4 ปี แล้วยังไม่พบศพสุรชัย แซ่ด่าน

4 ปี แล้วยังไม่พบศพสุรชัย แซ่ด่าน ส่วนตำรวจยังไม่เชื่อว่าเสียชีวิต

27 สิงหาคม 2565 เวลา 16.00 น. ที่อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา วงเสวนา “คนต้องไม่หาย ออกกฎหมายต้องเป็นธรรม” นำโดย เบนจา แสงจันทร์ ส.ส.พรรคก้าวไกล, สมยศ พฤกษาเกษมสุข, อัญชนา หีมมิหน๊ะ เนื่องในวันผู้สูญหายสากลคือวันที่ 30 สิงหาคม ของทุกปี

ปราณี ด่านวัฒนานุสรณ์ วัย 63 ปี หรือป้าน้อย ตามที่คนทั่วไปรู้จักว่าเธอเป็นภรรยาของสุรชัย แซ่ด่าน (ด่านวัฒนานุสรณ์) นักเคลื่อนไหวในประเทศไทยที่ลี้ภัยทางการเมืองไปยังประเทศเพื่อนบ้านในช่วงรัฐประหารปี 2557 หลังจากนั้นมีข่าวการหายตัวไปของทั้งสุรชัย และสหายคนสนิทคือ ‘ภูชนะ’ และ ‘กาสะลอง’ ก่อนจะพบศพสหายทั้งสองคนถูกมัดใส่กระสอบ สภาพศพถูกคว้านท้องและยัดด้วยเสาปูนลอยมาที่ริมน้ำโขง จังหวัดนครพนม ส่วนร่างของสุรชัยนั้นแม้เวลาผ่านมากว่า 4 ปี แล้ว ก็ยังหาร่างไม่พบ

ปราณีเล่าย้อนกลับไปช่วงที่สุรชัยลี้ภัยไปยังสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เธอและเขาได้ติดต่อกันผ่านแอปพลิเคชันไลน์เป็นระยะเวลา 3 ปีกว่า จนกระทั่งวันที่ 9 ธันวาคม 2561 เป็นวันสุดท้ายที่ทั้งคู่ได้พูดคุยกัน เพราะหลังจากนั้นในช่วงที่รัฐบาลคสช. ไปเยือนประเทศลาว เธอไม่สามารถติดต่อสุรชัยได้ ภายหลังมีข่าวรายงานพบศพ 2 ศพ ถูกมัดใส่กระสอบลอยมาริมตลิ่งที่แม่น้ำโขง จังหวัดนครพนม และมีการพบศพที่ 3 ในบริเวณเดียวกัน แต่ได้สูญหายไป

“ปลายเดือนธันวาคม [ปี 2561] ก็มีศพขึ้นที่ท่าน้ำจังหวัดนครพนมอยู่สามท่า แต่ว่ามีศพหนึ่งที่หายไป ซึ่งดูจากภาพถ่ายที่ออกจากสื่อหลายสื่อ ก็มีความเห็นว่าเป็นศพที่คล้ายคุณสุรชัยมากที่สุด”

ปราณีเล่าว่าเธอได้ไปยังสถานที่ที่พบศพทั้ง 3 ศพ เพื่อสอบถามถึงความคืบหน้าและแจ้งความที่จังหวัดนครพนม บ้านท่าจำปา เธอระบุอีกว่ามีพยานเพียงคนเดียว คือผู้ใหญ่บ้านผู้ได้พบศพที่คาดว่าเป็นสุรชัย แต่ผู้ใหญ่บ้านคนนั้นกลับให้การว่ากระสอบที่มาติดนั้นตนคิดว่าเป็นเพียงกระสอบขยะ และให้ปากคำกับตำรวจไม่ตรงกัน

เมื่อตรวจดีเอ็นเอของทั้งสองศพแล้ว พบว่าเป็นร่างของภูชนะและกาสะลอง คนสนิทของสุรชัย ปราณีจึงไปร้องทุกข์กับกรรมการสิทธิมนุษยชน และกรมคุ้มครองสิทธิ ในปี 2562 เรื่องของความอนุเคราะห์ถึงการที่สุรชัยลี้ภัยแล้วไม่ได้กลับมาสู้คดีที่ถูกกล่าวหาว่าบุกรุกเข้าไปปราศรัยที่ประชุมอาเซียน ณ โรงแรมรอยัลคลิฟ บีช รีสอร์ท พัทยา ซึ่งสุรชัยไม่มีส่วนร่วมกับคดีดังกล่าว อีกทั้งเธอไม่สามารถฟ้องกลับได้ ทำให้เธอถูกศาลสั่งปรับ 500,000 บาท และเมื่อขอความเมตตาแล้ว ศาลสั่งปรับขั้นต่ำที่สุดคือต้องจ่าย 3,000 บาท เป็นประจำทุกเดือน ซึ่งปราณีเสริมว่าเธอไม่สามารถขอความช่วยเหลือจากกองทุนยุติธรรมได้เพราะเป็นการเสียค่าปรับ ไม่ใช่เสียค่าประกันตัว

“ตอนนี้จ่ายมาตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ปี 2561 จนถึงเดือนที่แล้วก็ได้ห้าสิบสี่งวด รวมทั้งเงินสดที่ยึดไปครั้งแรก 50,000 บาท ก็ยังขาดอยู่อีกประมาณเกือบหนึ่งร้อยงวด จึงจะครบ 500,000 บาท”

“ดิฉันคิดว่ามันเป็นความเดือดร้อนของญาติ ไม่ใช่เฉพาะดิฉัน แต่ญาติของทุกๆ ท่านที่ได้สูญหายไป หรือพบศพแล้วก็ยังมีความเดือดร้อนเช่นกัน”

“รัฐบาลนี้ก็ไม่มีความจริงใจที่จะสืบสวนสอบสวน รีบๆ ปิดคดีไป ทั้งๆ ที่เพื่อนบ้านเรา [ประเทศลาว] ก็ไม่ได้ไกลกัน สามารถที่จะส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบว่าความเป็นมาอย่างไร ทำไมถึงหายไป แต่พอเป็นคนเห็นต่างทำไมไม่สนใจ ไม่ติดตาม”

ปราณีกล่าวว่าเธอเคยไปร้องทุกข์ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ แต่ทางตำรวจได้ปฎิเสธว่าศพที่พบที่แม่น้ำโขงนั้นไม่ใช่สุรชัย อีกทั้งบอกว่าสุรชัยยังมีชีวิตอยู่และยังเคลื่อนไหวอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน

“ไปร้องกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติก็ออกมาปฎิเสธว่าไม่ใช่ศพสุรชัย สุรชัยยังเคลื่อนไหวอยู่ที่ประเทศเพื่อนบ้าน ถ้ายังมีชีวิตอยู่ทำไมไม่มีข่าวมา 4 ปี แล้ว ซึ่งปกติคุณสุรชัยจะมีบทความหรือ ออกคลิปรายการเพื่อส่งสัญญาณให้ทราบว่าเขามีชีวิตอยู่ ไม่ใช่เงียบหายไปแบบนี้… “

“ซึ่งดิฉันก็เรียกร้องความเป็นธรรมกับทุกหน่วยงานแล้ว ก็ยังเงียบ ก็เลยคิดว่าคงต้องรอให้ได้ประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ก่อนแล้วถึงจะเริ่มรื้อฟื้นใหม่ เพราะคดีการสูญหายอุ้มหายคงไม่มีอายุความ”

ปราณีกล่าวทิ้งท้ายว่าหากยังไม่พบศพสุรชัยจนถึงช่วงสิ้นปี 2566 นั้น เธอจะทำเรื่องต่อศาลเยาวชนและครอบครัวเรื่องการยุติค่าปรับ เนื่องจากครบ 5 ปีแล้ว

ในช่วงเวลาที่ผ่านมามีผู้สูญหายและเสียชีวิตระหว่างลี้ภัยทางการเมืองในลาวก่อนหน้าสุรชัย และสหาย คือ ดีเจซุนโฮ หรืออิทธิพล สุขแป้น ในปี 2559, โกตี๋ หรือ วุฒิพงศ์ กชธรรมคุณ ในปี 2560 อีกทั้งหลังจากนั้นยังมีผู้ลี้ภัยในลาวสูญหายเพิ่มอีก 3 คน คือชูชีพ ชีวะสุทธิ์, สยาม ธีรวุฒิ และกฤษณะ ทัพไทย ทำให้ผู้ลี้ภัยในลาวคนอื่น ทั้งกลุ่มนักดนตรี ‘ไฟเย็น’ และนักเขียนรางวัลศรีบูรพา ‘วัฒน์ วัลยางกุล’ เลือกที่จะลี้ภัยออกจากประเทศลาว ไปยังฝรั่งเศส

ปัจจุบันปราณียังต้องจ่ายค่าปรับศาลเป็นเงิน 3,000 บาท ต่อเดือน เนื่องจากสุรชัยโดนคดีความและไม่มาขึ้นศาล

เธอมีรายรับเพียงเบี้ยผู้สูงอายุที่ทางรัฐให้แต่ละเดือน และการปล่อยเช่าบ้าน ในบางครั้งเธอจะนำสินค้าไปขายในงานรำลึก คือเสื้อคิดถึงสุรชัย, หมวกดาวแดง และหนังสือของสุรชัย แซ่ด่าน ในราคา 200 บาท หากสนใจสามารถติดต่อได้ทางเบอร์ โทร. 09-2963-9550 หรือไลน์ไอดี panoi1959