“ผมสังเกตว่าคนที่ถูกตีตรวนเขาเดินกันยังไง เขาทำเหมือนเข็มขัด รั้งเอาสายโซ่ขึ้นไปเกี่ยวไว้ที่เอว มันก็เดินลากไปได้ ก็หัดเดิน วันรุ่งขึ้นเห็นบางคนเขาวิ่งได้ ก็สังเกตว่าเขาทำได้ยังไง เขามีสายรัดโซ่ที่รั้งไว้กับเอวแนบกับต้นขา มันก็ไม่เกะกะ ก้าวเราจะสั้นหน่อย แต่ก็พอวิ่งเหยาะๆ ได้ ผมหัดอาทิตย์หนึ่งก็วิ่งเป็น ขยับตัวออกกำลังกายได้”
“คืนนั้นผมนอนลง แต่ไม่สามารถข่มตาให้หลับลงได้ มองไปที่ขาทั้งสองข้างเห็นโซ่ตรวนแล้วรู้สึกหดหู่ใจ จิตใจห่อเหี่ยว ท้อแท้สิ้นหวังเหมือนกับว่าผมไม่ใช่คน แต่เป็นเสือหรือลิงที่ถูกขังไว้ในกรงของสวนสัตว์ก็ไม่ผิดเวลาใส่หรือถอดกางเกงก็ลำบากมาก โซ่ซึ่งเป็นเหล็กขึ้นสนิมง่ายต้องหมั่นล้างขัดถูทำความสะอาดทุกๆ วัน มิเช่นนั้นอาจเป็นบาดทะยัก ทำให้เกิดแผลอักเสบได้ ตอนกลางคืนอากาศเย็นทำให้ตรวนที่ขาเย็นมากๆ เย็นทะลุเข้ากระดูก ต้องใส่ถุงเท้ายาวจนถึงหัวเข่า ไม่เช่นนั้นเวลานอนหลับแล้วเผลอไปนอนทับตรวนจะรู้สึกเย็นและสะดุ้งตื่นขึ้นมาตอนดึกๆ เป็นประจำ”
“ทันทีที่ผมเดินถึงข้างบ่อ ผมเริ่มรู้สึกตัวว่าผมคงจะมีปัญหากับการอาบน้ำเสียแล้ว ไม่ใช่เพราะการยืนอาบน้ำในที่โล่งแจ้ง แต่เป็นเพราะผมไม่รู้จะถอดกางเกงให้ออกจากโซ่ตรวนที่ข้อเท้าได้อย่างไรผมยืนมองผู้อื่นที่กำลังถอดกางเกงขาสั้นของเขาและคอยทำตามแต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ เขาถอดกางเกงกันอย่างคล่องแคล่วมากจนดูเหมือนการแสดงมายากล แล้วก็มีผู้ต้องขังผู้หนึ่งมาช่วยถอดกางเกงให้ผมด้วยใบหน้ายิ้มๆ พร้อมกับสอนผมไปด้วย
“พี่ต้องเอาขาข้างนี้ลอดห่วงนี้ก่อนแล้วย้อนขึ้นมา ทบกลับแบบนี้ แล้วจัดส่วนนี้แทรกลงไปในห่วงนี้…”ในที่สุดกางเกงขาสั้นของผมก็หลุดติดมือเขาออกมาจนได้ ผมขอบคุณเขาก่อนที่เจ้าตัวจะจากไปด้วยใบหน้ายิ้มๆ เป็นอันว่าผมได้ยืนอาบน้ำเหมือนกับคนอื่นๆ จนเสร็จเมื่อเช็ดตัวแห้งดีแล้วผมก็ต้องเผชิญกับความยากลำบากในการสวมกางเกงขาสั้นตัวใหม่ ทำอย่างไรจึงจะให้กางเกงผ่านโซ่ตรวนขึ้นมาได้ ผมได้ลองพยายามอยู่หลายท่า หลายวิธี จนน้องผู้ต้องขังคนเดิมเข้ามาช่วยสอนอย่างสุภาพ และจากไปด้วยใบหน้ายิ้มๆ เหมือนเดิม หลังจากที่ผมกล่าวขอบคุณเขาอีกครั้งที่ช่วยผมสวมกางเกงได้สำเร็จ ทันเวลาขึ้นเรือนนอนพอดี”
"ยามดึกดื่นค่อนคืน บางครั้งที่ตื่นขึ้นมาเข้าห้องน้ำ เขาเห็นเพื่อนร่วมห้องหลายคนยังนอนไม่หลับ บางคนนอนคว่ำเขียนจดหมายถึงพ่อแม่หรือลูกเมียที่บ้าน บางคนนอนหงายมือก่ายหน้าผากเหมือนกำลังคิดหนัก หลายคนนอนกระสับกระส่าย เสียงโซ่ตรวนที่ข้อเท้ากระทบกันดังเป็นระยะ ยามพลิกตัวเปลี่ยนอิริยาบถ เสียงนั้นสะท้อนก้องเข้าไปกระทบถึงในจิตใจเขาจนรู้สึกสั่นสะท้าน เวลานี้เขากับผองเพื่อนมีสภาพไม่ต่างไปจากสัตว์ที่ถูกขังในกรงรอส่งชำแหละที่โรงฆ่า มีโซ่ตรวนพันธนาการแน่นหนาที่ข้อเท้าหมดสิทธิ์จะเล็ดลอดหลบหนี รอเวลาที่เจ้าของจะจับไปเชือดคอเมื่อไรก็ได้"
"การถูกล่ามโซ่ตรวน สร้างความลำบากในการดำเนินชีวิตประจำวันให้กับนักโทษทุกคน ไม่ว่าจะเป็นการเดิน การเคลื่อนไหวร่างกาย การออกกำลังกาย การเล่นกีฬาต่างๆ หรือการจะเปลี่ยนอิริยาบถเมื่อปวดเมื่อยก็ลำบาก หรือแม้แต่เวลานอนก็จะหนวกหูกับเสียงดังของโซ่ที่กระทบกันดังนั้น นักโทษต่างชาติมักจะร้องเรียนไปยังสถานทูตของตนเอง หน่วยงานหรือองค์กรต่างๆ ยกตัวอย่างเช่น นักโทษต่างชาติผิวดำชาวแอฟริกันจะอ้างว่าการถูกล่ามโซ่แสดงถึงความเป็นทาส หรือนักโทษต่างชาติผิวขาวก็จะอ้างว่าการถูกล่ามโซ่มีผลต่อสุขภาพ ทำให้เจ็บข้อเท้า บางครั้งเกิดเป็นแผลเน่าอักเสบ เดินลำบากไม่ถนัด หรือไม่สามารถออกกำลังกายได้ อย่างเช่น วิ่ง เตะฟุตบอล หรือตะกร้อ เป็นต้น"
“ผมเองต้องตกอยู่ในสภาพการถูกล่ามโซ่ เมื่อถูกส่งตัวไปศาล และย้ายที่คุมขังจากเรือนจำหนึ่งไปอีกที่หนึ่ง ซึ่งจะต้องตีตรวนด้วยโซ่ไว้ที่ขาทั้งสองข้าง มีผู้คุม 4 คน พร้อมอาวุธปืน นำใส่รถกรงขังที่มีความแน่นหนาเพื่อป้องกันการหลบหนีระหว่างเดินทาง ผมถูกตีตรวนล่ามโซ่ไว้ก่อนเดินทางหนึ่งวัน เมื่อไปถึงที่หมายยังต้องอยู่กับมันอีกหนึ่งวัน โซ่มีน้ำหนักมากประมาณ 3 – 5 กิโลกรัม ขนาดของโซ่ 10 – 18 มิลลิเมตร เวลาเดินเจ็บข้อเท้า ต้องดึงโซ่ไว้ตลอดเวลา ไม่ให้ลากกับพื้น โซ่เป็นสนิมมักจะเสียดสีกับผิวหนังจนเกิดเป็นแผลถลอก มักจะติดเชื้อลุกลามเป็นแผลเน่าใช้เวลารักษาอยู่หลายเดือน และมักจะเป็นรอยแผลดำจารึกไว้บนข้อเท้าตลอดไป”