เลือกตั้ง 66: โกงเลือกตั้งกลับใจอาจไม่ต้องรับผิด หากสมัครใจให้ข้อมูลสำคัญ

ในการเลือกตั้งระดับประเทศไปจนถึงระดับท้องถิ่น หรือการออกเสียงประชามติก็ตาม อาจพบเหตุการณ์ที่ส่อไปในทางทุจริตเลือกตั้ง หลายกรณีมีความซับซ้อนเจ้าหน้าที่รัฐสามารถจับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริตได้ แต่บุคคลดังกล่าวไม่ได้เป็นตัวการหลัก มาตรการสำคัญอย่างหนึ่งในสืบสาวไปยังต้นทางผู้กระทำผิด คือ การยกประโยชน์ให้จำเลย หรือผู้มีส่วนเกี่ยวข้องแลกกับการที่บุคคลดังกล่าวให้ข้อมูลที่ซัดทอดไปถึงตัวการสำคัญได้ โดยรายละเอียดตราไว้ในระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการกันบุคคลไว้เป็นพยานโดยไม่ดำเนินคดี พ.ศ. 2563 (ระเบียบกันบุคคลเป็นพยาน)

ระเบียบกันบุคคลเป็นพยานให้อำนาจ กกต. ในการพิจารณากันบุคคลที่มีส่วนในการกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา สมาชิกหรือผู้บริหารสภาท้องถิ่น กฎหมายว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง กฎหมายพรรคการเมือง และการออกเสียงประชามติ ไว้เป็นพยาน และคุ้มครองผู้นั้นโดยจะไม่ดำเนินคดีทางอาญา ซึ่งบุคคลที่ถือเป็นพยานตามระเบียบฉบับนี้จะต้องผ่านมติของ กกต. และต้องมีคุณลักษณะครบตามที่กำหนดไว้ ดังนี้

  1. เป็นผู้มีส่วนร่วม หรือเกี่ยวข้องในการกระทำความผิด
  2. สมัครใจในการให้ข้อมูล ซึ่งข้อมูลนั้นจะต้องเป็นประโยชน์ และสามารถใช้เป็นหลักฐานพิสูจน์ความผิดซักทอดไปยังตัวการสำคัญได้
  3. ให้การยืนยันว่าจะไปเบิกความในชั้นศาลตามถ้อยคำที่ให้ไว้ 

โดยผู้ถูกกันไว้พยานอาจขอให้ กกต. จัดให้มีการคุ้มครองตามระเบียบคุ้มครองพยานได้ อย่างไรก็ตามกระบวนการที่จะให้ได้มาซึ่งข้อมูลจากบุคคลดังกล่าวจะต้องไม่ใช่การได้มาจากการจูงใจ ขู่เข็ญ หรือหลอกลวง 

ผู้ที่สามารถเสนอให้กันบุคคลไว้เป็นพยานได้ เช่น คณะกรรมการสืบสวนและไต่สวน ผู้อำนวยการเลือกตั้งประจำจังหวัด เลขาธิการ กกต. หรือกรรมการการเลือกตั้ง ในการเสนอให้ กกต. พิจารณาจะต้องทำความเห็นพร้อมเหตุผลในการกันบุคคลดังกล่าวเป็นพยาน หาก กกต.เห็นควรในการกันบุคคลดังกล่าวไว้เป็นพยานคดีเลือกตั้งแล้ว การดำเนินคดีอาญาเป็นอันระงับไป หากปรากฏในภายหลังว่า พยานได้ให้ข้อมูลเท็จ ไม่ไปเบิกความ หรือเบิกความไม่ตรงกับที่ให้ถ้อยคำไว้ กกต. สามารถมีมติเพิกถอนการกันบุคคลนั้นไว้เป็นพยาน และดำเนินการตามกฎหมายกับผู้นั้นต่อไปได้ ในทางกลับกันหาก กกต. เห็นว่า เหตุผลในการบุคคลเป็นพยานคดีเลือกตั้งไม่เพียงพอ หรือไม่สมควร กกต. จะลงมติไม่ให้มีการกันบุคคลดังกล่าวเป็นพยานก็ได้เช่นกัน การพิจารณากันบุคคลที่มีส่วนในการทุจริตเลือกตั้งไว้เป็นพยานจะถือความเห็นของ กกต. เป็นที่สุด