4 ตุลาคม 2562 คณากร เพียรชนะ ผู้พิพากษาศาลจังหวัดยะลา อ่านคำพิพากษายกฟ้องจำเลยห้าคนในข้อหาหนัก พร้อมถ่ายเฟซบุ๊กไลฟ์จากห้องพิจารณาคดี หลังจากนั้นก็ยิงตัวเองบนบัลลังก์ สร้างความสั่นสะเทือนให้กับวงการยุติธรรมพร้อมกับทิ้งแถลงการณ์ความยาว 25 หน้า เอาไว้ในคดี ระบุถึงความกดดันจากการทำหน้าที่ การพยายามแทรกแซงให้เปลี่ยนคำพิพากษาจากอธิบดีผู้พิพากษาภาค 9 รวมทั้งอธิบายเหตุผลที่ตัดสินใจไม่รับฟังพยานหลักฐานอันได้มาจากกระบวนการควบคุมตัวภายใต้กฎหมายพิเศษ ในพื้นที่ชายแดนภาคใต้
11 ตุลาคม 2562 สมาคมนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน ร่วมกับคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และองค์กรด้านสิทธิมนุษยชน จัดงานเสวนาชื่อเดียวกับข้อเรียกร้องตามคำแถลงการณ์ของคณากร "คืนคำพิพากษาให้ผู้พิพากษา คืนความยุติธรรมให้ประชาชน" โดยมีวิทยากรร่วมเสวนา ทั้งประเด็นความเป็นอิสระของผู้พิพากษา และประเด็นสิทธิมนุษยชน กับกระบวนการยุติธรรมในพื้นที่ชายแดนภาคใต้
ดูงานเสวนา ทางเฟซบุ๊กไลฟ์ย้อนหลังได้ คลิกที่นี่
อับดุลเลาห์ หะยีอาบู ทนายความของจำเลยในคดีที่คณากรอ่านคำพิพากษาและยิงตัวเอง เล่าว่า ในคดีนี้จำเลยทั้งห้าผ่านกระบวนการบังคับใช้กฏหมายเกี่ยวกับความมั่นคงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ คือ พ.ร.บ.กฏอัยการศึก และ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถาการณ์ฉุกเฉิน แต่สุดท้ายไม่ได้ฟ้องข้อหาเกี่ยวกับความมั่นคง เพราะมูลเหตุคดีมาจากเรื่องส่วนตัว ปัจจุบัน แม้คดีจะพิพากษายกฟ้องแล้วแต่ยังมีคำสั่งให้ขังจำเลยระหว่างอุทธรณ์ จำเลยทั้งห้าจึงถูกขังที่เรือนจำ จ.ยะลา ครอบครัวของจำเลยส่วนใหญ่มีฐานะยากจน ไม่สามารถหาหลักทรัพย์ประกันตัว ซึ่งคาดว่าจะใช้คนละ 500,000 บาท
นอกจากนี้ ยังมีบุคคลอื่นถูกควบคุมตัวจากเหตุการณ์เดียวกันแล้วไม่ถูกดำเนินคดี แต่ถูกกันตัวไว้เป็นพยานในชั้นศาล อย่างไรก็ตาม พยานเหล่านี้ก็ยังมีพิรุธโดยให้การวกไปวนมา ใช้เวลาครุ่นคิด นิ่งเฉยสักพัก ไม่มั่นใจในการตอบคำถามค้าน พฤติการณ์เหล่านี้ถูกบันทึกในคำเบิกความพยานโดยผู้พิพากษาคณากร เพียรชนะ และถูกยกมาเป็นเหตุผลในการเขียนคำพิพากษา และตามแถลงการณ์ 25 หน้าของผู้พิพากษาคณากร
มาตรา ๒๒๖/๓ ข้อความซึ่งเป็นการบอกเล่าที่พยานบุคคลใดนำมาเบิกความต่อศาลหรือที่บันทึกไว้ในเอกสารหรือวัตถุอื่นใดซึ่งอ้างเป็นพยานหลักฐานต่อศาล หากนำเสนอเพื่อพิสูจน์ความจริงแห่งข้อความนั้น ให้ถือเป็นพยานบอกเล่า
ห้ามมิให้ศาลรับฟังพยานบอกเล่า เว้นแต่
(๑) ตามสภาพ ลักษณะ แหล่งที่มา และข้อเท็จจริงแวดล้อมของพยานบอกเล่านั้นน่าเชื่อว่าจะพิสูจน์ความจริงได้ หรือ
(๒) มีเหตุจำเป็น เนื่องจากไม่สามารถนำบุคคลซึ่งเป็นผู้ที่ได้เห็น ได้ยิน หรือทราบข้อความเกี่ยวในเรื่องที่จะให้การเป็นพยานนั้นด้วยตนเองโดยตรงมาเป็นพยานได้ และมีเหตุผลสมควรเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมที่จะรับฟังพยานบอกเล่านั้น
ในกรณีที่ศาลเห็นว่าไม่ควรรับไว้ซึ่งพยานบอกเล่าใด และคู่ความฝ่ายที่เกี่ยวข้องร้องคัดค้านก่อนที่ศาลจะดำเนินคดีต่อไป ให้ศาลจดรายงานระบุนาม หรือชนิดและลักษณะของพยานบอกเล่า เหตุผลที่ไม่ยอมรับ และข้อคัดค้านของคู่ความฝ่ายที่เกี่ยวข้องไว้ ส่วนเหตุผลที่คู่ความฝ่ายคัดค้านยกขึ้นอ้างนั้น ให้ศาลใช้ดุลพินิจจดลงไว้ในรายงานหรือกำหนดให้คู่ความฝ่ายนั้นยื่นคำแถลงต่อศาลเพื่อรวมไว้ในสำนวน
|