มีเหตุเปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิม จึงไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว ยกคำร้อง
คดีนี้เขาถูกออกหมายจับโดยไม่เคยถูกออกหมายเรียกมาก่อนซึ่งหากพนักงานสอบสวนออกหมายเรียกเขาก็ยินดีไปรายงานตัวตามนัด
ชูเกียรติแถลงรับรองตามคำร้องปล่อยตัวชั่วคราวด้วยว่า หากได้รับการปล่อยตัวจะไม่เข้าร่วมการชุมนุมที่ก่อให้เกิดความวุ่นวายและไม่กระทำการแบบเดียวกับที่ถูกกล่าวหา ไม่กระทำการอันเป็นที่เสื่อมเสียต่อสถาบันกษัตริย์ ไม่เดินทางออกนอกประเทศหากไม่ได้รับอนุญาต และมาตามนัดของศาลโดยเคร่งครัด
ชูเกียรติได้รับการปล่อยตัวจากเรือนจำ หลังศาลมีคำสั่งปล่อยตัวชั่วคราวในคดีมาตรา 112 คดีอื่นอีกสองคดี