ใกล้จะครบสี่ปีเต็ม ตั้งแต่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เข้ายึดอำนาจและปกครองประเทศ ตลอดระยะเวลานี้ คสช. อ้างถึงความจำเป็นของการปฏิรูปป ระเทศอยู่หลายครั้งโดยในเฉพาะสา มประเด็นหลักที่เป็นข้อเรียกร้ องจากกลุ่ม กปปส. ก่อนการเข้ายึดอำนาจ คือ การปฏิรูปตำรวจ การกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น และการแก้ปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่ น ภารกิจเหล่านี้เป็นเหตุผลที่หลา ยคนตั้งตารอให้ คสช. ทำภารกิจให้เสร็จก่อนจัดการเลือ กตั้ง
จากการติดตามการออกกฎหมาย และการบังคับใช้กฎหมายจำนวนมากใ นยุค คสช. พบว่า มีการออกประกาศและคำสั่ง คสช. และคำสั่งหัวหน้า คสช. โดยอาศัย “มาตรา 44” รวมกันแล้วอย่างน้อย 520 ฉบับ โดยเป็นการใช้อำนาจเบ็ดเสร็จที่ คสช. คิดเองและประกาศใช้เอง ไม่ได้เกิดจากการมีส่วนร่วมของป ระชาชน
ในประเด็นการปฏิรูปตำรวจ คสช. ออกประกาศ/คำสั่งเพื่อแก้ไขพ.ร. บ.ตำรวจแห่งชาติ ไปแล้วรวม 9 ครั้ง ในหลายประเด็น เช่น เพิ่มปลัดกระทรวงกลาโหม เป็นตัวแทนฝ่ายทหารเข้าไปคุมตำร วจ และลดสัดส่วนผู้ทรงคุณวุฒิจาก 11 คนเหลือ 2 คน ให้อำนาจกับผู้บัญชาการตำรวจแห่ งชาติสั่งแต่งตั้งตำรวจตั้งแต่ร อง ผบ.ตร. ถึงผู้กำกับได้ นอกจากนี้ คสช. ยังตั้งคณะกรรมการขึ้นมาศึกษาแล ะผลิตข้อเสนอแล้วสี่ชุด เมื่อจบแต่ละชุดก็ตั้งชุดใหม่มา ทำงานต่อจนถึงตอนนี้ถึงห้าชุดแล้ ว ตั้งวนอยู่เช่นนี้แต่ข้อเสนอที่ ผลิตออกมายังไม่ได้รีบนำไปใช้อย่ างจริงจัง
ในประเด็นการกระจายอำนาจ พ.ร.บ.หลายฉบับที่ออกมาในยุค คสช. มุ่งแก้ไขสัดส่วนกรรมการให้เป็น คนจากราชการส่วนกลางมากขึ้น และภาคส่วนอื่นน้อยลง ขณะที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ทั่วประเทศก็ถูกคำสั่งตามมาตรา 44 ระงับการเลือกตั้งไว้เป็นเวลาเข้ าปีที่สี่ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครและนา ยกเมืองพัทยาก็มาจากการแต่งตั้ งด้วยอำนาจมาตรา 44 อีก และยังมีคำสั่ง คสช. ฉบับที่ 88/2557 ตั้งกรรมการที่มีทหารเป็นส่วนให ญ่ไปกำกับงบประมาณขององค์กรปกคร องส่วนท้องถิ่น
แนวทางที่ คสช. กำลังเดินหน้าไปดูเหมือนตรงกันข้ ามกับการกระจายอำนาจ ข้อเสนอที่เคยพูดกันเรื่องการเลื อกตั้งผู้ว่าฯ ก็ไม่เห็น คสช. ยกขึ้นมาพูดถึงอีก หากใครที่เคยมีความหวังว่า คณะรัฐประหารชุดนี้จะมาปฏิรูปปร ะเทศเพื่อกระจายอำนาจลงสู่ท้องถิ่ น ก็น่าจะเริ่มรู้สึกผิดหวังได้แล้ ว
สำหรับการแก้ไขปัญหาทุจริต คสช. ได้ตั้งคณะกรรมการชุดใหม่ขึ้นมา อีกมากมายที่มีทหารผู้ใหญ่เข้ าไปนั่งอยู่ในนั้น แต่วันนี้ก็ไม่เห็นผลงานเป็นรูป ธรรมนัก สิ่งที่พอจะเห็นได้ชัดเจน คือการออกคำสั่งให้เจ้าหน้าที่รั ฐหยุดปฏิบัติหน้าที่เพื่อตรวจสอ บการทุจริต และการใช้ทั้ง “มาตรา 44” บวกกับบทบาทของ สนช. เพื่อเอาคนที่ คสช. “ไว้ใจ” เข้าไปอยู่ในองค์กรที่ทำหน้าที่ ตรวจสอบการทุจริตทุกแห่ง ผลที่เกิดขึ้นจึงพบว่า ในยุคนี้ไม่มีการตรวจสอบการทุจริ ตของกองทัพเลย แม้ว่าจะมีข่าวลือในทางเสียหายอ ยู่หลายครั้งก็ตาม
ในภาพรวมของสี่ปีที่ผ่านมา คสช. ได้ขับเคลื่อนสังคมไปแล้วหลายปร ะการ ส่วนใหญ่เป็นการใช้อำนาจพิเศษออ กประกาศ/คำสั่ง เป็นการทำโดย คสช. แต่เพียงลำพัง นับแล้วเป็นการออกประกาศ/คำสั่ง เกี่ยวกับประเด็นคอร์รัปชั่นอย่ างน้อย 29 ฉบับ เกี่ยวกับการจัดการองค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่นอย่างน้อย 12 ฉบับ เกี่ยวกับการปฏิรูปตำรวจอย่างน้ อย 11 ฉบับ เน้นไปในทางส่งทหารและคนของ คสช. เข้าไปอยู่ในกลไกต่างๆ ตัดโอกาสให้กลไกอื่นๆ ในสังคมได้เติบโต และไม่ได้สร้างความรู้ความเข้าใ จและการมีส่วนร่วมของประชาชน
ตลอดสี่ปีของ คสช. มีความพยายามบอกสังคมว่า คสช. กำลังดำเนินการปฏิรูปประเทศอยู่ หลายครั้ง เริ่มจากการแต่งตั้งสภาปฏิรูปแห่ งชาติ (สปช.) ทำงานอยู่หนึ่งปีเต็มใช้งบประมา ณกว่า 700 ล้านบาท ผลิตข้อเสนอ 505 ข้อ ครอบคลุมทุกเรื่องในสังคม แต่ไม่มีอะไรใหม่ และปฏิบัติไม่ได้ ต่อด้วยสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปป ระเทศ (สปท.) ที่ทำงานอยู่ 20 เดือน ใช้งบประมาณไปกว่า 1,000 ล้านบาท มีข้อเสนอและวิธีการปฏิรูปนับได้ อย่างน้อย 1,342 ข้อ แต่เป็นข้อเสนอที่นำไปปฏิบัติได้ ทันทีเพียงประมาณ 1 ใน 4 ทั้งสองสภารวมกันแล้วเสนอร่างกฎ หมายมากกว่า 110 ฉบับ ปัจจุบันประกาศใช้แล้วอย่างน้อย 6 ฉบับเท่านั้น ต่อมารัฐธรรมนูญของ คสช. ยังกำหนดให้ตั้งคณะกรรมการปฏิรู ปประเทศ 6 ด้าน เพื่อผลิตข้อเสนออกมาอีกเป็นชุด ที่สาม ซึ่งก็เสร็จภารกิจไปเมื่อเดือนเ มษายน 2561 แล้ว
คสช. ถืออำนาจพิเศษที่จะออกคำสั่งอะไ รก็ได้อยู่เป็นเวลาสี่ปีเต็มแล้ ว และออกคำสั่งสารพัดอย่าง หาก คสช. คิดได้ว่า ควรแก้ไขปัญหาของประเทศอย่างไรก็ ควรจะทำเสร็จไปหลายปีแล้ว หากหลังจากนี้ คสช. ยังอ้างภารกิจที่จะต้องปฏิรูปปร ะเทศต่ออีก ก็เป็นเพียงการหาข้ออ้างใช้งบปร ะมาณ และหาข้ออ้างอยู่ในอำนาจต่อให้น านขึ้นเท่านั้นเอง โดยไม่ได้ตอบข้อเรียกร้องที่ประ ชาชนอยากเห็นแต่อย่างใด