ญี่ปุ่น : ห้ามเพศเดียวกันแต่งงานขัดรัฐธรรมนูญ ลุ้นแก้กฎหมาย
ไต้หวัน : คู่ชีวิตเพศเดียวกันได้สิทธิเกือบเทียบเท่าคู่ต่างเพศ ยังต้องสู้ต่อ
ออสเตรีย : ทุกคู่ชีวิตล้วนเท่าเทียม เสมอภาคตามกฎหมาย
ฝรั่งเศส : 14 ปี แห่งการต่อสู้ จากกฎหมายคู่ชีวิต สู่การปลดล็อกกฎหมาย สร้าง #สมรสเท่าเทียม
ในสมัยของประธานาธิบดีฌัค ชีรัก (Jacques Chirac) การต่อสู้ของกลุ่มเพศหลากหลายในฝรั่งเศสประสบความสำเร็จไปหนึ่งขั้น เมื่อรัฐสภาฝรั่งเศสได้ผ่านกฎหมายบันทึกทะเบียนคู่ชีวิต (Pacte civil de solidarité : PACs) ซึ่งเป็นกฎหมายสัญญาทางแพ่งเพื่อความเป็นหนึ่งเดียวกันของสังคม โดยกฎหมายฉบับใช้บังคับตั้งแต่ 15 พฤศจิกายน 2542 รับรองสิทธิในการจดทะเบียนคู่ชีวิต (Civil Partnership) ทั้งในคนต่างเพศและคนเพศเดียวกัน ในระดับที่ “ใกล้เคียง” กับคู่สมรสสามีภริยา อย่างไรก็ตาม กฎหมายฉบับนี้ไม่ได้มีความหมายเท่าเทียมกับการแต่งงาน ผู้ที่ทำสัญญาจึงมีสถานภาพเป็นผู้ทำสัญญา (Pacsé) ไม่ใช่คู่สมรส (Marié)
ผู้ที่จดทะเบียนคู่ชีวิต (PACs) ได้นั้น จะต้องบรรลุนิติภาวะแล้ว คือ มีอายุครบ 18 ปีบริบูรณ์ (ตามกฎหมายของฝรั่งเศส) ทั้งสองฝ่ายจะเป็นบุคคลเพศกำหนดเดียวกันหรือต่างเพศก็ได้ ซึ่งหมายความว่าหากคู่รักเพศชาย-หญิง ไม่ต้องการจดทะเบียนสมรส ก็สามารถจดทะเบียนคู๋ชีวิตได้เช่นกัน ทั้งนี้ ผู้ที่จะมาจดทะเบียนคู่ชีวิตต้องไม่มีทะเบียนสมรสหรือทะเบียนคู่ชีวิตอยู่แล้ว เพื่อป้องกันการจดทะเบียนซ้อนนั่นเอง ทั้งนี้ ผู้ที่จะจดทะเบียนคู่ชีวิตนั้นไม่จำเป็นต้องมีสัญชาติฝรั่งเศสทั้งสองฝ่าย แต่อย่างน้อยต้องมีฝ่ายหนึ่งที่มีสัญชาติฝรั่งเศส
ผู้ที่จดทะเบียนคู่ชีวิต ก็จะมีความสัมพันธ์คล้ายๆ คู่สมรสสามีภริยา ต้องอุปการะช่วยเหลือกัน รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันแก่กัน ต้องรับผิดชอบในค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการจัดการบ้านและสิ่งของจำเป็นในครัวเรือน ส่วนการจัดการทรัพย์สิน ปรากฏในรูปแบบกรรมสิทธิ์ร่วม ทรัพย์สินที่ได้มาหลังอยู่ร่วมกันต้องแบ่งคนละครึ่ง เว้นเสียแต่ว่าจะตกลงไว้เป็นอย่างอื่น ส่วนเรื่องการรับมรดก คู่ชีวิตจะไม่มีสิทธิรับมรดกในฐานะทายาทโดยธรรมเหมือนกรณีคู่สมรสชาย-หญิง แต่ถ้าคู่ชีวิตฝ่ายที่เสียไปเขียนพินัยกรรมไว้ และไม่มีปัญหาในการแบ่งมรดกกับทายาทโดยธรรมของผู้เสียชีวิต ตัวคู่ชีวิตก็รับทรัพย์สินตามพินัยกรรมได้ ส่วนประเด็นการรับบุตรบุญธรรมนั้น คู่ชีวิตไม่มีสิทธิรับบุตรบุญธรรมร่วมกัน และไม่สามารถใช้วิธีผสมเทียมให้มีบุตรได้
อีกเจ็ดปี พ.ศ. 2549 มีการแก้ไขกฎหมายเพิ่มสิทธิให้ชีวิตสองเรื่อง คือสิทธิในการรับมรดก และเรื่องการจัดการทรัพย์สินที่ได้มาหลังอยู่ร่วมกัน ใครได้มาก็ตกเป็นทรัพย์สินส่วนตัวของฝ่ายนั้น แต่จะไปทำข้อตกลงเป็นระบบทรัพย์สินร่วมหรือระบบสินสมรสก็ได้
ต่อมา Noël Mamère นายกเทศมนตรีของ Bègles และผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจากพรรคกรีน ได้ท้าทายแนวคิดสมรสในเพศเดียวกันในฝรั่งเศสครั้งแรกในวันที่ 5 มิถุนายน 2547 โดยการอาศัยช่องโหว่ทางกฎหมาย จัดพิธีแต่งงานให้กับ Bertrand Charpentier และ Stéphan Chapin Mamère ตีความว่า ในประมวลกฎหมายแพ่ง มาตรา 144 ไม่ได้กำหนดว่าจะทำการสมรสไม่ได้หากคู่สมรสเป็นชายและชาย หรือหญิงและหญิง เพียงแต่กำหนดอายุของชายและหญิงที่จะทำการสมรสกันได้ ต่อมาศาลก็ตัดสินให้การสมรสในครั้งดังกล่าวตกเป็นโมฆะ
ต่อมาในสมัยของประธานาธิบดีฝรั่งเศสฟร็องซัว ออล็องต์ (François Hollande) ซึ่งมีนโยบายในการหาเสียงเลือกตั้งว่าให้เดินหน้าให้สิทธิเพศหลากหลายจดทะเบียนสมรสได้ ก็เริ่มปลดล็อกข้อจำกัดของกฎหมาย เพื่อแก้ประมวลกฎหมายแพ่งอันมีบทบัญญัติที่กำหนดเรื่องการสมรส โดยรัฐสภาผ่านร่างกฎหมาย ประธานาธิบดีลงนามและประกาศใช้ในวันที่ 18 พฤษภาคม 2556 กฎหมายรับรองสิทธิให้คู่รักเพศเดียวกันสามารถจดทะเบียนสมรสกันได้ตามกฎหมาย และมีสิทธิในการรับอุปการะบุตรบุญธรรมเหมือนคู๋สมรสชายหญิง ฝรั่งเศสจึงเป็นประเทศลำดับที่เก้าของยุโรปและลำดับที่สิบสี่ของโลกที่มีการอนุญาตให้มีการแต่งงานของเพศเดียวกันได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย
หลังจากผ่านกฎหมายให้คนรักเพศเดียวกันสามารถแต่งงานกันได้แล้ว ข้อความในประมวลกฎหมายแพ่งเปลี่ยนแปลงไปเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของกฎหมายครอบครัวซึ่งได้มีการเปลี่ยนแปลงถ้อยคำและเพิ่มเติมบางมาตราขึ้น เช่น ในมาตรา 144 ได้ตัดคำบ่งบอกเพศในประเด็นอายุของชายและหญิงออก ให้ความหมายของการสมรสว่าเป็นสัญญาที่เกิดจากคนสองคนไม่ว่าจะเป็นเพศเดียวกันหรือต่างเพศกัน เกิดสิทธิในการรับบุตรบุญธรรมร่วมกัน เป็นต้น
แคนาดา : บุคคลไม่ว่าเพศใดก็จดทะเบียนสมรสกับคู่รักได้ ภายใต้กฎหมายเดียวกัน
ปี 2528 แคนาดาได้รับรองและบังคับใช้กฎหมายว่าด้วยสิทธิและเสรีภาพของประชาชนแคนาดา (The Charter of Rights and Freedoms) ซึ่งได้ตีความขยายขอบเขตในมาตรา 15 ว่าด้วยความเสมอภาคว่า ห้ามการเลือกปฏิบัติต่อบุคคลด้วยเหตุผลจากรสนิยมทางเพศที่แตกต่างกัน
ศาลสูงแห่งประเทศแคนาดาได้ตัดสินในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2542 ว่าการให้คำจำกัดความของคำว่า “คู่สมรส” ให้เป็นความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดของเพศตรงข้ามเท่านั้น ถือเป็นการไม่ยุติธรรมต่อคู่รักเพศเดียวกัน คำพิพากษานี้สืบเนื่องมาจากเหตุระหว่างคู่หญิงรักหญิงที่อีกฝ่ายต้องสิ้นเนื้อประดาตัวเมื่อตัดสินใจแยกทางกัน ศาลจึงแย้งคำจำกัดความว่า การที่ไม่รวมคู่รักเพศเดียวกันไปในคู่สมรสในกฎหมายครอบครัวนั้น จะเป็นการสร้างความเข้าใจผิดว่าความสัมพันธ์ของบุคคลรักเพศเดียวกันไม่ได้รับการยอมรับหรือมีคุณค่าน้อยกว่าของบุคคลรักต่างเพศ
ส่วนการอนุญาตให้สามารถแต่งงานในบุคคลเพศเดียวกันในแคนาดา เกิดขึ้นครั้งแรกในปี 2546 ในรัฐออนแทริโอและรัฐบริติชโคลัมเบีย ปี 2547 ในรัฐควิเบก รัฐแมนิโทบา รัฐแคตเชวัน รัฐนิวฟันด์แลนด์ และรัฐยูคอน เมืองโนวา สโคเทีย ปี 2548 ในรัฐนิวบรันสวิก นอกจากนั้นก็ยังคงมีการออกกฎหมายลักษณะเดียวกันอย่างต่อเนื่องในระดับรัฐเพื่อสร้างความเข้าใจที่ว่า การสมรสสามารถกระทำได้ทั้งบุคคลเพศเดียวกัน และบุคคลต่างเพศกัน
ต่อมาในปี 2548 แคนาดาได้ผ่านกฎหมายสมรส (Civil Marriage Act) รับรองสิทธิให้การสมรสกระทำได้ทั้งในบุคคลต่างเพศและบุคคลเพศเดียวกัน กฎหมายนี้เป็นกฎหมายระดับประเทศที่ใช้ร่วมกัน ในการประกอบพิธีสมรสคู่สมรสสามารถเลือกประกอบพิธีได้ทั้งทางศาสนาและทางราชการ โดยมีบาทหลวงและผู้พิพากษาเป็นผู้มีอำนาจในการประกอบพิธี ทั้งนี้ บาทหลวงจะยังคงสามารถปฏิเสธการดำเนินพิธีให้แก่คู่สมรสได้หากเห็นว่าเป็นการขัดต่อหลักศาสนาของตน นอกจากนี้ ผลของการจดทะเบียนสมรสยังส่งผลให้คู่สมรสเพศเดียวกันมีสิทธิและหน้าที่เท่ากันกับคู่สมรสต่างเพศ และสามารถหย่าขาดจากกันได้