มกราคม 2553
ก้านธูปสร้างเฟซบุ๊คส่วนตัวโดยใช้ชื่อจริงนามสกุลจริงขณะนั้น โพสต์ข่าวสาร และแสดงความคิดเห็นทางการเมืองและสังคม
เมษายน 2553
มีการเผยแพร่ Forward Mail โจมตีว่า ก้านธูปโพสต์ข้อความหมิ่นพระบรมเดชานุภาพในเฟซบุ๊คดังกล่าว
พฤษภาคม 2553
ก้านธูปผ่านการสอบคัดเลือกเพื่อเข้าศึกษาต่อที่ คณะอักษรศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร แต่เนื่องจากมีกระแสกดดันจากสังคม เธอถูกปฏิเสธให้เข้ารับการศึกษา โดยรองคณบดี คณะอักษรศาสตร์แถลงว่า ก้านธูปมีความคิดเป็นอันตราย ผิดหลักการแห่งประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ต่อมาในปีเดียวกันก้านธูปผ่านการสอบคัดเลือกเพื่อเข้าศึกษาต่อที่คณะสังคมศาสตร์ สาขาวิชารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ แต่เนื่องจากกระแสโจมตีในอินเทอร์เน็ตมีความรุนแรงถึงขั้นที่มีการประกาศระดมพลต่อต้านในมหาวิทยาลัย และในวันนัดหมายการสอบสัมภาษณ์ มีผู้ชุมนุมนับสิบคนพร้อมป้ายต่อต้านไปรอเธออยู่ด้านหน้าห้องสัมภาษณ์ ก้านธูปจึงตัดสินใจสละสิทธิ์เข้ารับการสัมภาษณ์ เนื่องจากเกรงว่าจะได้รับอันตราย
24 พฤษภาคม 2553
หนังสือพิมพ์ผู้จัดการตีพิมพ์ ข้อมูลที่ก้านธูปถูกตัดสิทธิ์ไม่ให้เข้ารับการศึกษาที่ มหาวิทยาลัยศิลปากร โดยเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ทั้งชื่อ นามสกุล รูปถ่ายและข้อมูลส่วนตัว และเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่รัฐดำเนินคดีตามกฎหมายอาญามาตรา112 ขณะนั้น มีกลุ่มคนหลายกลุ่มพยายามไล่ล่าค้นหาตัว ด้วยการตามไปที่บ้าน บางกลุ่มก็อ้างตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ แต่เพื่อนบ้านปฏิเสธที่จะให้ข้อมูล
มิถุนายน 2553
ก้านธูปเปลี่ยนชื่อ นามสกุล และยุติการทำกิจกรรมทางการเมือง จนผ่านการสอบคัดเลือกเข้าเรียนในคณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัย ศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร แต่เมื่อไปเข้าสอบสัมภาษณ์ อาจารย์ผู้ตัดสินก็เชิญออกนอกห้อง และให้ไปรอฟังผลการสัมภาษณ์ที่บ้าน ซึ่งเธอไม่ผ่านการสัมภาษณ์และไม่ได้รับสิทธิเข้าศึกษา
ปี 2554
ก้านธูปใช้ชื่อนามสกุลใหม่ เพื่อสอบเข้ามหาวิทยาลัยอีกครั้ง เธอผ่านการคัดเลือกเข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยรัฐแห่งหนึ่งและผ่านการสอบสัมภาษณ์ ได้เข้ารับการศึกษามาจนถึงปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม ในขณะที่กำลังศึกษา มีกลุ่มคนต่อต้าน โจมตี ข่มขู่ คุกคามและทำร้ายร่างกายมาโดยตลอด
13 มิถุนายน 2554
วันแรกของการเปิดภาคเรียน อาจารย์ที่ปรึกษาได้เรียกพบ และแจ้งให้ทราบว่ามีนักศึกษาชั้นปีที่ 2-3 รวมกลุ่มต่อต้านและยื่นหนังสือให้ทางคณะถอดถอนสภาพการเป็นนักศึกษา รวมถึงมีคนจำนวนมากส่งอีเมล์และจดหมายร้องเรียนมายังมหาวิทยาลัยกรณีที่ได้รับสิทธิ์การเข้าศึกษาต่อ หลังจากนั้น ก้านธูปได้พบรองคณบดี และคณบดี ที่แสดงความเป็นห่วงในสวัสดิภาพ ความปลอดภัยเนื่องจากมีกระแสต่อต้านออกมาโดยตลอด
ก้านธูปเล่าว่า การใช้ชีวิตอยู่ในมหาวิทยาลัย หลายๆครั้งมีคนจำได้ บางรายเข้ามาต่อว่าโดยตรง บางครั้งก็ไล่ออกนอกประเทศ ที่ร้ายแรงที่สุดคือ มีคนปารองเท้าใส่ ขณะที่นั่งทำงานอยู่กับกลุ่มเพื่อน
25 ตุลาคม 2554
มีหมายเรียกผู้ต้องหาจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้เดินทางไปรับทราบและชี้แจงข้อกล่าวหาในคดี หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ตามกฎหมายอาญา มาตรา 112 ในวันที่ 5 พฤศจิกายน 2554 ที่สถานีตำรวจนครบาล บางเขน แต่เนื่องจากสถานการณ์น้ำท่วมทำให้พื้นที่ของสน.บางเขนถูกน้ำท่วม ไม่สามารถเดินทางไปตามที่กำหนดได้ และตัวก้านธูปเองก็อยู่บ้านที่ต่างจังหวัดยังไม่สะดวกเดินทางเข้ามาในกรุงเทพมหานคร ก้านธูปจึงโทรศัพท์ไปขอเลื่อนการรายงานตัวออกไปเป็นวันที่ 30 พฤศจิกายน 2554
27 พฤศจิกายน 2554
ใกล้กำหนดนัดรายงานตัวแต่สถานการณ์น้ำท่วมก็ยังไม่คลี่คลาย อีกทั้งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ซึ่งถูกน้ำท่วมก็เลื่อนการเปิดภาคเรียนเป็นวันที่ 9 มกราคม 2555 ก้านธูปจึงติดต่อไปยังพนักงานสอบสวนที่รับผิดชอบคดี เพื่อขอเลื่อนวันเข้ารายงานตัวอีกครั้ง เป็นวันที่ 11 มกราคม 2555
26 ธันวาคม 2554
หนังสือพิมพ์ผู้จัดการออนไลน์ เผยแพร่บทความกล่าวหาก้านธูปกรณีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ โดยเปิดเผยข้อมูลส่วนตัว ชื่อ นามสกุลจริง รวมถึงรหัสนักศึกษา คณะ และมหาวิทยาลัยที่สังกัดอยู่อีกครั้งหนึ่ง
3 มกราคม 2555
อาจารย์สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล หนึ่งในผู้ซึ่งถูกดำเนินคดีตามกฎหมายอาญา มาตรา 112 เผยแพร่ข้อมูล การเลื่อนวันรายงานตัวตามหมายเรียกผู้ต้องหาของก้านธูป ก่อให้เกิดกระแสสังคมต่อต้านและกดดันตามมามากมาย ประกอบกับก้านธูปติดพันการสอบปลายภาคเรียนที่ 1 ซึ่งเลื่อนมาจากสถานการณ์น้ำท่วม ทำให้เธอโทรศัพท์ไปขอเลื่อนการเข้ารายงานตัวกับเจ้าพนักงานออกไปเป็นครั้งที่สามในวันเสาร์ที่ 11 กุมภาพันธ์ 2555
10 กุมภาพันธ์ 2555
พ.ต.ท. แบ๊งค์ บัวนวล พนักงานสอบสวน สน.บางเขน ผู้รับผิดชอบคดี แจ้งกับผู้ต้องหา “ก้านธูป” ว่า ให้เลื่อนการรายงานตัวรับทราบข้อกล่าวหาออกไปก่อนอย่างไม่มีกำหนด เนื่องจากทางตำรวจอาจจะตัดสินใจไม่สั่งฟ้องจำเลย เพราะพยานหลักฐานอาจไม่เพียงพอในการระบุตัวผู้กระทำความผิด